“หมายเลข 1 หลงเทียนซิ่วประลองกับหมายเลข 32 หลงเวย เริ่มการประลองได้ ระวังให้แค่โดนก็พอ ห้ามทำร้ายกัน” หลงเหวินหัวกำชับเสร็จก็กลับไปนั่งที่ พี่สามของตนก็ถูกพี่น้องรุมล้อมขอแบ่งยาไปไม่น้อย กระทั่งหลานสามคนก็ยังไม่รอด ดูสีหน้าไม่สบอารมณ์ของพี่สามสิ น่ามองเสียจริง!
“อาเลี่ย เหมือนข้าต้องประลองกับหมายเลข 27” หลิวหลีคำนวนแล้วเอ่ย
“คงจะใช่ เจ้าตั้งใจดูพวกเขาประลองกันดีๆ ไม่แน่ว่าอาจได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง” เอ๋าเลี่ยแนะนำ
“รู้แล้ว” หลิวหลีพยักหน้า
หลงเทียนซิ่วขึ้นไปบนเวทีเรียกอสูรตัวน้อยหัวสีเหลืองออกมา คือมังกรพสุธาระดับรองส่วนของหลงเวยคือมังกรวารีชนิดหนึ่ง มังกรวารีนิล
“พวกนางสองคน คนหนึ่งน่าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรธาตุพสุธา ส่วนอีกคนหนึ่งน่าจะเป็นผู้บำเพ็ญธาตุวารี แต่สกุลหลงสามารถทำพันธสัญญากับมังกรได้ไม่ใช่หรือ ทำไมถึงยังมีมังกรชั้นรองกับมังกรน้ำล่ะ” หลิวหลีถามขึ้นด้วยความสงสัย
“นังหนู เจ้าคิดว่าใครก็สามารถทำพันธสัญญากับมังกรได้เรอะ นอกจากจะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเท่านั้น มังกรไม่ได้ทำพันธสัญญาได้ง่ายขนาดนั้นนะ” เอ๋าเลี่ยปรายตามองคนทั้งสองที่ประลองฝีมือบนเวทีอย่างไม่แยแส
“นังหนู เจ้าคิดว่าใครจะชนะ” เอ๋าเลี่ยถามขึ้น
“หลงเทียนซิ่วสิ” หลิวหลีตอบทันควันราวไม่ต้องคิด
“เพราะถึงมังกรพสุธาจะเป็นแค่มังกรชั้นรอง แต่ก็อยู่ในระดับสูง ระดับขั้นก็ขนาดนั้นแล้ว อีกทั้งข้าดูแล้วหลงเทียนซิ่วมีความมั่นใจอย่างมาก ท่าทางคล่องแคล่ว แต่หลงเวยนั้นใช้กระบวนท่าสิ้นเปลืองเหลือเกิน” หลิวหลีชิงตอบ โดยไม่รอให้เอ๋าเลี่ยถาม นางย่อมต้องได้รับสายตาชื่นชมจากเอ๋าเลี่ย
เป็นอย่างที่หลิวหลีคาดเดาไว้จริงๆ หลงเทียนซิ่วเป็นฝ่ายชนะ
“หลงเทียนซิ่วชนะ” หลงเหวินเซวียนประกาศ
“กลุ่มที่สอง หมายเลข 2 หลงเทียนเซิ่ง ประลองกับหมายเลข 31 หลงเทียนหาง”
“อาเลี่ย ทำไมพอขึ้นเวทีแล้วต้องเรียกคู่พันธสัญญาออกมา” พอนางเห็นพวกเขาอยู่บนเวทีแล้วเรียกคู่พันธสัญญา ก็งุนงงนัก ไม่ใช่ต้องรอให้เพลี่ยงพล้ำก่อนแล้วคู่พันธสัญญาจะออกมาให้ความช่วยเหลือหรืออย่างไร
“นังหนู พวกเขาเป็นพวกเดียวกัน เมื่อขึ้นเวทีย่อมต้องเรียกหา ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนกับเจ้า ที่หากไม่อับจนหนทางแล้วจริงๆ ก็จะไม่เรียกข้าออกมาเด็ดขาด สำหรับเจ้าแล้ว ประโยชน์ของข้าน่าจะเป็นทั้งอาจารย์และเพื่อนไปพร้อมกันมากกว่า” เอ๋าเลี่ยพูดขึ้นพลางลูบหัวหลิวหลี
“หากให้อาเลี่ยปรากฏกายแล้วข้าจะยังได้ประลองอะไร เจ้าไปยืนตรงนั้นฝ่ายตรงข้ามก็ยอมแพ้โดยไม่รู้ตัวแล้ว แล้วยังจะได้เล่นอะไรอีก” หลิวหลีเม้มปาก ตอนนี้นางย่อมเข้าใจถึงตำแหน่งของคู่พันธสัญญาตน
“นังหนู ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล” เอ๋าเลี่ยพูดพลางใช้มือลูบคาง เขาเป็นถึงปรมาจารย์ของเผ่ามังกร ใครจะกล้าลงมือกับเขา โดยเฉพาะความน่าเกรงขามในฐานะเทพแห่งสงครามของเขายังคงหลงเหลืออยู่
ไม่นานนักการแข่งขันนี้ก็สิ้นสุดลงในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน
“หลงเทียนหางชนะ ต่อไป หลงเทียนเสียงปะทะหลงเจีย”
“พี่เทียนเสียง โปรดให้คำชี้แนะด้วย” หลงเจียกล่าว
“เอ๊ะ ทำไมสองคนนี้ถึงไม่เรียกคู่พันธสัญญาออกมาล่ะ” หลิวหลีถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เด็กที่ชื่อว่าหลงเทียนเสียงมีความสามารถมากกว่าอีกฝ่าย คาดว่าคงจะให้หลงเทียนเสียงให้คำชี้แนะนิดหน่อย แล้วคงจะยอมแพ้ไปเองแหละ”
พอประลองกันไปไม่กี่ท่าก็เป็นอย่างที่คิดไว้ หลงเจียยอมแพ้ไปเอง
ไม่นานก็มาถึงคราวของกลุ่มหลิวหลี
“กลุ่มที่ 6 หมายเลข 6 หลงหลิวหลีปะทะหมายเลข 27 หลงเทียนอวี่”
หลิวหลีหายใจเข้าลึกแล้วกระโดดขึ้นไปบนเวที หลงเทียนอวี่พอขึ้นมาก็เรียกคู่พันธสัญญาของตัวเองมังกรปีกคู่ออกมา
“คู่พันธสัญญาของเจ้าล่ะ” หลงเทียนอวี่พูดด้วยความไม่พอใจ นี่เหมือนดูถูกเขา ถึงขนาดไม่พาคู่พันธสัญญามาด้วย
“ไม่เป็นไร ข้าคนเดียวก็พอแล้ว ถ้าข้าพาคู่พันธสัญญามาด้วย ก็คงไม่มีอะไรให้สู้แล้ว” หลิวหลีพูดพลางเอามือจับจมูก
“แพ้แล้วก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน” หลงเทียนอวี่รู้สึกฉุนเฉียวเล็กน้อย หยิบอาวุธขึ้นมาพุ่งเข้าโจมตี มังกรปีกคู่รวดเร็วอย่างมาก แต่หลิวหลีก็ไม่ได้ตื่นตระหนกอะไร นางใช้มือเปล่าจับอาวุธเอาไว้ ใช้สองมือขยับเพียงนิดเดียวก็หักมันได้ จากนั้นมังกรปีกคู่ก็หยุดอยู่ที่กลางอากาศ เพราะอาวุธที่โดนหักนั้นชี้ไปที่จุดตายของมัน โดยห่างออกมาเพียงแค่หนึ่งมิลลิเมตรเท่านั้น เหงื่อเย็นๆของหลงเทียนอวี่ไหลพลั่ก สายปรุงยาไม่ใช่หรือ ทำไมจึงได้โหดขนาดนี้
“หลงหลิวหลีชนะ” หลงเหวินหัวกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ร่างกายแข็งแรงมาก ถึงขนาดหักอาวุธได้ด้วยมือเปล่า อาวุธของเทียนอวี่อันนั้นถ้าข้าจำไม่ผิดน่าจะเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับล่างใช่ไหม”
“ไม่มีใครสังเกตเลยหรือว่า คนผู้นี้ใช้เวลาเพียงครู่เดียวก็เจอจุดตายแล้ว เก่งมากเลย”
“เจ้าสาม หลานสาวของเจ้าคนนี้เก่งมากจริงๆ” บังเอิญเจอจุดตายได้เร็วขนาดนี้
“คงแค่บังเอิญกระมัง” หลงเหวินเซวียนพูดขึ้นด้วยความไม่แน่ใจ
“เป็นนักฆ่างูจริงๆด้วย พอหาก็เจอเลย” เอ๋าเลี่ยมองดูหลิวหลีที่ประลองจบเร็วที่สุดอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร จัดการไปเพียงแค่เสี้ยววินาที ไม่เสียแรงที่นังหนูไปแช่ในสระมังกรโลหิต
เพียงไม่นานก็ได้ผู้ชนะมา 16 คน รวมกับหลงเทียนอี้ที่เข้ารอบมาเฉย ๆ เป็น 17 คน มีคนเกินมา 7 คน
“พวกเจ้าก็รู้ว่า มีเพียงแค่ 10 คนเท่านั้นที่จะสามารถเป็นตัวแทนของสกุลเข้าร่วมการประลองระหว่างสกุลได้ ครั้งนี้ก็อยู่ที่ดวงแล้ว คนที่จับได้หมายเลขว่างสามคนจะเป็นตัวแทนตระกูลเข้าร่วมการประลองระหว่างสกุลทันที” หลงเหวินหัวพูดขึ้น
“ผู้อาวุโสเก้า ไม่ต้องหรอก ให้พี่เทียนอี้ พี่เทียนเสียง กับพี่เทียนหลินได้หมายเลขว่างไปก็พอแล้ว พวกข้าจะมาเข้าร่วมการประลอง” มีคนตะโกนขึ้นมา
“ไม่ต้อง ข้าเชื่อในความยุติธรรมของสกุลเรา” หลงเทียนอี้พูดขึ้นพลางส่ายหัว
“ข้าก็ด้วย” หลงเทียนเสียงกับหลงเทียนหลิงพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ดีมาก นี่จึงจะสมกับเป็นลูกหลานบ้านสกุลหลง เอาล่ะ มาจับฉลากกันได้แล้ว” หลงเหวินเซวียนหยินฉลากไม้ไผ่ออกมาหนึ่งกำ
หลิวหลีดูฉลากที่อยู่ในมือ ว่างเปล่า เปอร์เซนต์ที่จะได้ 17.3 % เป็นเปอร์เซนต์ที่สูงมากจริงๆด้วย ขนาดตัวเองยังจับได้เลย
“ใครจับได้หมายเลขว่างบ้าง” หลงเหวินหัวตะโกนขึ้น
“ข้า” หลงเทียนอี้ หลงเทียนหลิง หลิวหลีพูดขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ดีมาก พวกเจ้าทั้งสามคนจะได้เป็นตัวแทนของสกุลเราในการเข้าร่วมการประลองระหว่างสกุลทันที” หลงเหวินหัวรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก มีนักปรุงยาอยู่ข้างในถือว่าได้เปรียบไม่น้อย อย่างเช่น การแข่งขันในตอนแรกจะเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม มีนักปรุงยาก็เปรียบเหมือนกับมีพี่เลี้ยง เพียงแต่แค่หลงเหวินหัวไม่รู้ว่า นักปรุงยาผู้ถูกเลือกคนนี้ก็ชอบปรุงยาพิษ ยาอันตรายเหมือนกัน
สุดท้าย หลงเทียนอี้ หลงเทียนเสียง หลงเทียนหลิง หลงเทียนซิ่ว หลงเทียนหาง หลงเทียนคัง หลงเทียนฉุน หลงจิ่งเทียน หลงเหยียน แล้วก็หลิวหลี
“พวกเจ้าต่างก็เป็นคนที่มีความสามารถของบ้านสกุลหลง เกียรติยศชื่อเสียงของสกุลหลงฝากไว้กับพวกเจ้าแล้ว” หลงเหวินเซวียนพูดด้วยความภาคภูมิใจ
“จะไม่ให้สกุลต้องขายหน้า” ทั้งสิบคนพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
“พวกเจ้าก็ทำความคุ้นเคยกันสักหน่อย อย่างไรเสียด่านแรกก็เป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม” หลงเหวินเซวียนเอ่ยอย่างจริงใจ
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
หลงเหวินเซวียนกับผู้อาวุโสทั้งหลายจากไป คนที่เหลือที่มาดูความสนุกสนานก็ออกไปเช่นกัน เหลือเพียงแค่ทั้ง 10 คนที่ยืนมองหน้ากัน
“อะแฮ่ม บอกสิ่งที่ตัวเองถนัดมาก่อนละกัน พวกเรามาลองคุย ๆ กันดู เริ่มจากข้าก่อนเลยละกัน หลงเทียนอี้ พลังบำเพ็ญเพียรช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะต้น แกนวิญญาณคู่สุวรรณพฤกษา คู่พันธสัญญาของข้าคือ มังกรเขียว เอ๋าเทียนซิง” หลงเทียนอี้พูดขึ้น จะเงียบกันไปตลอดก็คงไม่ดีเท่าไรนัก
“หลงเทียนเสียง พลังบำเพ็ญเพียรช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะต้น แกนวิญญาณคู่อัสนีอัคคี คู่พันธสัญญาคือมังกรอัสนี เอ๋าเทียนหง”
“หลงเทียนหลิง พลังบำเพ็ญเพียรช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะต้น แกนวิญญาณคู่พฤกษาวารี คู่พันธสัญญาคือมังกรน้ำ เอ๋าเทียนเหม่ย”
“หลงเทียนซิ่ว พลังบำเพ็ญเพียรช่วงอมตะระยะกลาง แกนวิญญาณคู่วุวรรณปฐพี คู่พันธสัญญาคือมังกรพสุธา ถู่หมิง”
“หลงเทียนหาง พลังบำเพ็ญเพียรช่วงอมตะระยะกลาง แกนวิญญาณคู่อัคคีปฐพีคู่พันธสัญญางูหลามเพลิง หงหรง”
“หลงเทียนคัง พลังบำเพ็ญเพียรช่วงอมตะระยะปลาย แกนวิญญาณคู่พฤกษาอัคคี คู่พันธสัญญางูหลามห้าสี ไฉ่เลี่ยน”
“หลงเทียนฉุน พลังบำเพ็ญเพียรช่วงอมตะระยะปลาย แกนวิญญาณคู่เหมันต์พฤกษา คู่พันธสัญญาคือมังกรเหมันต์ ปิงหลิง”
“หลงจิ่งเทียน พลังบำเพ็ญเพียรช่วงอมตะระยะปลาย แกนวิญญาณคู่วายุอัคคี คู่พันธสัญญาคือมังกรวายุ เอ๋าเฟิง”
“หลงเทียนเหยียน พลังบำเพ็ญเพียรช่วงอมตะระยะปลาย แกนวิญญาณคู่อัคคีปฐพี คู่พันธสัญญาคือมังกรวารีศิลา เหยียนสือ”
“หลงหลิวหลี พลังบำเพ็ญเพียรช่วงอมตะขั้นสุดยอก แกนวิญญาณเดี่ยวอัคคี คู่พันธสัญญาของข้าเป็นความลับ”
พอมาถึงหลิวหลี กลับมีคำว่าความลับปรากฏขึ้น ความฉุนเฉียวก็ก่อตัวขึ้นอย่างแปลก ๆ
“เอ่อคือ.. คู่พันธสัญญาของข้าค่อนข้างพิเศษ ไม่รู้น่าจะดีกว่า ท่านผู้อาวุโสในสกุลก็เห็นด้วย” หลิวหลีขายตาตัวเองอย่างไม่เกรงใจ
………………………………….
แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 68 การประลองภายในตระกูล (ท้าย)
Posted by ? Views, Released on October 6, 2021
, แม่ครัวยอดเซียน
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน!
นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน!
หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ
จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง
แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต!
เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!!
เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า…
นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว
ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน
ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ?
แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!