แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 77 เป้าหมายคือหลิวหลี

วันที่สองการประลองรอบคัดออกก็จัดขึ้นตามกำหนด โดยเฉพาะสกุลฮัว หลินและจ้านทั้งสามสกุล รวบรวมพลังจนสุดแรงเพื่อจะกู้หน้าในรอบการประลองแบบกลุ่ม
“จิงเฟย เจ้าโดนใครว่ามา ทำไมถึงได้ทำตัวราวนกยูงรำแพนหางทีเดียว” ฮัวจิงซวี่เห็นฮัวจิงเฟยที่แววตาเป็นประกายลิงโลด ทำไมถึงได้แตกต่างจากไม่กี่วันก่อนราวคนละคน
“ไม่มีอะไร เพียงแต่รู้สึกว่าวันนี้เป็นวันที่ข้ารู้สึกหลุดพ้นแล้ว” ฮัวจิงเฟยพูดอย่างลิงโลด เมื่อวานยาสมานชีพจรคุณภาพชั้นเลิศได้รักษาอาการบาดเจ็บของเขาจนหายดี พลังบำเพ็ญเพียรของเขาก็เพิ่มขึ้นมาด้วย ฮัวจิงเฟยปรายตามองคนสกุลหลง นางฟ้าของเขายืนเงียบๆอยู่ด้านหลังสุด
“เจ้าไม่ต้องเสพยาแล้วหรือ “ฮัวจิงซวี่แขวะ หลุดพ้นอะไรอย่าพูดเหลวไหลเลย คราวนี้พวกเขาต่างรู้ดีแก่ใจว่าสุดท้ายแล้วคนที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับสกุลนั้นจะเป็นผู้ใด
“ใช่เสพยาแล้ว” การยอมรับของฮัวจิงเฟยทำให้ฮัวจิงซวี่นิ่งชะงักไป ไม่ว่าจะคิดแบบไหนก็รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ หากเขาติดยาจริงๆ ท่านลุงใหญ่คงตัดขาเขาไปแล้ว
“จิงเฟย อย่าเหลวไหล” มุกตลกนี้ไม่ตลกแม้แต่นิดเดียว
“พวกลูกหลานของสกุลหลงกำลังรออยู่ การประลองคัดออกรอบนี้ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนพวกเจ้าเอง” เรื่องล้างแค้นนี้จำเป็นต้องล้างแค้นแน่ ความอัปยศในรอบการประลองกลุ่ม เขาจะต้องล้างอายแน่
“วางใจเถอะ คราวนี้คงจะต้องมีกฎข้อบังคับอะไรแน่ คนสกุลหลงอย่าคิดจะเอาชนะโดยใช้ยาเลย” จ้านอวิ๋นจุนกล่าว
“แบบนี้นี่เอง ดีจริงๆ ในที่สุดแล้วจะได้ล้างแค้นนังหนูนักปรุงยานั่นได้พอดี” จ้านอวิ๋นจิงตอบ นางทำเขาเสียเงินทองไปจำนวนมากในการซื้อยาไปจำนวนมาก แต่กลับไม่ใช่ยาเพียงหนึ่งเดียว และก็จริง เพียงแต่ว่าเขาไม่ค่อยพอใจนัก ร่างกายของนักปรุงยาล้วนแต่อ่อนแอทั้งนั้น เขาไม่สนใจหรอกว่าจะหญิงหรือชาย แต่เขาจะต้องจัดการนางแน่
“ฮ่าๆ ลูกหลานสกุลหลงล้างคอรอเถอะ รอเจอดาบนายน้อยหลินได้เลย” หลินเสี่ยวเจียงพูด
“เสี่ยวเจียง เจ้าอย่าตั้งป้อมเป็นศัตรูชัดเจนแบบนี้ได้หรือไม่ แล้วอีกอย่างพวกเราสามารถร่วมมือกับสกุลฮัวและสกุลจ้านรับมือสกุลหลงด้วยกัน” หลินเสี่ยวเสี่ยวพูด
“ก็จริง อย่างไรเสียศัตรูของสกุลหลงก็ไม่ได้มีเพียงสกุลหลินเท่านั้น” หลินเสี่ยวเจียงเข้าใจในทันที
“ใช่แล้ว ทุกคนย่อมต้องรู้สึกคับแค้น จะได้ร่วมมือกันกำจัดสกุลหลงออกไปก่อนพอดี” หลินเสี่ยวเสี่ยวพูดต่อ
“เสี่ยวเสี่ยว เจ้านี่เจ้าเล่ห์จริงๆ”
“อย่าพูดเหลวไหล นี่เรียกว่าศัตรูของศัตรูก็คือพันธมิตรต่างหาก” นางไม่ได้เจ้าเล่ห์สักหน่อย
“ดูเหมือนพวกเราจะต้องระวังตัวให้มากแล้วในการประลองรอบคัดออก” หลงเทียนหลิงมองแววตาหลายคู่รอบตัวพลางเอ่ย
“ถูกต้อง การประลองกลุ่มครั้งก่อนคงจะทำให้พวกเขาแค้นมาก อีกทั้งข้าคิดว่ายาของหลิวหลีคงจะใช้ไม่ได้แล้ว” หลงเทียนอี้เสริม
“หึ ไม่ต้องพึ่งยาพวกเราก็ชนะอยู่ดี” หลงเทียนเสียงกล่าว
“ข้าคิดว่าคงจะไม่ให้ข้าใช้ยาอันตรายกับยาพิษกระมังแต่ยาอย่างอื่นน่าจะยังใช้ได้อยู่ ” หลิวหลีวิเคราะห์
“น้องหลิวหลีมีความเห็นหรือไม่?” หลงเทียนอี้ถาม
“ข้ายังมียาระเบิดพลัง ยาเสริมวิญญาณ ยาซ่อนชีพจร” อีกทั้งในตัวนางก็ยังมียาเพิ่มพลังให้ตนเองด้วย
“ความคิดนี้ใช้ได้ทีเดียว” หลายๆคนพูดเออออตามกัน
“เวิ่นเทียน ครั้งนี้สกุลหลงคงจะลำบากแล้ว” หนานกงเหลยเทียนกล่าว
“จริงด้วย ตอนการประลองแบบกลุ่มไปล่วงเกินสามสกุลเข้า จะสบายได้อย่างไร” หนานกงเวิ่นเทียนไม่พูดอะไร หนานกงชานเทียนจึงพูดขึ้น
“มันก็ไม่แน่อย่างไรเสียก็ยังคงเป็นนักปรุงยาอยู่ดี”
“ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้คงจะมีข้อห้ามถูกกำหนดขึ้น”
“แล้วจะทำไม นักปรุงยาไม่ได้ปรุงยาเป็นเพียงประเภทเดียวสักหน่อย” หนานกงเวิ่นเทียนรู้เรื่องความสามารถของหลิวหลีดี จึงเตือนพวกเขาอย่าดูถูกนังหนูผู้นั้น นังหนูนั่นไม่ใช่นักปรุงยาธรรมดาๆ
“การประลองรอบคัดออกได้เริ่มขึ้นแล้ว การประลองรอบนี้ห้ามใชัยาพิษและยาอันตราย อีกทั้งพกยารักษาเพิ่มพลังต่างๆ ติดตัวได้แค่ 10 เม็ดเท่านั้น หากพบว่าเอายาไปเกินจำนวนที่กำหนด จะถือว่าเป็นการสละสิทธิ์ อนึ่งอุปกรณ์เก็บของของพวกเจ้าให้ฝากไว้ที่ผู้อาวุโสของตนเอง เอาไปได้เพียงแค่ถุงรวมใบเดียวเท่านั้น ด้านในจะมียาขวดหนึ่ง และอนุญาตให้พกแต่อาวุธประจำกายของตัวเองเท่านั้น”
“ดีเยี่ยมเหลือเกิน”
“เห้อ คำนวนผิดเสียแล้ว” หลิวหลีกล่าวอย่างเสียดาย
“การประลองรอบนี้จะจัดอันดับจากจำนวนป้ายหยกที่ขโมยมาได้ ป้ายหยกที่ว่าก็คือป้ายหยกประจำสกุลที่พวกเจ้ามีระยะเวลาในการประลอง 1 เดือน ทุกท่านสู้ๆ”
หลิวหลีถือป้ายหยกของตนเองไว้ นี่เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ
“อาเลี่ย เจ้าว่าข้าจะสามารถชิงมาได้ในคราวเดียวหรือไม่?” หลิวหลีส่งเสียงถามเอ๋าเลี่ย จัดการให้เรียบร้อยในรอบเดียวนี่มันตื่นเต้นจริงๆ
“ย่อมต้องได้อะไรมาแน่” เอ๋าเลี่ยพูดกระซิบ
“อาเลี่ย ข้าจะบอกเจ้าอย่างนึง ข้ารู้สึกว่าข้าจะบรรลุช่วงปราณก่อนกำเนิดที่นี่” หลิวหลีไม่รู้ว่าตนปลุกสัญชาตญาณแปลกๆเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
“หืม? ไม่เคยได้ยินว่าเขาจิ่วหัวมีเพลิงอัคคีนะ” เอ๋าเลี่ยคิดอย่างถ้วนถี่ก่อนจะพูด ที่สกุลอื่นก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน
“ใครจะรู้ ไม่แน่ว่าอาจจะตกลงมาจากฟ้าก็ได้” หลิวหลีกระเซ้า
“พอแล้วนังหนู ล้อเล่นแบบนี้ไม่ตลก เจ้าไปชิงป้ายหยกมาเถอะ มีแค่ 10 อันดับแรกเท่านั้นที่จะสามารถไปแดนลี้ลับได้” เอ๋าเลี่ยเกลี้ยกล่อมหลิวหลี
“ข้ารู้หรอก คงจะคิดว่าข้าเป็นสาวน้อยนักปรุงยาที่นุ่มนวลอ่อนแอกันแน่ๆ” หลิวหลีย่อมรู้ว่าคนพวกนั้นพูดถึงนางอย่างไรบ้าง นักปรุงยาผู้ถูกเลือกเป็นเพียงเปลือกนอก นางเป็นสาวน้อยจอมพลังต่างหาก ยิ่งไปกว่านั้นนางต้องไปแดนลี้ลับแห่งนั้นให้ได้ ใครกล้าขวางนาง นางจะจัดการพวกเขาแน่
“ข้ารู้สึกว่าพวกเราต้องชิงจัดการนักปรุงยาสกุลหลงก่อน ไม่มียาอันตรายพวกนั้นแล้ว ทันทีที่เข้าประชิดตัวนักปรุงยาก็เละเป็นโจ๊กแน่” หลินเสี่ยวเจียงพูด กฎเกณฑ์ในคราวนี้ทำให้พวกเขาสบายใจมากจริงๆ
“จิงเฟย พวกเราจัดการนางฟ้าของเจ้าก่อนแล้วกัน ใครใช้ให้นางฟ้าของเจ้าเป็นนักปรุงยาที่ไม่มีพลังต่อสู้ล่ะ“ ฮัวจิงซวี่กล่าวอย่างลิงโลด
“เหอะๆ ข้าขอเตือนให้เจ้ายอมแพ้เถอะ พวกเจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า ความเก่งกาจของผู้ถูกเลือกหลิวหลีไม่เพียงแค่ศาสตร์การปรุงยา นางยังมีเพลิงอัคคีด้วย” ฮัวจิงเฟยพูดตอกหน้าอย่างไม่เกรงใจ เจ้าเอาชนะเพลิงอัคคีได้หรือ
“อืม” ฮัวจิงซวี่พูดไม่ออก เขาลืมไปจริงๆ
“จัดการนักปรุงยาของสกุลหลงคนนั้นก่อนเลย ไม่รู้ว่าเพลิงอัคคีของใครจะร้ายกาจกว่ากัน” จ้านอวิ๋นจุนพูดอย่างชะล่าใจ
“เวิ่นเทียน รู้สึกว่าพวกเขาต่างจะไปจัดการนักปรุงยาน้อยคนนั้นก่อนเลยล่ะ” หนานกงชานเทียนพูด น่าเสียดายจริงๆ
“เหอะๆ หวังว่าพวกเขาจะยังมีชีวิตกลับไป ไม่รู้ว่านักปรุงยา นอกจากจะปรุงยาเก่งแล้วยังเล่นไฟได้อีกด้วย” ยิ่งไปกว่านั้น ไฟที่คนผู้นี้เล่นนั้นยังเป็นไฟระดับสูงอีกต่างหาก
“ก็จริง” หนานกงชานเทียนเข้าใจขึ้นมาในทันที
“น้องหลิวหลี ดูเหมือนว่าเป้าหมายแรกของพวกเขาต้องเป็นเจ้าแน่ เจ้าต้องระวังไว้ให้ดี” หลงเทียนอี้รู้สึกกังวลใจ
“ไม่เป็นไร วางใจเถอะ พวกเจ้าคงเกือบลืมไปแล้วว่าอาวุธระดับล่างทำร้ายข้าไม่ได้“ หลิวหลีวางใจ นางมิใช่นักปรุงยาใสซื่อไร้ความสามารถใดๆสักหน่อย
“จริงด้วย น้องหลิวหลี กายเนื้อของเจ้าแข็งแกร่งนัก” หลงเทียนหลิงแสดงความอิจฉาเมื่อเห็นความแข็งแกร่งของร่างกายหลิวหลี
“เหอะๆ” หลิวหลีทำไได้แค่หัวเราะ ของบางอย่างก็แบ่งกันไม่ได้สักหน่อย
“น้องหลิวหลี เมื่อเข้าไปแล้ว เจ้าต้องตามพวกเราติดๆล่ะ” หลงเทียนอี้เอ่ย
“ได้เจ้าค่ะ” ปากหลิวหลีรับปาก ส่วนจะทำหรือไม่นั้นก็ไม่แน่หรอก อย่างไรเสียนางก็มีเรื่องอื่นต้องทำ เกาะกลุ่มกับพวกเขาไม่ได้ แต่ทว่านางก็รับน้ำใจพวกเขา
“เอาล่ะ ทุกคนเตรียมตัวให้เรียบร้อย เขาจิ่วหัวกำลังจะเปิด ระยะเวลาหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนจากนี้ค่อยเจอกัน”
ทันทีที่พูดจบ คนจำนวนไม่น้อยเริ่มทยอยเดินเข้าไป
“สกุลฮัว หลินและจ้าน เข้าไปกันเร็วขนาดนี้เลย หรือพวกเขาอยากจะเข้าไปล้อมจับข้าหรอกนะ” หลิวหลีเลิกคิ้วพลางเอ่ย
“นังหนู เจ้าต้องสู้ๆ” เอ๋าเลี้ยรู้สึกเลยว่าเป็นไปได้อย่างมาก
“แบบนี้นี่เอง”
หลิวหลีชิงเข้าไปก่อนคนอื่นๆในสกุลหลงอย่างไร้ซึ่งความเกรงใจ ขณะที่พูดแสงในอุโมงค์ก็ห่อหุ้มร่างกาย แล้วนายก็หายตัวเข้าไปในมิติ
………………………………………
ล้างคอ = เป็นคำพูดของจีนจะใช้ในความหมายว่าระวังตัวให้ดีเถอะ

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset