สนามประลองบ้านสกุลหลง มีคนรวมตัวกันอยู่จำนวนหนึ่ง ทุกคนต่างก็กำลังถกเถียงกันอย่างเสียงดัง
“ผู้นำสกุลหลงปีนี้น่าจะเป็นพี่ใหญ่เทียนอี้”
“ไม่น่าใช่ น่าจะเป็นพี่เทียนเสียง ได้ยินมาว่าพี่เทียนเสียงบรรลุเคล็ดวิชาการต่อสู้ใหม่มา”
“ไม่ใช่หรอก น่าจะเป็นพี่เทียนหลิง พี่เทียนหลิงสวยงามนุ่มนวล ให้คำแนะนำพวกเราอย่างเป็นมิตรตลอด ต้องเป็นพี่เทียนหลิงแน่ ๆ”
“ไม่ใช่สักหน่อย ได้ยินมาว่าเรือนท่านอาซินเยว่มีคนเข้ามาอยู่แล้ว น่าจะเป็นคนลึกลับคนนั้น”
ในอีกมุมหนึ่งของสนามประลอง เจ้าตัวที่ตกเป็นเป้าสนใจอย่างหลงเทียนอี้ หลงเทียนเสียง หลงเทียนหลิงอีกทั้งคนที่เหลือก็มาอยู่รวมกัน
“พวกเจ้าคงได้ยินกันมาแล้วใช่ไหม ตำหนักของท่านอาซินเยว่มีคนเข้าอยู่แล้ว ท่านพ่อข้าไปกลับมาแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร” หลงเทียนเสียง หลานของผู้อาวุโสสูงสุดของสกุลหลง บิดาของเขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับสามพี่น้องบ้านสกุลหลง
“ท่านพ่อของข้าก็ไม่ได้พูดอะไรเช่นกัน ท่านพ่อ ท่านลุงกับท่านปู่เหมือนพวกเขาจะจงใจปกป้องคนผู้นี้ จากการคาดเดาของข้า มีความเป็นไปได้ที่คนผู้นี้จะเป็นลูกสาวของท่านอาซินเยว่” หลงเทียนอี้กล่าว
“ไม่ช้าก็เร็วอย่างไรก็ต้องได้เจออยู่แล้ว” หลงเทียนหลิงยิ้มๆน้อยอย่างอบอุ่น แล้วกลุ่มคนข้างๆ ก็ส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมา
“เงียบหน่อย” พ่อลูกสกุลหลง กับผู้อาวุโสอีก 10 ท่านปรากฏตัวขึ้นที่สนามประลอง
“การประลองในครั้งนี้จะต้องมีคุณสมบัติคือ พลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในช่วงอมตะขึ้นไป อายุต่ำกว่า 50 ปี บ้านสกุลหลงมีผู้มีคุณสมับติตรงตามนี้ทั้งหมด 33 คน ก้าวออกมาจับหมายเลข ทำการประลอง” คนที่เป็นคนพูดคือผู้อาวุโสสาม หลงเหวินเซียว
พวกหลงเทียนอี้เข้ามาจับหมายเลขกันตามลำดับ เมื่อเห็นเหลืออันสุดท้าย ก็เห็นเด็กน้อยสวมเสื้อสีขาวเดินเข้ามา ใบหน้านั้น
“ท่านอาซินเยว่” พวกหลงเทียนอี้พูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“หลงหลิวหลี คารวะผู้อาวุโสทุกท่าน” หลิวหลีเป็นเด็กดีที่มีมารยาท เอ๋าเลี่ยกลับหลบไปอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
“เจ้าคือ”
“แม่ของข้าคือหลงซินเยว่”
“เป็นลูกของซินเยว่หรือ ดีดีดี”
“ใครจะไปรู้ว่าใช่สายเลือดสกุลหลงจริงหรือไม่”
“หลิวหลีทำพันธสัญญากับมังกรแล้ว” หลงจิ่งอู๋พูดขึ้น
“อะไรนะ ทำพันธสัญญากับมังกรแล้วงั้นหรอ”
“ใครจะไปรู้ว่าจริงรึเปล่า ป้ายวิญญาณของซินเยว่แตกไปแล้ว นำคู่พันธสัญญาของเจ้าออกมาให้ดูหน่อย”
“ผู้อาวุโสเหวินเซียง ข้าว่าอย่าเลยจะดีกว่า” หลงจิ่งอู๋คิดถึงคู่พันธสัญญาของนังหนู แค่คนเดียวก็สามารถทำลายได้ทั้งเผ่ามังกร
“ถ้าเป็นอย่างนี้ได้ไหม” หลิวหลีขยับลายมังกรบนหน้าผากให้ปรากฏเห็นเด่นชัด
“ทำพันธสัญญากับมังกรแล้วจริงเหรอ”
“อายุ 23 ปี พลังบำเพ็ญเพียรอยู่ในจุดสูงสุดของช่วงอมตะ เป็นผู้ถูกเลือก!” มีผู้อาวุโสท่านหนึ่งหยิบหินทดสอบคุณสมบัติออกพลางเอ่ย
“เป็นถึงผู้ถูกเลือกเลยหรือ”
“หลิวหลีบำเพ็ญเพียรสายปรุงยา วางใจเถอะ พลังในการต่อสู้ก็พอได้อยู่” หลิวหลีพูดอธิบาย
“ข้าจำได้ในงานชุมนุมยาศักดิ์สิทธิ์เมื่อไม่นานมานี้ มีอัจฉริยะในการปรุงยาเป็นลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์เสวียนหั่ว สำนักเมฆาคล้อย ชื่อว่า หลิวหลี เจ้าชื่อเดียวกันใช่หรือไม่” ผู้อาวุโสเก้าหลงเหวินจวินลองถามขึ้นมาดู
“ข้าน้อยเอง” หลิวหลีพูดอย่างถ่อมตน
“อายุแค่ 23 ปี ก็เป็นนักปรุงยาระดับ 6 แล้ว เก่งจริงๆ”
“เจ้ามีเพลิงอัคคี เพลิงอัสนีครามใช่หรือไม่” ผู้อาวุโสสองหลงเหวินหัวถามขึ้น
“ใช่เจ้าค่ะ” เพลิงอัสนีครามเคยปรากฏต่อหน้าฝูงชนจึงไม่ได้แปลว่าจะให้คนอื่นเห็นไม่ได้ ทันใดนั้นบนมือขวาของหลิวหลีก็ปรากฏเพลิงสีม่วงขึ้นมา
“เป็นเพลิงอัสนีครามจริงด้วย!” หลงเหวินหัวตกตะลึง
“ข้าไปได้แล้วใช่ไหมเจ้าคะ?” หลิวหลีถามขึ้น
ทุกคนต่างก็หลีกทางให้ หลิวหลีเดินไปใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งในสนามประลอง มีคนใส่เสื้อสีแดงโลหิตอยู่คนหนึ่งกำลังรอนางอยู่
“หมายเลข 6 อาเลี่ย หมายเลขไม่เลวเลย” หลิวหลีพูดขึ้นพลางชี้ไปที่ป้ายหมายเลข
“เทียนอี้ เทียนเสียง พวกเจ้าได้หมายเลขอะไรกัน?” หลงเทียนหลิงถามพลางโบกป้ายหมายเลขที่อยู่ในมือ
“หมายเลขว่าง” หลงเทียนอี้มองดูป้ายหมายเลขในมือตัวเอง
“พี่เทียนอี้โชคดีจัง ของข้าคือหมายเลขสาม เทียนหลิงล่ะ?” หลงเทียนเสียงมองดูหมายเลขว่างในมือของหลงเทียนอี้ด้วยความอิจฉา
“หมายเลข 10” หลงเทียนหลิงก็รู้สึกอิจฉาหลงเทียนอี้เช่นกัน
“คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นลูกสาวของท่านอาซินเยว่จริงๆ พลังบำเพ็ญเพียรก็ไม่ได้แย่ ถึงแม้จะบำเพ็ญเพียรสายปรุงยา แต่ว่ามีเพลิงอัคคีอยู่ เป็นอาวุธสังหารชั้นเลิศเลยทีเดียว” หลงเทียนเสียงเอ่ย
“นั่นสิ อายุก็ยังน้อย 23 ปีเท่านั้นเอง อายุเพียงครึ่งหนึ่งของพวกเรา แต่กลับมีพลังบำเพ็ญเพียรที่สูงขนาดนี้ ข้าสำรวจพลังของนาง ทั้งๆที่สามารถรวบรวมลมปราณก่อนกำเนิดได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงยังไม่ได้ทำ” หลงเทียนอี้กล่าว
“เป็นเรื่องที่ดี อย่างน้อยสกุลหลงจะมีโอกาสชนะเพิ่มมากขึ้น” หลงเทียนหลิงกล่าว
พลังบำเพ็ญเพียรของพวกเขาทั้งสามคนใกล้เคียงกัน อายุก็ใกล้เคียงกัน พ่อของพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ทำให้พวกเขาทั้งสามคนค่อนข้างสนิทสนมกัน
“ไม่รู้ว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างน้องหลิวหลีคือใคร ทำให้รู้สึกหวั่นเกรงนัก” หลงเทียนอี้กล่าว
“คู่พันธสัญญาของพวกเจ้าว่าอย่างไรกันบ้าง”
“เทียนซิงบอกว่า เหมือนจะเป็นผู้อาวุโสของเผ่ามังกร เขากำลังถามผู้อาวุโสในเผ่ามังกรอยู่” หลงเทียนอี้กล่าว
“เทียนหงก็พูดแบบนี้เช่นเดียวกัน”
“เทียนเหม่ยก็เช่นกัน”
“ท่านผู้นำ ทำไมจึงปิดบังพวกเราเรื่องเจอลูกสาวของซินเยว่” หลงเหวินหัวพูดขึ้นด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยพอใจนัก
“ไม่ใช่ว่าพวกข้าจงใจปิดบัง เป็นเพราะท่านเอ๋าเลี่ยไม่ให้พูด นั่นไง ผู้ชายที่อยู่ข้างนังหนูก็คือเทพแห่งสงครามของเผ่ามังกรที่เขาเรียกกัน มังกรโลหิตเอ๋าเลี่ย” หลงเหวินเซวียนพูดพลางมองหลิวหลี
มือที่จับเคราอยู่ก็นิ่งไป จากไม่พอใจก็เผยให้เห็นถึงรอยยิ้มแห่งความเมตตา เดิมทีก็ดีใจอยู่แล้ว ก็ยิ่งดีใจมากขึ้นไปอีก
“ถ้าพูดอย่างนี้ ที่หนึ่งในการประลองภายในสกุลครั้งนี้ก็คงไม่ต้องสงสัยกันแล้ว” หลงเหวินจวินกล่าว มีอสูรเทพที่เก่งกาจขนาดนี้ พลังบำเพ็ญเพียรยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพียงแค่นิ้วเดียวก็สามารถทำลายลูกหลานบ้านสกุลหลงพวกนี้ได้จนหมดสิ้น
“โดยหลักการแล้วก็น่าจะเป็นเช่นนั้น แต่นังหนูจะไม่ให้ท่านเอ๋าเลี่ยร่วมประลองด้วย นางจะสู้ด้วยตัวเอง จริงสิ นี่คือของที่นังหนูมอบให้ตอนเจอกัน น้องสิบสาม เจ้าเข้าไปในเรือนก่อน” หลงเหวินเซวียนนำถุงเก็บของใบหนึ่งมอบให้กับผู้อาวุโสเก้าหลงเหวินจวินผู้ดูแลยาศักดิ์สิทธิ์ภายในสกุล
“นังหนูเป็นคนทำหมดเลยหรอ” หลงเหวินจวินรับมาด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย คนที่เหลือก็มองมาที่ถุงเก็บของธรรมดาใบนี้ด้วยความสนใจ
“ใช่ ได้ยินมาว่ามีหลายรสชาติด้วย” หลงเหวินเซวียนนึกถึงของที่นังหนูให้เขาเป็นการส่วนตัว นังหนูรังเกียจยาที่มีคุณภาพต่ำกว่าคุณภาพชั้นเลิศ บอกว่านั่นคือยาเสีย เขาก็อุตส่าห์ทนแบกหน้าไปขอมา มันมีจำนวนเยอะมากจนทำให้เขาอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้ ตัวเขาเองได้ลองยาเสริมบำรุงเข้าไป 1 เม็ด ประสิทธิภาพไม่ต้องพูดถึง รสชาติดีอีก เหมือนกับเป็นรสชาติลูกท้อ ทำให้เขาอดที่จะอยากกินอยู่ตลอดเวลาไม่ได้
“ที่หลิวหลีมีชื่อเสียงในโลกบำเพ็ญเพียรก็คือยาของนางมีรสชาติ คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนสกุลหลง น้องสิบสาม นังหนูให้ยาศักดิ์สิทธิ์มาเท่าไหร่” ผู้อาวุโสเจ็ดหลงเหวินชิงค่อนข้างอยากรู้เรื่องนี้มากกว่า ตอนนี้ยาที่มีรสชาติมีเพียงแต่หลิวหลีเท่านั้นที่ทำได้ สำนักเมฆาคล้อยก็บอกว่าตัวเองสามารถปรุงได้ น่าจะมาจากนังหนูให้ไปนี่แหละ ถือว่าขาดทุนไปเล็กน้อย หลงเหวินชิงลองคำนวนดู
“พี่สิบ เยอะมากเลย มีคุณภาพหลากหลายแถมยังมีกลิ่นหอมด้วยนะ ข้างในก็ยังมีถุงเล็กๆอีกอันด้วย” หลงเหวินหัวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยกับสิ่งที่เพิ่งเจอ
“พี่น้องทั้งหลาย พวกเจ้าคงไม่รู้ว่า มาตรฐานของนังหนูสูงแค่ไหน นางรู้สึกว่ายาที่มีคุณภาพต่ำกว่าคุณภาพชั้นเลิศเป็นยาเสียทั้งหมด ข้าอุตส่าห์แบกหน้าไปขอนางมา นังหนูก็ให้ข้ามาเลยทั้งถุง มือของข้าสั่นเลย ถุงอันเล็กนั้นจึงจะเป็นของที่นังหนูมอบให้กับสกุลหลง เป็นยาคุณภาพชั้นเลิศทั้งหมด ยาตั้งแต่ระดับ 6 ลงไปมีทุกระดับ” ลักษณะของหลงเหวินเซวียนเหมือนกำลังบ่น จริงๆแล้วกลับกำลังพูดโอ้อวด ไม่พูดไม่ได้เลยว่า โจมตีโดนคนแก่กลุ่มนี้เข้าอย่างจัง อยากจะต่อยเขาจริงๆ จะต้องทำอย่างไร กฏของสกุลก็ไม่มีข้อไหนบอกว่าห้ามตีผู้นำสกุล
“พี่สามได้มาไม่น้อยเลยใช่ไหม ดูแล้วน่าจะเคยลองดูแล้ว พลังบำเพ็ญเพียรเพิ่มขึ้นไม่น้อย” หลงเหวินจิ้งพูดขึ้น ในฐานะที่นางเป็นผู้อาวุโสหญิงเพียงสองคนในบรรดาผู้อาวุโสทั้งหมด
“แหะๆ น้องสี่ ข้าจะไม่ลองได้อย่างไร รสชาติกับประสิทธิภาพไม่เลวเลยจริงๆ” หลงเหวินเซวียนคือต้นฉบับของคนที่ได้ประโยชน์แต่ทำตัวใสซื่อ
ในอีกด้านหนึ่ง เพราะว่ายังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงการประลองภายในสกุลจึงจะเริ่มต้นขึ้น ด้านบนผู้อาวุโสทั้งหลายก็พูดคุยกัน ส่วนด้านล่างพวกหลงเทียนอี้ก็ตั้งใจจะไปลองพูดคุยกับน้องหลิวหลี
“น้องหลิวหลี ข้าคือบุตรชายของท่านลุงของ หลงเทียนอี้ หางชี”
“หลานของผู้อาวุโสสูงสุด หลงเทียนเสียง หางอู่”
“น้องหลิวหลี ข้าคือหลานสาวของผู้อาวุโสสามหลงเหวินจิ้ง หลงเทียนหลิง หางจิ่ว”
“หลงหลิวหลี บุตรสาวของหลงซินเยว่” หลิวหลีสัมผัสได้ถึงความหวังดีและการหยั่งเชิงจากคนทั้งสาม ครุ่นคิดแล้วจึงนำขวดเล็กๆสามขวดออกมา
“ของขวัญในการพบกัน”
คนทั้งสามชะงักนิ่ง วิธีแสดงความใจดีของน้องสาวผู้นี้ ง่ายดายเถรตรง แต่ว่าพวกเขาชอบอย่างมาก
“แค่กๆ น้องสาว ข้าไม่มีของดีอะไรจะมอบให้แก่เจ้า เห็ดหลินจือม่วงพันปีอันนี้ข้าได้มาโดยบังเอิญ หวังว่าน้องจะไม่รังเกียจ” หลงเทียนอี้คิดดูแล้วก็นำเห็ดหลินจือสีม่วงออกมาจากแหวนเก็บของ
“หินวิญญาณคุณภาพชั้นเลิศ 10 ชิ้น” หลงเทียนเสียงตรงไปตรงมายิ่งกว่า
“น้องหญิง นี่คือปิ่นปักผมผีเสื้ออัญมณี คล้องกับชื่อของเจ้า เจ้าควรจะต้องแต่งเนื้อแต่งตัวบ้าง เจ้าเป็นสาวงามเลยทีเดียว” หลงเทียนหลิงมองดูหลิวหลีที่แต่งตัวเป็นผู้ชายด้วยความเสียดาย จริงๆเลยงดงามขนาดนี้ ทำไมถึงไม่แต่งเนื้อแต่งตัวดูแลตัวเองเลย
“ข้ามัดผมไม่เป็น” หลิวหลีลูบศีรษะด้วยความเขินอาย
พวกเขาคิดเหตุผลไว้ต่างๆนานา แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นข้อแก้ตัวอย่างหวีผมไม่เป็น ประหลาดคนจริง
เมื่อคุยกันเสร็จ พวกเขาก็แยกตัวออกไป เมื่อเปิดขวดเล็กๆดู หน้าก็เปลี่ยนสีไป พวกเขารีบเก็บขวดไว้เป็นอย่างดี
“ยาธาตุทองระดับ 5 คุณภาพชั้นเลิศ 10 เม็ด” หลงเทียนอี้เป็นผู้บำเพ็ญเน้นธาตุทองเป็นหลัก
“ยาอัสนีสะท้านระดับ 5 คุณภาพชั้นเลิศ 10 เม็ด” หลงเทียนเสียงก็รู้สึกประหลาดใจ น้องสาวคนนี้ชอบใครก็ตรงไปตรงมาจริง ๆ
“ยาระเบิดสายธาร ระดับ 5 คุณภาพชั้นเลิศ 10 เม็ด น้องสาวคนนี้ร่ำรวยจริง ๆ ของขวัญที่พวกเราให้ไปดูต่ำต้อยไปเลย” หลงเทียนหลิงกล่าว
“เดิมคิดว่าข่าวลือเป็นเรื่องเกินจริง คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเรื่องจริง ดูจากท่าทีของน้องหญิงที่ไม่สนใจอะไร น่าจะยังมีอยู่ไม่น้อยแน่” หลงเทียนอี้กล่าว
“สามารถคบด้วยความใจจริงได้” หลงเทียนเสียงพูดสั้น ๆ
“ข้าก็คิดเช่นเดียวกัน อย่างไรเสียการรู้จักนักปรุงยาหลายคนก็เป็นประโยชน์ต่อพวกเราเอง” หลงเทียนหลิงพูดอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไรนัก
“เอาล่ะ การประลองกำลังจะเริ่มต้นขึ้น คนที่จับได้หมายเลขว่างสามารถเข้าสู่การประลองรอบต่อไปได้เลยทันที” หลงเหวินหวาพูดขึ้น
“ข้าเอง” หลงเทียนอี้พูดขึ้นอย่างได้ใจ โชคดีก็ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่ง
“พี่เทียนอี้ น่าอิจฉาจัง”
“หลงเทียนอี้ เจ้าสามารถดูการประลองของคนอื่นได้ ที่เหลือหมายเลข 1 จะประลองกับหมายเลข 32 เรียงลำดับตามนี้ไปเรื่อย ๆ”
…………………………………….
แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 67 การประลองภายในสกุล (ต้น)
Posted by ? Views, Released on October 6, 2021
, แม่ครัวยอดเซียน
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน!
นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน!
หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ
จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง
แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต!
เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!!
เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า…
นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว
ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน
ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ?
แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!