สระบรรลุเทพกระเพื่อมอย่างรุนแรง มีเทพองค์ใหม่บรรลุขึ้นมา
“ในที่สุดก็มีคนใหม่บรรลุขึ้นมาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าจะอยู่ในระดับไหน”
“กู้เผิง ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็จะส่งมอบงานได้แล้ว”
“จริงสิ ซุนไห่ ในที่สุดพวกเราก็จะได้กลับไปแล้ว” กู้เผิงกล่าว
“ไม่ได้กลับสำนักมานานแล้ว รู้สึกพลังถดถอยไปไม่น้อย” เมื่อซุนไห่นึกถึงความแตกต่างแล้วก็อดเศร้าใจไม่ได้
“วางใจเถอะ ตอนนี้มีคนใหม่ปรากฏตัวขึ้น หากเป็นระดับสูง พวกเราก็จะได้รางวัล ใครจะไปรู้ว่าครั้งหน้าจะมีคนบรรลุขึ้นมาอีกเมื่อไร พวกเราโชคดีแล้ว” กู้เผิงกล่าว
สระบรรลุเทพเกิดแรงกระเพื่อม ไม่นานหนานกงเวิ่นเทียนหลับตาในขณะที่ร่างกายกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงนั้นก็ปรากฏตัวขึ้น เป็นเพราะปราณก่อนกำเนิดของตัวเองได้กลายเป็นปราณก่อนกำเนิดเทพ ทำให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานนักการเปลี่ยนแปลงเป็นร่างเทพของหนานกงเวิ่นเทียนก็เสร็จสิ้นลง แต่ว่ายังไม่หยุดแค่เพียงเท่านั้น ยังคงดำเนินต่อไป
“สุดยอด คุณสมบัติเช่นนี้จะต้องเป็นศิษย์ระดับสูงแน่” ซุนไห่มองดูหนานกงเวิ่นเทียนที่ร่างกายเปลี่ยนแปลงเป็นร่างเทพด้วยความรวดเร็ว
“ซุนไห่ เจ้าดูสิ ผมของเขาเป็นสีฟ้าเหมันต์” กู้เผิงพบเรื่องที่น่ามหัศจรรย์ใจ
“สีฟ้าเหมันต์ เทพที่เป็นตัวเลือกของโหวผู้ถูกเลือก” ซุนไห่พูดด้วยความประหลาดใจ นี่ไม่ใช่ศิษย์ระดับสูง แต่เป็นถึงผู้ถูกเลือก คิดไม่ถึงว่าโลกเบื้องล่างมีคนเก่งกาจเช่นนี้บรรลุขึ้นมา
“มีเพียงแต่ว่าที่ผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเท่านั้นถึงจะอยู่ที่นี่ หากเป็นเทพระดับล่างจะไม่ผุดขึ้นมาบนสระบรรลุเทพ แล้วร่างกายยังคงเปลี่ยนเป็นร่างเทพต่อได้อีก” กู้เผิงกล่าว พวกเขาโชคดีทีเดียวที่ได้เจอเทพซึ่งเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพ คิดว่ากลับไปคงจะได้รางวัลไม่น้อย
หนานกงเวิ่นเทียนกำลังดำดิ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมในการบำเพ็ญเพียรอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เขารู้สึกว่าตนเองยังพัฒนาไปได้เรื่อยๆ ปราณก่อนกำเนิดเทพในร่างกายพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง หงส์น้อยโดดเด่นสะดุดตามากยิ่งขึ้น
เมื่อรู้สึกเต็มอิ่ม หนานกงเวิ่นเทียนก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะถูกสระบรรลุเทพพ่นออกมา
“พระเจ้า ดวงตาของเขาเป็นสีฟ้าเหมันต์” ซุนไห่ตะโกน
“พิเศษเสียยิ่งกว่าผู้ท้าชิงคนอื่นๆมากนัก นี่เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพแน่นอน” กู้เผิงตะโกน
หนานกงเวิ่นเทียนสับสน ทำไมไม่ว่าที่ไหนก็มีสิ่งที่เรียกว่าคนนำทางตลอด เพียงแต่ฮูหยินของเขาล่ะ หรือว่าแยกจากกันอีกแล้ว
“ขออนุญาตสอบถามผู้อาวุโส ที่นี่มีสระบรรลุเทพที่อื่นอีกหรือไม่” หนานกงเวิ่นเทียนเอ่ยปากถาม
“หืม หากว่าข้าจำไม่ผิด ทั้งโลกเทพมีสระบรรลุเทพแค่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น” กู้เผิงประหลาดใจน้อยๆ ท่านนี้สมแล้วที่เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพ คำถามของเขาแตกต่างไปจากคนอื่นๆ
“มีแห่งเดียวหรือ?” หนานกงเวิ่นเทียนขมวดคิ้ว เขากับฮูหยินบรรลุขึ้นมาพร้อมกันชัดๆ ทำไมมีแค่เขาเพียงคนเดียว หนานกงเวิ่นเทียนมองสระบรรลุเทพ ข้างในมองไม่เห็นแม้แต่เงาคน ถ้าเช่นนั้นน้องหญิงของเขาอยู่ที่ไหน เมื่อหวนนึกถึงบทสนทนาในขณะที่บรรลุของพวกเขาว่าพวกเขาจะพบกันแน่ ถึงแม้จะไม่เข้าใจว่านางไปอยู่ที่ไหน ในเมื่อมีสระบรรลุเทพเพียงแห่งเดียว
“ศิษย์น้อง ยินดีต้อนรับสู่โลกเทพ เจ้ามีคุณสมบัติโดดเด่น ที่นี่มีสำนักโลกเทพ ต้องจบการศึกษาจากสำนักโลกเทพจึงจะสามารถออกไปได้ ด้วยคุณสมบัติของศิษย์น้องแล้ว ในอนาคตจะต้องได้รับสืบทอดตำแหน่งเทพอย่างแน่นอน” กู้เผิงพูดอย่างนอบน้อม
“ตำแหน่งเทพ?” หนานกงเวิ่นเทียนประหลาดใจ
“ใช่แล้ว ตอนนี้เทพมีน้อยนัก มีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น คนแรกคือใต้เท้าหลิงเฟิง เทพวายุ ควบคุมลม อีกคนหนึ่งคือใต้เท้ามั่วหลิน เทพพสุธา ควบคุมพื้นดิน สุดท้ายคนสุดท้ายนั้นค่อนข้างจะลึกลับ ใต้เท้าโยวหวง เป็นเทพรัตติกาล ควบคุมกลางวันกลางคืน ส่วนตำแหน่งเทพที่เหลือยังคงว่างอยู่” ซุนไห่อธิบาย
“แล้วเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย” หนานกงเวิ่นเทียนรู้สึกว่าไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเทพที่เพิ่งจะบรรลุขึ้นมาแบบเขา
“เกี่ยวสิ ศิษย์น้องได้ยินแล้วใช่ไหมว่าตำแหน่งเทพยังว่าง ตอนนี้มีคนที่เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพนั้นมีน้อยนิด ส่วนเจ้าก็เป็นคนผู้นั้นพอดี’ กู้เผิงกล่าว
“ดังนั้น ข้าก็คือผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพเช่นนั้นหรือ?” ในที่สุดหนานกงเวิ่นเทียนก็เข้าใจ แต่ตัดสินให้เขาเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพจากตรงไหนกัน
“จริงสิ ศิษย์น้องสงสัยใช่หรือไม่ว่า ทำไมข้าถึงเรียกศิษย์น้องว่าเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเทพ เพราะหลังจากเป็นเทพที่แท้จริงแล้วผมกับดวงตาจะเปลี่ยนเป็นสีเดียวกัน เหมือนกับใต้เท้าหลิงเฟิง เทพวายุมีดวงตากับผมเป็นสีเทา” กู้เผิงอธิบาย
ดังนั้นที่ดวงตากับผมของเขากลายเป็นสีฟ้าเหมันต์ นั่นเป็นสัญลักษณ์บอกว่าเขาอาจจะกลายเป็นเทพที่แท้จริง เช่นนั้นแล้วดวงตากับผมสีรุ้งของฮูหยินเล่า
“แต่ก็นะ ศิษย์น้อง เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ราชาเทพแห่งดวงดาวได้ทำนายเอาไว้ว่าจะมีมหาเทพสูงสุดมาปกครองโลกเทพ สยบความวุ่นวายทั้งปวง ว่ากันว่ามีผมและดวงตาเป็นสีรุ้ง แต่ก็ยังไม่ปรากฏสักที” ซุนไห่ออกตัวว่าเสียดาย
“ศิษย์พี่หมายความว่าผู้ที่มีผมและดวงตาสีรุ้งจะเป็นมหาเทพสูงสุด” หนานกงเวิ่นเทียนจงใจถามขึ้นด้วยท่าทีประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่าฮูหยินของเขาจะเป็นมหาเทพสูงสุด แต่ไม่รู้ว่านางไปอยู่ที่ไหน ไม่ปรากฏตัวขึ้นเสียที
“ศิษย์น้อง พวกเรากลับไปที่สำนักกันก่อนเถอะ” กู้เผิงกล่าว พวกเขาจะได้เสร็จสิ้นภารกิจ กลับไปรับรางวัลแล้วตั้งใจฝึกบำเพ็ญ
“ขอรับ” เขาเชื่อว่าเขากับฮูหยินจะต้องได้พบกันแน่นอน
ส่วนเรื่องหลิวหลีไปไหนนั้น คงต้องย้อนกลับมาที่ก้นสระของสระบรรลุเทพ หลิวหลีหลับตาแน่น เพียงแต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นไม่ใช่เพียงแค่ร่างกายของนาง เพลิงเซียนทั้ง 10 ในร่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน หลังจากที่นางบรรลุเป็นเทพ เพลิงเซียนทั้ง 10 ก็เกิดมีดวงจิตเป็นของตนเอง นอกจากเพลิงเซียนที่มีดวงจิตเป็นของตนเองอยู่แล้วอย่างเพลิงเซียนนพเก้ามอดนภา เพลิงเซียนหยินหยาง เพลิงเซียนดวงใจพสุธาและเพลิงเซียนลมสลาตัน เพลิงเซียน 6 ชนิดที่เหลือก็เกิดเป็นดวงจิต กลายเป็นเพลิงเทพ โดยอาศัยสระบรรลุเทพ เมื่อเพลิงเซียนกลายเป็นเพลิงเทพยิ่งทำให้นางไร้เทียมทาน สามารถพูดได้ว่าทันทีที่นางบรรลุเป็นเทพ ก็มีผู้ช่วยอีกกลุ่มหนึ่งตามขึ้นมาด้วย
เพลิงเซียนนพเก้ามอดนภากลายเป็นเพลิงเทพก่อน หลังจากนั้นเพลิงเซียนหยินหยางก็ตามมา เพลิงเซียนบุปผาเหมันต์เป็นเพลิงชนิดสุดท้ายที่กลายเป็นเพลิงเทพ ทั้งโลกเทพก็เกิดแสง 10 สีทอประกาย ทุกคนดูภาพบรรยากาศที่แสนอัศจรรย์
“ 10 สี ผู้ท้าชิงตำแหน่งมหาเทพสูงสุดได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว” ราชาเทพแห่งดวงดาวมองท้องฟ้าอย่างดีอกดีใจ ดีจริงๆ มหาเทพสูงสุดปรากฏตัวแล้ว ความวุ่นวายในโลกเทพจะได้สิ้นสุดลงสักที
“คิดไม่ถึงว่าจะปรากฏตัวแล้ว ข้าจะไม่อาจกลายเป็นมหาเทพสูงสุดได้แล้วหรือ สวรรค์ ทำไมท่านช่างไม่ยุติธรรม ข้าไม่เชื่อหรอก สวรรค์ ข้าล่ะอยากจะเห็นหากข้าทำลายคนผู้นี้แล้ว ท่านจะยังมีใครให้เลือกอีกหรือไม่” เยี่ยโยวหวงมองฟ้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม
“คนผู้นี้เป็นใครกันแน่ ทุกคนต่างก็อยู่ในสำนัก คนผู้นั้นเป็นใครกันแน่?” หมิงเยี่ย เจ้าสำนักแห่งสำนักโลกเทพพูดขึ้น
“เจ้าสำนัก ข้าพาศิษย์น้องคนใหม่มารายงานตัว” เสียงของกู้เผิงลอยเข้ามา
“เข้ามา” หมิงเยี่ยเดาว่าจะใช่เด็กใหม่ผู้นี้หรือไม่
กู้เผิงพาหนานกงเวิ่นเทียนที่มีผมและดวงตาสีฟ้าเหมันต์เข้ามา ใบหน้าเขาฉายแววประหลาดใจ ผู้ท้าชิงเทพเหมันต์ ถึงจะไม่ใช่ผู้ท้าชิงในตำแหน่งเทพสูงสุด แต่ว่าเทพเหมันต์ก็ถือว่าใช้ได้ทีเดียว
“ไม่เลว ภารกิจของพวกเจ้าทั้งสองคนเป็นอันเสร็จสิ้น ไปรับรางวัลได้ ส่วนเจ้าเด็กใหม่ เจ้าชื่ออะไร” หมิงเยี่ยถามอย่างเป็นมิตร
“หนานกงเวิ่นเทียน”
“หนานกงเวิ่นเทียน ชื่อไม่เลว เจ้าเป็นศิษย์ผู้ถูกเลือกของสำนัก มีสิทธิพิเศษ ตั้งใจบำเพ็ญฝึกฝน ก็จะสามารถเป็นเทพที่แท้จริงได้โดยเร็ว” หมิงเยี่ยให้กำลังใจ
“ขอบคุณท่านเจ้าสำนัก” หนานกงเวิ่นเทียนกล่าว เขาไม่สนใจสิทธิพิเศษที่อีกฝ่ายว่าจริงๆ
“ท่านเจ้าสำนัก หากว่ามีศิษย์คนใหม่มา รบกวนช่วยบอกเวิ่นเทียนด้วยได้หรือไม่ ฮูหยินของข้าก็ใกล้จะบรรลุขึ้นมาแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนไม่ได้บอกว่า จริงๆแล้วหลิวหลีบรรลุขึ้นมาพร้อมกันกับเขา
“อ้อ ดูแล้วฮูหยินของเจ้าก็น่าจะเป็นคนที่มีความสามารถมากทีเดียว” เจ้าสำนักรู้สึกว่าฮูหยินของผู้ท้าชิงเทพเหมันต์ น่าจะเป็นผู้บำเพ็ญธาตุวารี จนได้เจอกับหลิวหลี เขาถึงได้รู้ว่าไม่ควรตัดสินคนจากภายนอก