พอบรรดาอสูรออกไปด้านนอกกันเยอะแล้ว หลิวหลีก็ไปถึงถ้ำต้นไม้ที่อยู่สูงสุด หลิวหลีหายใจเข้าลึก เพลิงวิญญาณไม้… นางมาแล้ว ไม่รู้ว่าเสี่ยวเทียนที่อยู่ขั้วโลกเหนือจะเป็นอย่างไรบ้าง นางคิดว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะได้พบกัน หลิวหลีสูดหายใจลึกก่อนก้าวเข้าไปในถ้ำต้นไม้
เมื่อเข้าไปในถ้ำต้นไม้ นางสัมผัสได้ถึงเปลวเพลิงอันรุนแรงที่มาพร้อมกับพลังชีวิต กลิ่นอายชีวิตที่ทรงพลังทำให้นางสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ของพลังชีวิต
“อาเลี่ย กลิ่นอายชีวิตหนาแน่นมาก” หลิวหลีพูดกับเอ๋าเลี่ย
“ใช่แล้ว เพลิงวิญญาณไม้ดูดพลังชีวิตของต้นไม้ไม่หยุด พลังชีวิตที่มากมายแต่ก็มีอันตรายที่มากมายเช่นกัน” เอ๋าเลี่ยวิเคราะห์
“อันตรายอย่างไรข้าก็จะพิชิตมัน” หลิวหลีพูดอย่างมั่นใจ
“ครั้งนี้ต่างจากที่ผ่านมา สองครั้งแรกเป็นเพลิงอัคคีเพิ่งจะกำเนิดใหม่ ครั้งนี้เป็นเพลิงอัคคีที่สมบูรณ์แล้ว” เอ๋าเลี่ยพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อาเลี่ย ข้าเข้าใจในสิ่งที่เจ้าพูด แต่เจ้าก็รู้ว่าข้าเลือกไม่ได้ ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่เป็นอะไรหรอก” หลิวหลีพูดขึ้น นางไม่มีทางเลือก นางรู้ว่าอาเลี่ยเป็นคนที่แข็งนอกอ่อนใน ไม่เช่นนั้นคงจะไม่เป็นห่วงตนจนยอมถ่ายทอดเคล็ดวิชามังกรนพเก้าให้กับนาง อันที่จริงแล้วนางเชื่อว่าอาเลี่ยเป็นมังกร นางจำได้ว่ามังกรในเรื่องไซอิ๋วนั้น แซ่เอ๋า นางจำได้ว่าครั้งแรกอาเลี่ยก็บอกว่าตัวเองคือเอ๋าเลี่ย เพียงแต่ว่ารูปร่างห่างไกลจากมังกรมากเหลือเกินจนทำให้นางไม่อยากจะยอมรับว่านี่คือมังกร
“นังหนู เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไรแน่” เขาย่อมสัมผัสความอบอุ่นในดวงตาของหลิวหลีได้ ที่จริงแล้วนังหนูเชื่อว่าเขาเป็นมังกรล่ะสิ
หลิวหลีสูดลมหายใจลึกแล้วก้าวเข้าไปในเพลิงวิญญาณไม้ นางไม่ได้ใช้เพลิงอัคคีป้องกันตัวเอง ในฐานะที่เป็นเพลิงอัคคีที่สมบูรณ์แล้วย่อมต้องมีความคิดความอ่านเป็นของตนเอง
“เพลิงวิญญาณไม้ ข้ามีนามว่าหลิวหลีกำลังฝึก ‘คัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ’ จำเป็นต้องใช้เพลิงอัคคี ข้าเป็นร่างวิญญาณอัคคี” หลังจากแนะนำตัวจบ จู่ๆนางก็รู้สึกเหมือนกำลังขายตัวเองอย่างน่าประหลาด
เพลิงวิญญาณไม้ดีดลูกไฟดวงเล็กออกมา ราวกำลัจะบอกว่า ‘เจ้าฝึกบำเพ็ญแล้วข้าจะต้องช่วยเจ้าอย่างนั้นหรือ’
“แน่นอน แต่เจ้าเป็นเพลิงอัคคีธาตุไม้แรกที่ข้าเจอ ข้าไม่อยากจะปล่อยเจ้าไป” หลิวหลีรู้สึกเหมือนการพูดดีจะล้มเหลว นางชอบไม้อ่อน จะเอะอะใช้ไม้แข็งคงไม่ดีนัก
หลิวหลีก็ไม่ได้พูดอะไร ทรุดตัวนั่งลงตรงหน้าเพลิงวิญญาณไม้ โคจร ‘คัมภีร์เพลิงอัคคีทะลวงเส้นลมปราณ’ เพลิงวิญญาณไม้เหมือนกับกำลังถูกอะไรเรียกหา แล้วเคลื่อนเข้าใกล้หลิวหลีอย่างไม่รู้ตัว เพลิงวิญญาณไม้ที่รู้ตัวก็โมโหทันที ตัวของหลิวหลีกลายเป็นสีเขียวหยกแต่กลับร้อนระอุ เพลิงบุปผาเหมันต์กับเพลิงอัสนีครามในร่างกายรับรู้ถึงอันตราย จึงหลั่งไหลออกมาเพื่อรับมือกับเพลิงวิญญาณไม้
หลิวหลีรู้สึกว่าพลังเซียนในร่างกายถูกเพลิงบุปผาเหมันต์กับเพลิงอัสนีครามใช้เพื่อสู้กับเพลิงวิญญาณไม้ หลิวหลีรู้สึกว่าพลังชีวิตของตัวเองถูกใช้จนแทบไม่เหลือ
ณ สำนักเมฆาคล้อย เสวียนหั่วกำลังปรุงยา จู่ๆก็รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง จนยาพังไปทั้งหม้อ ลูกศิษย์ตัวน้อยเกิดอะไรขึ้น โคมวิญญาณของนางใกล้จะดับแล้ว
ณ บ้านสกุลหลง หน้าของหลงจิ่งหลินเปลี่ยนสีทันที หลานสาวที่เพิ่งหาเจอ เกิดเรื่องที่ทำให้โคมพิทักษ์วิญญาณของสกุลหลงจวนเจียนจะระเบิดเต็มที
หนานกงเวิ่นเทียนที่อยู่ขั้วโลกเหนือรู้สึกเจ็บหัวใจ รู้สึกได้ว่าหลิวหลีกำลังเกิดเรื่อง
เอ๋าเลี่ยมองดูหลิวหลีที่พลังชีวิตค่อยๆอ่อนลงอย่างจนปัญญา
หลิวหลีรู้สึกไม่ดีไปทั้งตัว เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้ เป็นเพราะเพลิงอัคคีที่สมบูรณ์กับที่เกิดใหม่แตกต่างกันหรือ แต่นางไม่อยากจะยอมแพ้ ไม่อยากเลยจริงๆ…
หรือเพราะสัมผัสได้ถึงปณิธานอันแรงกล้าของหลิวหลี ป้ายหยกลายมังกรตรงหน้าอกนางก็เปล่งแสงออกมา แสงสีทองสว่างเจิดจ้าคลุมร่างของนาง เพลิงวิญญาณไม้ที่เดิมกำลังเป็นฝ่ายได้เปรียบ จู่ๆก็เหมือนถูกโจมตีจนไร้พลัง จนต้องไหลไปตามการโคจรของเคล็ดวิชา ไปไม่นานเส้นลมปราณหลักของหลิวหลีเส้นหนึ่งก็กลายเป็นสีเขียวเปล่งประกาย หลังจากดูดซึมหมดแล้ว พลังบำเพ็ญของหลิวหลีก็เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว พลังเซียนในร่างกายก็สะสมไปได้จำนวนหนึ่ง หลิวหลีไม่กล้าวอกแวก รีบโคจรเคล็ดวิชา ไม่นานก็มีจุดปราณขนาดใหญ่เท่าเม็ดข้าวปรากฏอยู่ในจุดตันเถียนของนาง หลังจากที่ดูดซึมพลังเซียน มันก็ค่อยๆขยายจนมีขนาดใหญ่เป็นสามเท่าของลูกแก้วแล้วค่อยๆคงที่
บนท้องฟ้าปรากฏมังกรขนาดใหญ่ที่เปล่งประกายแสงสีฟ้า สีม่วงและสีเขียวขึ้น รูปร่างค่อยๆปรากฏชัดเจน จากนั้นก็มีลมสีดำพัดเข้าสู่ร่างของหลิวหลี นั่นคือวิบากมาร
เอ๋าเลี่ยมองหลิวหลีอย่างกังวลใจ ไม่มีเวลาห่วงการเปลี่ยนแปลงของร่างกายตัวเองแล้ว วิบากมาร…ไม่รู้ว่าหลิวหลีจะรู้หรือไม่
หลิวหลียืนอยู่ตรงหน้าตึกสูงตระหง่าน ตัวนางเองกลับมาแล้วหรือแต่ทำไมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติ เมื่อกลับมาที่ห้องเช่าเล็กๆของตัวเอง ก็พบว่าข้าวของที่ดูคุ้นเคยแต่กลับไม่รู้สึกเช่นนั้น แปลกจริงๆ เป็นคนตกแต่งเองแท้ๆ แต่ทำไมรู้สึกไม่คุ้นเคยเลยสักนิด เอื้อมมือจับไปบนโซฟาเล็กๆของตัวเอง หลิวหลีดูปฏิทิน วันอาทิตย์ พอลูบคอมพิวเตอร์ก็เกือบลืมไปแล้วว่าจะต้องเปิดเครื่องอย่างไร เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลเลย
ถึงแม้หลิวหลีจะมีข้อสงสัยในใจ รู้สึกคุ้นเคยกับการใช้คอมพิวเตอร์ขึ้นมาแล้ว หลังจากเข้าเว็บไซต์เสร็จก็รู้สึกหิว เริ่มคลับคล้ายคลับคลาว่าเพียงแบมือก็จะมีไฟปรากฏขึ้นนี่นา จริงด้วย นึกออกแล้ว กำลังรวบรวมปราณอมตะอยู่แต่ทำไมถึงกลับมาโลกปัจจุบันได้? หรือว่านางโดนวิบากมาร ตนเองกำลังอยู่ในวิบากมาร นี่คือมารในใจของนาง นางยังคงอยากกลับโลกปัจจุบัน หลิวหลีกำหมัดแน่น ต้องมีสักวันที่นางยืนอยู่บนจุดสูงสุด ฉีกมิติเวลากลับไปยังสถานที่ที่ตัวเองคุ้นเคย ไม่ว่าจะกี่ปีก็ตาม
หลิวหลีสูดลมหายใจลึก หลับตาลง ภาพรอบตัวก็สลายไป นางรวบรวมปราณอมตะอย่างรวดเร็ว พลังบำเพ็ญหยุดอยู่ที่ช่วงอมตะระยะต้นโดยสมบูรณ์ อีกเพียงแค่ก้าวเดียวก็จะสามารถเข้าสู่ระยะกลางได้แล้ว
หลิวหลีจัดการพลังบำเพ็ญเสร็จก็ลูบที่กลางอก จับป้ายหยกลายมังกรพลางครุ่นคิดว่ามันช่วยชีวิตนางไว้หรือ หยกชิ้นนี้มีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่
“หลิวหลี ในที่สุดเจ้าก็ตื่นเสียที ครั้งนี้เจ้าพิชิตเพลิงอัคคีได้ ใช้เวลาถึงสองปีครั้ง พลังบำเพ็ญเพียรบรรลุไปช่วงอมตะแล้ว” ในที่สุดเอ๋าเลี่ยก็เห็นหลิวหลีลืมตาขึ้น ก็อดที่จะพูดขึ้นไม่ได้
“อาเลี่ย ไม่ต้องเป็นห่วง”
“ท่านพี่ ตื่นแล้วหรือ?” มีเสียงเด็กน้อยลอยเข้ามา
หลิวหลีหันมองต้นเสียง เด็กผมสีม่วงปรากฏอยู่ตรงหน้าของหลิวหลี ใส่เอี๊ยมปิดด้านหน้า เนื้อตัวขาวผ่อง น่ารักทีเดียว
“เจ้าคือจื่อฉี เจ้าพูดได้แล้ว อีกทั้งยังเปลี่ยนร่างแล้วด้วย ดีจัง” หลิวหลีอุ้มจื่อฉีแล้วพูดขึ้น
“ใช่แล้ว ท่านพี่ จื่อฉีเปลี่ยนร่างแล้ว” จื่อฉีพูดขึ้นอย่างดีใจ ท่านพี่ไม่เป็นอะไรแล้ว ดีจริงๆ
“จื่อฉี เจ้าเป็นอสูรเทพระดับไหนหรือ?” หลิวหลีค่อนข้างกังวลในเรื่องนี้
“ท่านพี่ ข้าเป็นเหมือนท่านลุงเอ๋าเลี่ย เป็นอสูรเทพกลายพันธุ์ มีพรสวรรค์ในด้านการกินแนวเขตต้องห้าม” จื่อฉีพูดขึ้นอย่างลิงโลด
“จื่อฉีสุดยอดมาก จริงสิ…แล้วหงหลินล่ะ” งูหลามเพลิงตัวนั้นไปอยู่ไหนแล้ว
“ตรงนั้น”
หลิวหลีพันมองตามนิ้วขาวนวลน้อยๆของจื่อฉี ก็เห็นงูหลามนอนแผ่ตัวอยู่ มองนางแล้วน้ำตาซึม ดีจังเลย มีโอกาสรอดแล้ว
หลังจากเห็นหงหลินที่ดูหมดอาลัยตายอยาก แถมยังมองนางด้วยแววตาตัดพ้อ มองไปที่จื่อฉีด้วยท่าทีหวาดกลัว หลิวหลีก็เข้าใจในทันทีว่าสองปีมานี้หงหลินน่าจะถูกจื่อฉีแกล้งไม่น้อย
หลิวหลีตีหัวจื่อฉีเบาๆแต่ไม่ได้พูดอะไร สะบัดมือแล้วหงหลินก็กลายร่างเป็นกำไลอยู่ที่ข้อมือนาง มือซ้ายอุ้มจื่อฉี เมื่อแบมือขวาออกก็ปรากฏลูกไฟสีเขียวหยกขึ้น นั่นคือเพลิงวิญญาณไม้ นางได้เพลิงอัคคีมาแล้ว 3 ชนิดจากทั้งหมด 9 ชนิด นางช่างโชคดีจริงๆ
“อาเลี่ย รูปร่างของเจ้าเริ่มคล้ายมังกรแล้ว” หลิวหลีประหลาดใจ เมื่อพบว่าเอ๋าเลี่ยเริ่มเหมือนภาพมังกรในหัวของนางมากขึ้นทุกที
“หลิวหลี เดิมข้าก็เป็นมังกรอยู่แล้ว หลังจากงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองเฟยเซียนสิ้นสุดลง ข้าจะพาเจ้ากลับเผ่ามังกร พวกเราจำเป็นต้องทำพันธสัญญาอย่างเป็นทางการ” เอ๋าเลี่ยรู้สึกว่าอยู่กับเด็กคนนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน
“ได้” หลิวหลีพยักหน้า เผ่ามังกรหรือ ก็ดีเหมือนกันหลังจากไปเผ่ามังกรแล้ว นางจะได้ไปบ้านสกุลหลงด้วย ถึงอย่างไรที่นั่นก็มีญาติๆของนางอยู่
แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 54 ดูดซึมเพลิงอัคคีบรรลุขั้นอมตะ
Posted by ? Views, Released on October 6, 2021
, แม่ครัวยอดเซียน
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน!
นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน!
หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ
จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง
แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต!
เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!!
เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า…
นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว
ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน
ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ?
แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!