แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 50 งูหลามมรกต

นางปฎิเสธคำชวนของสุ่ยเจิ้นปัวซ้ำไปมา หลิวหลีไปที่สำนักสาขาของสำนักเมฆาคล้อยก่อนเพื่อส่งข่าวตนเองให้อาจารย์ทราบ จากนั้นจึงวางแผนไปหาเพลิงวิญญาณพฤกษาและรับปากสุ่ยหลิงเอ่อร์ว่าจะหาอสูรภูตที่เหมาะสมกับนางให้
หลิวหลีมองดูแผนที่ ก็พบว่ามีใกล้ๆนี้มีหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อหมู่บ้านต้าเย่ หลิวหลีจึงวางแผนจะเข้าป่าจากฝั่งหมู่บ้านต้าเย่
ส่วนเจ้าเมืองได้รับแจ้งว่ามีอสูรปีศาจบุกหมู่บ้าน ชาวบ้านจำนวนไม่น้อยเดือดร้อนต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน สุ่ยหลิงกวง สุ่ยหลิงเอ๋อร์และหูเหม่ยอวี้เป็นผู้นำกลุ่มคนออกเดินทาง
“เอ๋าเลี่ย เหตุใดหมู่บ้านต้าเย่ถึงแปลกพิกล” เมื่อเท้าหลิวหลีย่างถึงหมู่บ้านก็พบว่าภายในวังเวงเงียบเหงา ทั้งยังมีกลิ่นเลือดจางๆลอยมา
“มีกลิ่นอายของอสูรปีศาจอยู่ แต่เลือดเป็นของมนุษย์ ไปทางทิศตะวันออก” เอ๋าเลี่ยสัมผัสอยู่ครู่หนึ่งจึงบอกตำแหน่งแก่หลิวหลี
ตอนหลิวหลีไปถึงก็พบกับงูหลามมรกตยักษ์ที่กำลังกินชายหนุ่มผู้หนึ่ง หลิวหลีรีบยิงลูกไฟ แล้วหยิบดาบขนาดใหญ่ออกมา งูยักษ์ตัวนี้พบว่าเหมือนหลิวหลีจะน่ากินกว่ามนุษย์ จึงปล่อยชายหนุ่มผู้นั้นแล้วพุ่งมาทางหลิวหลี ทันทีที่หลิวหลีจ้องมันเขม็งมันก็ถึงได้สำนึกว่าตนเองซวยเข้าแล้ว ทำไมนางถึงได้มีสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับพวกอสรพิษนัก!
เอ๋าเลี่ยเองก็ตกใจ นังหนูคนนี้ช่างมีวาสนาต้องกันกับงูจริงๆ เจ้างูตัวนี้ซวยแล้ว หลิวหลีปรายตามอง ยกมีดขึ้นมาแล้วพุ่งไปหาเจ้างูยักษ์ นางมองมันอย่างละเอียด ลำตัวมันช่างหนาเสียเหลือเกิน   มันพ่นลูกศรน้ำไม่หยุดหย่อน หางขนาดใหญ่ของมันฟาดลงบนพื้นจนเกิดเป็นรอยลึก หลิวหลีหลบไม่หยุด เจ้างูยักษ์น่ารำคาญเสียจริง หลิวหลีที่อดรนทนไม่ไหวโยนยันต์กองใหญ่ ก่อนจะหาที่หลบเพื่อหายใจ ส่วนมนุษย์ผู้นั้นเห็นผู้บำเพ็ญมาก็วิ่งหนีไปจนไม่เห็นเงาเสียตั้งนานแล้ว
เจ้างูยักษ์มรกตกำลังมองหาหลิวหลี ร้อนรนใจจริงๆ! หลิวหลีมองมันครู่หนึ่ง ดีล่ะ จะสังหารมันแล้วเอาเนื้อให้หงหลินกิน จะว่าไปหงหลินกินเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ไหมนะ หลิวหลีส่งเสียงถามเอ๋าเลี่ย ให้ถามหงหลินว่ามันกินเนื้องูหรือไม่? คำตอบที่ได้รับมานั้นก็คืองูมรกตตัวนี้กำลังตั้งท้อง! หนำซ้ำพลังเซียนของมันไม่พอมันอาจจะให้กำเนิด! โอ้ยจะบ้า! หลิวหลีสบถอย่างอดไม่ได้  มันคงจะกินคนเพื่อเพิ่มพลังเซียนและโลหิต มิน่าล่ะมันถึงได้ตัวหนาขนาดนี้!
“เจ้างูมรกต เรามาเจรจากันสักหน่อย ข้าจะให้หินวิญญาณแก่เจ้า เจ้าปล่อยคนในหมู่บ้านนี้ไปดีหรือไม่ พวกเขาให้พลังเซียนอย่างที่เจ้าต้องการไม่ได้หรอก อีกทั้งการฆ่าฟันของเจ้า จะส่งผลเสียต่อลูกเจ้าเอง” หลิวหลีส่งเสียงตะโกนพลางกระโดดออกมา งูหลามมรกตเตรียมจะงาบอีกฝ่ายก็ดิ้นรนรุนแรง ท่าทางเจ็บปวด เห็นได้ชัดว่าหลิวหลีพูดตรงจุดของมัน
“ข้ามีของสิ่งหนึ่งที่จะช่วยเจ้าได้ เจ้าพาข้าไปที่ที่เจ้าคิดว่าปลอดภัย ข้าจะไปกับเจ้า” หลิวหลีพูดต่อ
มันเข้าใจสิ่งที่หลิวหลีพูด และมันเองรู้ดีว่าต่อให้กินคนไปมากเท่าไหร่ก็ไม่ได้รับประกันว่าการมีชีวิตรอดของลูกมัน จึงยอมพยักหน้าแต่โดยดี จากนั้นก็นำหลิวหลีไปอีกทาง ซึ่งหลิวหลีเองก็ตามมันไปติดๆเช่นกัน
หลังจากหลิวหลีเดินไปไม่นาน พวกสุ่ยหลิงเอ๋อร์ก็มาถึง เจอชายที่หลิวหลีช่วยไว้ หลังจากเล่าเรื่องให้พวกสุ่ยเลิงเอ๋อร์ฟังด้วยน้ำเสียงสั่นเทาแล้วก็ชี้บอกทาง
“ฟังที่เขาบรรยาย คงจะเป็นน้องหลิวหลี” สุ่ยหลิงเอ๋อร์พูดเบาๆ
“นางมาที่นี่ได้อย่างไร” สุ่ยหลิงกวงถามพลางขมวดคิ้ว
“พวกเรารีบไปกันเถอะ หากน้องหลิวหลีเกิดเรื่อง เมืองต้าเย่ได้ล่มสลายเป็นแน่” สุ่ยหลิงเอ๋อร์เอ่ยอย่างกังวล หากปรมาจารย์พิโรธ คนทั้งเมืองก็ชดใช้ชีวิตนางไม่พอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลิวหลีเป็นถึงศิษย์ของปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่! ผู้คนต่างตกตะลึง เมื่อรู้ตัวตนของหลิวหลี นี่เป็นคนสูงศักดิ์ แล้วพวกเขายังไม่ยอมรับในเจตนาดีของอีกฝ่าย  อนิจจา ใบหน้าของหูเหม่ยอวี้ดูมืดมน นางไม่รู้ว่าปู่และพี่สาวของนางจะมีตาแต่หาไม่มีแววไม่เช่นนี้
“ไปเถอะ” สุ่ยหลิงเอ๋อร์ไปตามทางที่ชาวบ้านบอก อีกทั้งชาวบ้านยังแอบบอกนางว่า เหมือนว่าผู้บำเพ็ญคนนั้นจะบอกว่าเป็นงูหลามมรกต อีกทั้งมันยังตั้งท้องอยู่อีกด้วยเป็นข้อมูลที่ช่างสำคัญนัก
หลิวหลีตามมันไปที่รังเก่าก่อนจะลงไปในน้ำ หลิวหลีโยนแผ่นค่ายกลไว้บนฝั่ง จากนั้นถึงลงไปในน้ำ หลิวหลีหยิบไข่มุกแหวกนทีไว้ในมือแล้วรีบเข้าไปในถ้ำที่งูหลามมรกตอยู่อย่างรวดเร็ว
หลิวหลีมีสติแจ่มแจ้ง นางหยิบหินวิญญาณนับร้อยชิ้นออกมา คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนำของสิ่งหนึ่งออกมา  ตาของงูหลามมรกตก็แดงก่ำ
“นี่คือลูกแก้วเซียนวารี สามารถให้พลังเซียนได้ ไม่ได้จะให้เจ้ากินมันนะ จะบอกว่าเจ้าเล่นตุกติกกับข้าก็ไร้ประโยชน์ จื่อฉี หงหลิน ออกมา” หลิวหลีย่อมเห็นความละโมบของมันจึงให้หงหลินแสดงร่างเดิมออกมา ทำให้รู้สึกไม่ค่อยสบายตัวเล็กน้อยแต่ทั่วร่างจื่อฉีกลับมีสายฟ้าล้อมรอบตัวมัน แรงกดดันจากอสูรที่หนาแน่นกดให้งูหลามมรกตนอนนิ่งพื้น จนไม่กล้าจะแม้แต่จะคิดสังหารคนเพื่อชิงสมบัติไป
งูหลามมรกตนอนแผ่บนหินวิญญาณ ลูกแก้วเซียนวารีอยู่บนท้องมัน ไอวิญญาณวารีที่หนาแน่นทำให้มันรู้สึกสบายอย่างยิ่ง  หลังจากวางเรียบร้อยแล้ว หงหลินก็กลับมาเป็นสร้อยข้อมือของหลิวหลีดังเดิม ส่วนจื่อฉีก็เดินไปรอบๆอย่างร่าเริง
ทันใดนั้นงูหลามมรกตคำรามด้วยความเจ็บปวดจนเบิกตาโพลง
“ใกล้คลอดแล้ว” เอ๋าเลี่ยส่งเสียงบอกหลิวหลี
“คลอดเร็วอะไรขนาดนี้เนี่ย ต้องรีบต้มน้ำ มีด และผ้าสะอาดหรือไม่” หลิวหลีนึกถึงฉากคลอดที่นางเคยเห็นมาส่วนพวกที่ร่ำรวยสักหน่อยเหมือนจะต้องเตรียมโสมเอาไว้เพื่อบำรุงร่างกาย
“งูหลามมรกตตัวนี้มันคลอดลูกมาได้หรือไม่ มันเดินทางผิดก่อกรรมทำเข็ญ เดี๋ยวจะมีด่านเคราะห์อัสนี มันทนไม่ไหวแน่” เมื่อสัตว์อสูรตั้งท้องพลังบำเพ็ญของของมันจะลดลง ทั้งทำก่อกรรมคร่าชีวิต อาจจะระเบิดเป็นเถ้าถ่านก่อนที่ลูกของมันจะออกมาด้วยซ้ำ และเหมือนเด็กในท้องจะรู้สึกได้ว่าตนเองจะออกมาลืมตาดูโลกอย่างยากลำบาก มันเต้นเร่าอย่างบ้าคลั่งในท้อง เจ้างูมรกตส่งเสียงโหยหวน นัยน์ตางูจ้องหลิวหลีด้วยแววอาดูร
“เอ๋าเลี่ย เจ้ามีวิธีอะไรหรือไม่? อย่างไรก็ดี มีหนึ่งชีวิตอยู่ในท้องมัน บาปกรรมไม่ควรไปตกที่ลูกหลาน”  หลิวหลีใจอ่อน งูหลามมรกตเข่นฆ่าชาวบ้านสมควรจะถูกฟ้าผ่า แต่เด็กในท้องนั้นบริสุทธิ์
“เฮ้อ นังหนู แผ่นค่ายกลที่อาจารย์ให้เจ้ามาสามารถปิดบังสวรรค์ได้ชั่วคราว เมื่อนางคลอดเสร็จ ก็คลายค่ายกล ถึงตอนนั้นสายฟ้าจะยิ่งรุนแรงขึ้น” เอ๋าเลี่ยถอนหายใจ เจ้าหนูนี่ใจอ่อนเกินไปแล้ว
หลิวหลีถ่ายทอดคำพูดอีกครั้ง งูหลามมรกตได้ยินก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว มันก่อกรรมก็เพื่อที่จะคลอดลูกไหว
เมื่อหลิวหลีเจอแผ่นค่ายกลจากนั้นจึงโยนออกไป พวกสุ่ยหลิงเอ๋อร์ที่อยู่ด้านนอกพบว่าสายฟ้าบนท้องฟ้าได้หายไปอย่ากระทันหัน ก็รู้สึกประหลาดใจกันไม่น้อย
งูหลามมรกตคำรามอย่างโหยหวนหนักขึ้นทุกที ร่างกายส่วนล่างโดยเฉพาะส่วนหางเต็มไปด้วยเลือดข้นคลั่ก เอาจนจู่ๆหลิวหลีก็รู้สึกไม่อยากมีคู่ หากท้องขึ้นมาแล้วต้องคลอดลูกชักจะน่ากลัวเกินไปแล้ว!
เมื่อรู้สึกได้ว่างูหลามมรกตอ่อนแอลงเรื่อยๆ หลิวหลีก็หยิบโสมราชามังกรหยกม่วงชิ้นหนึ่งออกมา นางได้มันมาจากแดนลับแล ยัดเข้าไปในปากมัน รสยาที่อบอวนนั้นก็มอบพลังชีวิตทะลักหลั่งเข้าร่างมัน มันใช้แรงเฮือกสุดท้ายและเบ่งไข่ที่มีริ้วลายลูกหนึ่งออกมา
“เอ๊ะ! กลายพันธ์แล้ว ไข่ของมันไม่อาจเรียกว่างูหลามมรกตได้แล้ว น่าจะเป็นราชางูหลามมรกต” เอ๋าเลี่ยมองออกในปราดเดียว
ความรักของมารดาเปล่งประกายในดวงตามัน มันประคองไข่และผลักไข่ไปให้หลิวหลี และสำรอกจุดพลังของมันออกมา
“ลูกของเจ้าเป็นราชางูหลามมรกต เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าจะให้ข้าเลี้ยงดูเขารึ จุดพลังนี่ให้เจ้าลูกหรือ?” หลิวหลีมองไข่งูและจุดพลังพลางถาม
มันสำรอกจุดพลังใส่มือหลิวหลีแล้วส่งเสียงออกมา
“นางบอกว่าจุดพลังนี่เป็นของขวัญของเจ้า ฝากให้ให้เจ้าดูแลลูกมันให้ดีๆ” เอ๋าเลี่ยอธิบาย
“ให้ดูแลคงไม่ได้ ข้ามีอสูรภูตเยอะขนาดนั้นไปทำอะไร ข้ายกให้พี่สาวข้าได้ ข้ากำลังหาอสูรภูตให้นางพอดี”
หลิวหลีแสดงเจตนาของตน งูหลามมรกตรู้ดีว่ามันคงไม่สามารถบังคับหลิวหลีได้ ได้แต่หวังว่าลูกตนจะมีเจ้านายที่ดีจึงยอมรับปาก หลิวหลีเก็บลูกแก้วเซียนวารีเก็บไข่งูและจุดพลังของงูมรกต
“เจ้าเตรียมตัวพร้อมแล้วหรือยัง ข้าจะเก็บค่ายกลแล้ว” หลิวหลีพูดกับงูหลามมรกต
มันพยักหน้า จากนั้นหลิวหลีจึงพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และเก็บแผ่นค่ายกลไปด้วย สายฟ้าฟาดลงมา งูหลามมรกตกลายเป็นกองเถ้าถ่านกลางกองสายฟ้า

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset