แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 69 หลงเทียนหลิง (ต้น)

การประชุมครั้งแรกก็จบลงเช่นนี้ เมื่อหลงเทียนอี้กลับบ้านก็พบกับบิดาตนเอง อย่างไรเสียทั้งสองคนก็ถือว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน
“ท่านพ่อ”
“เทียนอี้กลับมาแล้วหรือ ในการประลองของสกุลเจ้าต้องสู้ๆล่ะ ไม่ต้องกดดันไป อ้อจริงสิ นี่คือส่วนของเจ้า น้องหลิวหลีให้เจ้าเอาไว้ ส่วนของน้องสาวเจ้า เทียนจิ้ง ข้ามอบให้แม่เจ้าเก็บแล้ว” หลงจิ่งอู๋ค่อนข้างรู้สึกพอใจกับลูกชายคนโตของเขาไม่น้อย
“ท่านพ่อ ข้าไม่เข้าใจ ใยน้องหลิวหลีต้องเก็บเรื่องคู่พันธสัญญาไว้เป็นความลับด้วยล่ะ?” นี่เป็นสิ่งที่เทียนอี้ไม่เข้าใจ
“เรื่องนี้น่ะหรือ เทียนอี้ เจ้ารู้เพียงแค่ว่า คู่พันธสัญญาของหลิวหลีเป็นคนที่เผ่ามังกรทุกคนต้องเชื่อฟังเขา ก็เพียงพอแล้ว” หลงจิ่งอู๋เอ่ยปัดๆ
หลงเทียนอี้ลองคิดๆดู เผ่ามังกรต้องเชื่อฟัง เช่นนั้นคงต้องเป็นหัวหน้าเผ่าขึ้นไป คงเป็นระดับปรมาจารย์ ปรมาจารย์ท่านเดียวที่ยังไม่ได้ทำพันธสัญญากับใคร… หลงเทียนอี้ใจเต้นระส่ำ เทพแห่งสงครามเอ๋าเลี่ย น้องสาวของเขาใยชะตาจึงช่างขัดต่อลิขิตฟ้าเช่นนี้
“ตอนนี้รู้แล้วกระมัง เมื่อรู้แล้วก็อย่าเอะอะไป นี่เป็นไม้ตายของสกุลหลงเราเชียว” หลงจิ่งอู๋เมื่อเห็นลูกชายเข้าใจจึงหัวเราะพลางเอ่ย
“ขอรับ ท่านพ่อ ข้าพาเทียนจิ้งไปดูได้หรือไม่” หลงเทียนอี้ถาม เรือท่านอานั้นตั้งแต่นางหายตัวไปจนกายแตกดับ ก็ไม่มีใครย่างกรายไป เพราะกลัวท่านปู่จะเสียใจ
“ไปเถอะ หลิวหลีน่าจะชอบพวกเจ้า” พวกเทียนอี้ไปทักทาย เขาย่อมไม่ลืมขวดเล็กๆที่หลิวหลีเป็นผู้ให้
เมื่อหลงเทียนอี้พาน้องสาวไปยังเรือนของท่านอาในอดีต ก็เห็นหลิวหลีกำลังป้อนอะไรให้กับเด็กน้อยผู้หนึ่ง เนื้อตัวขาวผุดผ่อง แลดูน่ารักอย่างยิ่ง
“เทียนหลิง” เทียนอี้รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ไหนบอกเทียนหลิงเก็บเนื้อเก็บตัว ทำไมมาอยู่ที่นี่ ทั้งยังสะอาดสะอ้านมากทีเดียว
“พี่เทียนอี้รู้จักน้องผู้นี้ด้วยหรือ ไม่ทราบว่าเป็นลูกของท่านลุงหรือท่านอาคนไหน ไม่รู้จักให้เด็กกินข้าวหรืออย่างไร เฮ้อ แม่หนูน้อยนางนี้คือ…” หลิวหลีตำหนิพ่อแม่เทียนหลิง จะไร้ความรับผิดชอบมากเกินไปแล้ว พลันบังเอิญเหลือบเห็นเทียนอี้ก็พาสาวน้อยคนหนึ่งมาด้วยเหมือนกัน
“ท่านพี่ ข้าเทียนจิ้ง ผู้บำเพ็ญช่วงฝึกฝนลมปราณขั้นที่ 3 แกนวิญญาณคู่อัคคีพฤกษา ยังไม่มีคู่พันธสัญญาเจ้าค่ะ” เทียนจิ้งเป็นเด็กสาวที่ร่าเริงสดใสอย่างยิ่ง
“เทียนจิ้งน่ารักทีเดียว นี่น้ำผลไม้” หลิวหลีไม่ได้เก้อเขินไปกับการออดอ้อนเอาใจ นางส่งผลไม้ที่ทำขึ้นให้อีกฝ่าย
“รสองุ่น รสชาติดีเหลือเกิน ขอบคุณเจ้าค่ะพี่หญิง” เทียนจิ้งละเลียดน้ำผลไม้อย่างมีความสุขราวลูกแมวตัวน้อยๆ พลังเซียนภายในร่างกายของเทียนจิ้งเคลื่อนไหวไปมา และนางก็เข้าสู่ช่วงฝึกฝนลมปราณขั้นที่ 4 เพียงแค่ดื่มน้ำผลไม้เข้าไปเท่านั้น!
“พี่หญิง มีพลังเซียนนี่เจ้าคะ พลังบำเพ็ญเพียรของข้าอยู่ในช่วงฝึกฝนลมปราณขั้นที่ 4 แล้ว อร่อยเหลือเกิน ข้าขอดื่มอีกได้ไหมเจ้าคะ” เทียนจิ้งประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ไม่ได้ เจ้าเพิ่งจะเริ่มบำเพ็ญ น้ำผลไม้แก้วนั้นกำลังพอดี ถ้าดื่มมากเกินไป พลังเซียนจะทำให้เส้นชีพจรของเจ้าระเบิดได้” หลิวหลีปฏิเสธอย่างใจร้าย หลงเทียนจิ้งหน้าเสีย หลงเทียนอี้ที่อยู่ข้างๆอยากหัวเราะอย่างอดไม่ได้ องค์หญิงผู้เอาแต่ใจคนนี้มีคนสั่งสอนแล้ว
“นี่คือน้ำผลไม้สกัดเข้มข้น ยามดื่มให้ดื่มพร้อมกับน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งช้อน อย่าดื่มเยอะ ให้พี่ชายเจ้าไว้แล้วนะ ถ้าอยากดื่มก็ไปขอกับพี่ชาย” หลิวหลีเห็นใบหน้าเล็กๆที่อยู่ตรงข้ามจากไม่มีความสุขจนมีความสุข ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นเบื่อหน่าย สนุกจังเลย สีหน้าท่าทางของน้องสาวก็เพิ่มเติมรอยยิ้มบนใบหน้าของหลงเทียนอี้ได้ไม่น้อย
“จริงสิ พวกเจ้าบอกว่าเด็กคนนี้ชื่อเทียนหลิง เป็นเด็กบ้านไหนกัน พ่อแม่ช่างไม่รับผิดชอบเสียเลย เนื้อตัวเต็มไปด้วยบาดแผล” ยามหลิวหลีอาบน้ำให้เด็กคนนี้ก็ปวดใจ ไพล่ชวนนึกถึงตอนนางเก็บหนานกงเวิ่นเทียนมา ตอนอาบน้ำให้เด็กน้อยไม่ส่งเสียงร้องอะไรเลย ราวเป็นตุ๊กตา กระทั่งหลิวหลีตุ๋นไข่ให้ เด็กถึงจะมีปฏิกิริยาตอบกลับมา
“เทียนหลิงเป็นบุตรของบุตรชายของผู้อาวุโสสูงสุด เกิดหลังจากที่พ่อลาโลกไป ส่วนแม่ของนางนั้น ตอนคลอดนางก็ตายลงไปเพราะความที่คลอดยาก มีคนใช้เลี้ยงดูเทียนหลิงตั้งแต่เล็กจนโต ตอนนี้จะ 6 ขวบแล้วก็ยังไม่สามารถพูดได้ คนจำนวนมากต่างบอกว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กธรรมดา เป็นใบ้” หลงเทียนอี้มองดูหลงเทียนหลิงที่กำลังกินไข่ตุ๋นอย่างเงียบ ๆ ด้วยความเวทน
“มิน่าเล่าเด็กถึงได้เป็นแบบนี้ ไม่มีพ่อแม่อยู่ข้างๆ ผู้อาวุโสสูงสุดควรจะต้องเลี้ยงเด็กคนนี้ด้วยความอดทน เด็กคนนี้ไม่ใช่เด็กธรรมดา ข้าใช้เครื่องทดสอบคุณสมบัติของเผ่ามังกรลองทดสอบดู เด็กคนนี้เป็นแกนวิญญาณเดี่ยวธาตุพฤกษาที่หาได้ยากยิ่ง” หลิวหลีอารมณ์ไม่ดีนัก ต้นกล้าที่ดีขนาดนี้ทำจนเป็นเช่นนี้ จะยังสามารถบำเพ็ญเพียรได้อยู่ไหม
“แกนวิญญาณเดี่ยวธาตุพฤกษาจริงหรือ?” ไม่ใช่เสียงของหลงเทียนอี้ แต่เป็นเสียงของหลงเทียนเสียง
“ท่านพี่เทียนเสียง ท่านมาได้อย่างไร?” หลิวหลียังไม่ตอบ ต่อมาถึงนึกออกว่าคนผู้นี้คือหลานคนโตของผู้อาวุโสสูงสุด สีหน้าก็ไม่สู้ดีทันที
“หลงเทียนเสียง เจ้าเป็นพี่ภาษาอะไร รู้ไหมว่าเนื้อตัวเทียนหลิงเต็มไปด้วยบาดแผล ตอนนี้ได้ยินว่านางเป็นแกนวิญญาณเดี่ยวธาตุพฤกษา เจ้าจะตื่นเต้นไปทำไม ตอนนี้เทียนหลิงเก็บเนื้อเก็บตัวขนาดนี้ ต่อให้มีคุณสมบัติที่ดีเพียงใด แต่จะให้บำเพ็ญเพียรได้อย่างไร เสียงของข้าดังขนาดนี้ เจ้าเห็นไหมว่าเทียนหลิงยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ” หลิวหลีด่าหลงเทียนเสียงแบบไม่ลืมหูลืมด่า หลงเทียนอี้กับหลงเทียนจิ้งที่ดูอยู่ก็ถึงกับตกตะลึง คุณพระ คนที่ยอมโดนด่าแต่โดยดีไม่ตอบโต้คนนั้นคือพี่เทียนเสียงของพวกเขา เพียงแต่ว่าหลิวหลีจะโมโหมากเกินไปหรือเปล่า
“นังหนู โคจรพลัง” เสียงเอ๋าเลี่ยดังขึ้น ทำให้หลิวหลีได้สติจึงนั่งลงไปโคจรพลัง
“เจ้าอย่าโทษนังหนูมันเลย นังหนูคงจะโมโหมากจริงๆ ก่อนนางจะอายุ 6 ขวบ นางเป็นลูกของพ่อค้าขายผ้าในโลกมนุษย์ ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก ตอนอายุ 6 ขวบก็ถูกหลงซินเยว่ใช้ลูกเล่นเปลี่ยนสายเลือด ให้กลายเป็นลูกของพ่อค้าขายผ้า นับตั้งแต่นั้นก็ได้เข้าสู่โลกแห่งการบำเพ็ญ โดยเริ่มเรียนรู้ในสำนักเมฆาคล้อย พออายุสิบกว่าขวบจึงได้รู้ว่าพ่อค้าขายผ้าไม่ใช่พ่อแท้ๆ นางให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ถึงแม้นางจะทำเกินเลยไปบ้าง แต่สิ่งที่นางพูดก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล นางสัมผัสได้ว่าเด็กคนนี้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับธาตุพฤกษา บังเอิญข้ามีหินทดสอบคุณสมบัติพอดี ช่างเสียดายพรสวรรค์ของเด็กน้อยคนนี้นัก” เอ๋าเลี่ยพูดขึ้นพลางส่ายศีรษะ
คนพวกนี้ไม่รู้เรื่องชาติกำเนิดของหลิวหลี พอพูดเช่นนี้ พวกเขาจึงรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก มิน่านางถึงได้โมโหขนาดนั้น พวกเขาในฐานะที่เป็นญาติทำหน้าที่ได้แย่จริงๆ
“ขอโทษด้วย ข้าโมโหมากไปหน่อย ข้ารู้สึกอิจฉาเทียนหลิงมาก ข้าก็ไม่เคยเห็นหน้าผู้ให้กำเนิดเหมือนเจ้า แต่อย่างน้อยเจ้าก็อยู่กับท่านปู่มาตั้งแต่เด็ก ช่างน่าอิจฉาเหลือเกิน” หลิวหลีไม่รู้ว่าตัวเองฟื้นกลับมาตอนไหน คำพูดของนางทำให้ทั้งสามคนรู้สึกปวดใจอย่างมาก โดยเฉพาะคำว่าอิจฉา ยิ่งทำให้ทั้งสามยิ่งรู้สึกหดหู่ใจ
“พี่ใหญ่ พวกเราต่างไม่ใช่ผู้อาวุโสที่ดี” หลงเหวินเซวียนกับผู้อาวุโสสูงสุดหลงเหวินหยางยืนฟังอยู่ด้านนอกพักใหญ่
“น้องสาม เจ้าเป็นผู้อาวุโสที่ดี แต่ข้าไม่ใช่ พวกเราต่าไม่มีใครรู้ว่าหลงซินเยว่มีลูกสาว ส่วนข้าพอเห็นเทียนหลิงก็ชวนให้นึกถึงลูกชายคนเล็กของข้าทำให้ยิ่งไม่อยากเห็นนาง ขนาดนางอายุจะ 6 ขวบแล้วก็ยังพูดไม่ได้ นอกจากข้าจะผิดหวังแล้วก็ยังโมโหด้วย ข้าไม่รู้เลยว่า 6 ปีมานี้นางใช้ชีวิตอย่างไร” หลงเหวินหยางเสียงสั่นเล็กเครือ
“โชคยังดี พี่ใหญ่ โชคยังดีที่พวกเราจะมีโอกาสแก้ไขให้ถูกต้อง” พวกเขามองดูหลิวหลีที่สงบลง และเช็ดมือให้กับเทียนหลิงด้วยความอดทน กับเทียนหลิงที่มองดูหลิวหลีด้วยอาการเหม่อลอย
“น้องสามพูดถูก” หลงเหวินเซวียนเองก็เห็นเช่นกัน จึงพูดขึ้น
“พี่เทียนเสียง นี่คือน้ำผลไม้สกัดเข้มข้นต่างจากของเทียนจิ้ง ของสิ่งนี้สามารถใช้บำรุงร่างกายได้ ให้ดื่มพร้อมกับน้ำศักดิ์สิทธิ์หนึ่งช้อน ร่างกายของเทียนหลิงไม่ได้แข็งแรงมากนัก” หลิวหลีนำน้ำผลไม้แก้วใหญ่อีกชนิดหนึ่งออกมามอบให้กับหลงเทียนเสียง อย่างไรเสีย นางก็ไม่สามารถดึงดันให้เด็กคนนี้อยู่ที่นี่ได้
“เทียนหลิง เจ้ามาหาข้าได้ตลอดเวลา ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถได้ยินเสียงของพืช แต่เจ้าก็ต้องพูดคุยกับคนรอบข้าง เป็นเพราะพวกเขามีตาหามีแววไม่ เทียนหลิงเป็นคนเก่งมากนะ” หลิวหลีมองตาของเทียนหลิงและเอ่ยช้าๆชัดๆ
พวกเขาเห็นดวงตาของเทียนหลิงเป็นประกายวิบวับ เทียนเสียงก็ยิ่งหดหู่ใจ คาดว่าคนใช้ที่ดูแลเทียนหลิงน่าจะพูดจาไม่ดีตอนที่พวกเขาไม่รู้อยู่บ่อยๆ ยิ่งทำให้เทียนหลิงยิ่งจมปักอยู่ในโลกของตัวเอง
 ………………………………….

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset