แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 57 การสอบวัดระดับนักปรุงยา

ณ จวนเจ้าเมือง เมืองต้าเย่  หลิวหลีนำถุงเก็บของฝากไว้ที่องครักษ์แล้วก็จากไป สุ่ยหลิงเอ๋อร์ได้รับยาแล้วก็นิ่งเงียบไป
“ท่านพ่อเจ้าคะ นักปรุงยาคนนั้นเหมือนจะเป็นน้องหลิวหลี” สุ่ยหลิงเอ๋อร์ถือถุงเก็บของแล้วเอ่ยขึ้น
“หลิงเอ๋อร์ ทำไมเจ้าถึงพูดเช่นนั้น” สุ่ยเจิ้นปัวรู้สึกว่ามันเป็นไปไม่ได้ เด็กคนนั้นยังเด็กเกินไป อายุน้อยกว่าลูกสาวของเขาเสียอีก
“ท่านพ่อ นี่คือของที่น้องหลิวหลีมอบให้กับข้า ข้าดูจากยาที่ประมูลในงานประมูล ถึงแม้ส่วนใหญ่จะเป็นคุณภาพระดับล่างและระดับกลาง แต่ก็พอมียาคุณภาพระดับสูงอยู่บ้าง” หลิงเอ๋อร์พูดในสิ่งที่สัมผัสเซียนของตัวเองเห็น
“หลิงเอ๋อร์ งานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์ที่เมืองเฟยเซียนกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว เจ้าอยากจะไปเดินเล่นแถวจวนท่านลุงจู้เสียหน่อยไหม” สุ่ยเจิ้นปัวคิดแล้วก็พูดขึ้น
“ข้าไปได้หรือเจ้าคะ ท่านพ่อ” นัยน์ตาของสุ่ยหลิงเอ๋อร์เต็มเปี่ยมด้วยความหวัง
“แน่นอน”
ณ เมืองเฟยเซียน หลิวหลีเดินบนถนน รู้สึกว่าไม่ได้แตกต่างอะไรจากเมืองต้าเย่มากนัก
“หลิวหลี มาถึงแล้วก็มาพำนักที่สำนัก” นกกระดาษเสวียนหั่วบินมา
“อาจารย์ ท่านมาถึงเร็วจัง” หลิวหลีมองเสวียนหั่วที่กำลังดื่มชา กลัวว่านางจะหนีหรือ มาเสียเร็วเชียว
“หลิวหลี ไม่เลวเลยนะ บรรลุช่วงอมตะแล้ว เอ่อ…เด็กน้อยคนนี้คือ” พรสวรรค์ของเด็กคนนี้ช่างเหลือเกินจริงๆ แล้วทำไมถึงอุ้มเด็กน้อยมาด้วย คงไม่ใช่ลูกนอกสมรสของนังหนูใช่ไหม หน้าตาก็ดูไม่เหมือนหนานกงเวิ่นเทียนเด็กน้ำแข็งคนนั้นสักหน่อย
“อาจารย์ ท่านหมายถึงจื่อฉีใช่ไหม จื่อฉีเปลี่ยนร่างแล้ว” หลิวหลีขยับจื่อฉีที่อยู่ในอ้อมกอดเบาๆ
“กิเลนตัวนั้นหรอกหรือ สมกับเป็นอสูรเทพจริงๆ” เสวียนหั่วอดชื่นชมไม่ได้
“ใช่แล้ว อาจารย์ข้ายังได้งูหลามเพลิงมาจากหมู่บ้านเพลิงอัคคีด้วย นี่คือหงหลิน” หลิวหลีชี้ไปที่ข้อมือสีแดงของตัวเองแล้วพูดขึ้น
เสวียนหั่วมองดูเด็กอ้วนจื่อฉี แล้วก็เครื่องประดับหงหลิน หลิวหลีช่างเป็นคนที่โชคดีเสียจริง
“หลิวหลี ครั้งนี้เจ้าไปพิชิตเพลิงอัคคีอันไหนมาอีก” เสวียนหั่วถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“อาจารย์ เชิญดูนี่” หลิวหลียื่นมือขวาออกมา แล้วเปลวไฟสีเขียวปรากฏขึ้น
“เพลิงวิญญาณไม้ รู้สึกว่าจะแตกต่างจากเพลิงอัคคีสองอันแรกที่เจ้ามี” เสวียนหั่วพูดความรู้สึกของตัวเองออกมา เพลิงอัคคีนี้เหมือนจะสมบูรณ์เต็มวัยกว่า
“เจ้าค่ะ อาจารย์ เพลิงวิญญาณไม้เป็นเพลิงอัคคีที่โตเต็มที่แล้ว เพลิงบุปผาเหมันต์ของข้ากับเพลิงอัสนีครามเป็นไฟกำเนิดใหม่ก็เลยมีความแตกต่างอยู่บ้าง แต่ว่าหลังจากที่ข้าดูดซึมเพลิงวิญญาณไม้แล้ว ไฟที่เหลือทั้งสองก็แข็งแกร่งขึ้นมาก” หลิวหลีพูดอธิบาย
“พลังของธาตุพฤกษาคือพลังการให้กำเนิดที่ไม่มีวันดับ ในฐานะที่เป็นเพลิงอัคคี เพลิงวิญญาณไม้เองก็สืบทอดพลังแห่งชีวิตนี้เช่นกัน มันใช้พลังการให้กำเนิดช่วยให้เพลิงอัคคีอีกสองชนิดเติบโตด้วยเช่นกัน แต่หลิวหลีตอนนี้มีปัญหาใหญ่อยู่อย่างหนึ่ง ถ้าเจ้าไม่จัดการให้เรียบร้อยเจ้าก็จะไม่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์ได้” เสวียนหั่วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ท่านอาจารย์ว่ามาเลย” เกิดเรื่องที่นางไม่รู้ขึ้นอย่างนั้นหรอ
“หลิวหลี ตอนนี้เจ้าสามารถปรุงยาได้ถึงระดับไหนแล้ว” เสวียนหั่วถามขึ้น เขาเดาว่าอย่างมากน่าจะเป็นระดับ 5 แล้ว
“ระดับ 6 เจ้าค่ะ อาจารย์” หลิวหลีพยักหน้า ดูแล้วยังไม่ใช่ระดับที่สูงพอ ไม่เช่นนั้นอาจารย์คงจะไม่จริงจังเช่นนี้
“เจ้าว่าระดับไหนนะ” เสวียนหั่วรู้สึกว่าหูของตัวเองใช้การได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ศิษย์ของเขาเป็นนักปรุงยาระดับ 6 แล้วหรือ
“ระดับ 6 อาจารย์ ข้าทำให้ท่านต้องผิดหวังใช่หรือไม่” หลิวหลีรู้สึกว่าท่าทีของอาจารย์ดูแปลกไป หรือว่านางทำให้อาจารย์ต้องผิดหวัง นางตั้งเป้าหมายกับตัวเองไว้ต่ำเกินไปจริงๆด้วย
“หลิวหลี เจ้าเคยเข้าร่วมการสอบวัดระดับความสามารถของนักปรุงยาไหม”
หลิวหลีไม่รู้เรื่องอะไรเลย นั่นมันคืออะไร พอมองไปที่หลิวหลีที่หน้าตาเหรอหรา เสวียนหั่วถึงกับกุมขมับ ลูกศิษย์ของเขายังมีข้อบกพร่องด้านความรู้ทั่วไปเช่นเดิม
“หลิวหลี จะเข้าร่วมงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์จะต้องมีใบรับรองของนักปรุงยาระดับ 3 เจ้าไปที่สมาคมปรุงยาที่เมืองเฟยเซียนเข้าร่วมการสอบวัดระดับก่อน ไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่สามารถเข้าร่วมงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์ได้”
“อาจารย์ ยังเหลือเวลาอีก 3 วันงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์ก็จะเริ่มแล้ว ข้าควรจะดีใจใช่ไหมที่ข้ามาเร็วกว่า 3 วัน” หลิวหลีบ่นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ อาจารย์ ยังดีที่ข้ามาเร็ว ไม่เช่นนั้นอาจารย์อาจจะต้องผิดหวัง
“เหอะๆ หลิวหลี เจ้ารีบไปเถอะ จะมีศิษย์นำทางเจ้าไป ทิ้งให้จื่อฉีอยู่ที่นี่แล้วกัน” เสวียนหั่วไม่มีทางยอมรับว่า ก่อนที่เขาจะออกจากสำนัก เทียนเย่าถามด้วยความนอบน้อมว่าศิษย์น้องได้เข้าร่วมการสอบวัดระดับของนักปรุงยาแล้วหรือยัง เขาถึงนึกได้ว่าศิษย์เขายังไม่เคยเข้าร่วมการสอบวัดระดับมาก่อน ส่วนจื่อฉีก็ทิ้งไว้ที่นี่ก่อนเถอะ มีใครที่ไหนอุ้มเด็กไปสอบบ้าง
“เจ้าค่ะ อาจารย์”
เมื่อได้คำแนะนำของศิษย์ร่วมสำนัก ในไม่ช้าหลิวหลีก็มาถึงสมาคมนักปรุงยา คนเยอะมากจริงๆ หรือทุกคนต่างโดนอาจารย์หลอกมาเหมือนนางใช่ไหม
“ไม่ผ่านก็คือไม่ผ่าน” พลันเห็นคนผู้หนึ่งถูกผลักออกมา โถ่ น่าสงสารเสียจริง
“อาจารย์อา ทางนี้” นำทางผู้อาวุโสระดับนี้ รู้สึกกดดันจริงๆ
“พวกเราไม่ต้องเข้าแถวหรือ” หลิวหลีมองดูกลุ่มคนที่ต่อแถวรอยาวเหยียด แทรกแถวจะดีหรือ
“อาจารย์อา สำนักเรามีสิทธิพิเศษ”
“ก็ได้” นางชอบสิทธิพิเศษอยู่แล้ว รู้สึกผิดเล็กน้อยให้พอเป็นพิธี แล้วหลิวหลีก็เดินตามอีกฝ่ายอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
“ผู้เฒ่าโอสถ ท่านผู้นี้คือศิษย์จากสำนักเมฆาคล้อยที่จะมาเข้าร่วมการทดสอบ” อยู่ข้างนอกไม่เรียกอาจารย์อาน่าจะดีกว่า
“อ่อ จะเข้าร่วมการสอบวัดระดับหรือ”
“เจ้าค่ะ ข้าน้อยนามว่าหลิวหลี ขอคารวะผู้เฒ่าโอสถ” หลิวหลีทำความเคารพด้วยความนอบน้อม
“หมายเลขสามยังว่างอยู่ ไปสิ” เมื่อเห็นว่าหลิวหลีมีท่าทีเรียบร้อย ผู้เฒ่าโอสถจึงไม่จุกจิกกับนาง
“ผู้เฒ่าโอสถ ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ หากทดสอบผ่านแล้วจะสามารถเข้าร่วมการทดสอบต่อไปได้เลยหรือไม่” หลิวหลียกมือขึ้นถามราวเด็กน้อย
“อ่อ เจ้าจะทำให้จบภายในทีเดียวหรือ ได้สิ” ผู้เฒ่าโอสถมองดูเด็กน้อยที่ใจร้อนอยากลองของตรงหน้าด้วยท่าทีสนใจ
“ขอบคุณเจ้าค่ะ ท่านผู้เฒ่าโอสถ”
หลิวหลีรับอุปกรณ์ในส่วนของตนเองออกมาจัดเรียงให้เป็นระเบียบ ท่าทางคล่องแคล่วราวกับสายน้ำไหลเอื่อย เพลินตา
“ขอบคุณท่านผู้เฒ่าโอสถมากเจ้าค่ะ” หลิวหลีกล่าวลาอย่างมีมารยาทแล้วจากมา ศิษย์ที่นำทางหลิวหลีมาก็อดคิดไม่ได้ว่าพรสวรรค์ของอาจารย์อาช่างน่ากลัวจริงๆ เขาถามผู้เฒ่าโอสถแล้ว ยาระดับ 1 ถึงระดับ 3 ที่นางปรุงนั้นล้วนเป็นยาคุณภาพระดับสูง
“หลิวหลีกลับมาแล้วหรือ” เสวียนหั่วไม่ได้ประหลาดใจอะไร
“เจ้าค่ะ อาจารย์ ข้าได้ตรารับรองของนักปรุงยาระดับสามมาแล้ว” หลิวหลีนำตรารับรองที่เพิ่งได้มาเมื่อครู่ให้อาจารย์ดู
“หลิวหลี เจ้าไม่ได้ทำการทดสอบต่อหรือ”
“ก็ท่านบอกว่าระดับ 3 ก็พอแล้วไม่ใช่หรือ” หลิวหลีถามกลับ หรือว่าไม่ใช่กันนะ หลิวหลีลูบหน้าผากตนเอง
เสวียนหั่วพูดไม่ออก ทำไมศิษย์ของเขาถึงได้ซื่อแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ ขอแค่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์ได้ก็พอแล้ว
“หลิวหลี ครั้งนี้เจ้าคิดว่าจะได้ที่เท่าไหร่ ของรางวัลของ 10 อันดับแรกมีค่อนข้างมาก ถ้าเป็นรางวัลของ 3 อันดับแรกก็จะยิ่งมีมากขึ้นไปอีก” เสวียนหั่วอธิบายให้หลิวหลีฟัง ฟังจากที่ลูกศิษย์พูดแล้ว 10 อันดับแรกน่าจะไม่มีปัญหา
“อาจารย์ เรื่องนี้พูดยาก ข้าไม่เคยแข่งกับใครมาก่อน ข้าก็ไม่แน่ใจ” หลิวหลีพูดพลางส่ายหัว
“หลิวหลี ทำอย่างเต็มที่ก็พอแล้ว”
“ใช่แล้ว อาจารย์ ข้าให้ท่านช่วยอะไรหน่อยได้หรือไม่” หลิวหลีพูดขึ้นมาด้วยท่าทีกระอักกระอ่วนใจ
“อืม เจ้ามีเรื่องให้ข้าช่วยหรือ ไหนลองพูดมาสิ”
“อาจารย์ ช่วยข้าปรุงยาคืนวิญญาณหน่อยได้ไหม ข้าจำเป็นต้องใช้ แน่นอนว่าข้าจะไม่ให้ท่านทำให้เปล่าๆหรอก ข้ามีของมาแลก”
“ศิษย์เอ๋ย ยาคืนวิญญาณไม่ได้ทำกันง่ายๆ เจ้าคิดจะเอาอะไรมาแลกเปลี่ยนกับข้าหรือ” เสวียนหั่วสามารถช่วยปรุงยาให้นางได้อยู่แล้ว เพียงแต่เมื่อนางบอกว่ามีของดี เขาจึงรู้สึกสนใจ

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset