“อาเลี่ย ข้ายังไม่เคยเห็นอาวุธของเสี่ยวเทียนเลย” หลิวหลีมองหนานกงเวิ่นเทียนในชุดคลุมสีขาวแล้วเอ่ย
“เจ้าสนใจเรื่องนี้ด้วยหรือ” ประหลาดจริง ปกตินังหนูไม่ค่อยสนใจเรื่องอาวุธ แต่กลับมาสนใจเรื่องนี้
“อยากรู้เฉยๆ” เป็นเพราะความอยากรู้ล้วนๆเลย
บนลานประลอง หลินเสี่ยวเสี่ยวสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามของหนานกงเวิ่นเทียน และเอาอาวุธออกของนางมาอยู่ดี ผ้าธารา
“ผ้าเช็ดหน้า ของแบบนี้ก็เอามาเป็นอาวุธได้ด้วยหรอ” หลิวหลีตะลึง
อาวุธที่หนานกงเวิ่นเทียนนำออกมาก็คือเครื่องดนตรี อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงอย่างขลุ่ยหยกวิญญาณเหมันต์ ให้ความรู้สึกเข้ากันได้ดีทีเดียว
“เสี่ยวเทียนเป็นผู้บำเพ็ญสายดนตรีหรือ” เท่จัง นางไปเรียนพวกเครื่องดนตรีบ้างดีไหมนะ
บนลานประลอง หลินเสี่ยวเสี่ยวโจมตีก่อน หนานกงเวิ่นเทียนเอี้ยวตัวหลบด้วยความชำนาญ หลังจากผ่านไปหลายกระบวนท่า พลังเซียนของหนานกงเวิ่นเทียนลดลงไปเล็กน้อย แต่พลังเซียนของหลินเสี่ยวเสี่ยวลดลงไปมาก
“เทพเจ้าเต่าห้าสี อสูรเทพระดับสูง”
“เทพเจ้าเต่ามีพลังป้องกันสูงมาก”
“เต่าที่ป้องกันไม่แข็งแกร่งมีด้วยหรือ” หลิวหลีอดบ่นไม่ได้ สกุลหลิน เป็นหนึ่งในห้าสกุล ทำพันธสัญญากับเต่าดำที่มีชื่อเสียงด้านการป้องกัน
“พระเจ้า สกุลหนานกงเก็บความลับไว้ได้ดีเหลือเกิน นั่นหงส์เหมันต์ อสูรเทพบรรพกาลระดับสุดยอด” พอคู่พันธสัญญาของหนานกงเวิ่นเทียนถูกปล่อยออกมา หลินเสี่ยวเสี่ยวก็ยิ่งหมดกำลังใจมากกว่าเดิม ความน่าเกรงขามของอสูรเทพระดับสุดยอดทำให้คนที่อยู่นอกสนามต้านทานไม่ไหว พอหงส์เหมันต์ออกมา หลินเสี่ยวเสี่ยวกับเทพเจ้าเต่าห้าสีก็ถูกผนึกด้วยน้ำแข็งแล้วโยนออกไป
“หนานกงเวิ่นเทียนเป็นฝ่ายชนะ”
“คิดไม่ถึงว่าสกุลหนานกงจะมีไม้ตายที่เด็ดขนาดนี้” อสูรเทพหงส์เหมันต์
“พี่ชางฉยง ปกปิดไว้เสียมิดชิดเชียว” จ้านเฟิงอวี้โพล่งออกมา ถึงขนาดทำพันธสัญญากับหงส์เหมันต์อสูรเทพระดับสุดยอด จากที่เขารู้มา ลูกหลานพวกนี้ อย่างเก่งก็ทำพันธสัญญาณกับอสูรเทพระดับสูง แต่อสูรเทพระดับสุดยอดแทบไม่มี
“ฮ่า ฮ่า ข้าก็เพิ่งรู้ได้ไม่นาน” หนานกงชางฉยงพูดพลางลูบจมูก
“ดูแล้วคราวนี้สกุลหนานกงจะต้องได้ที่หนึ่งแน่” หลินต้าหมิงกล่าว
“ฮ่าฮ่า พี่หนานกง” หลงเหวินเซวียนไม่ได้พูดอะไร แต่เสียงหัวเราะของเขากลับแฝงความนัยบางอย่าง หนานกงชางฉยงรู้สึกว่าในคำพูดของหลงเหวินเซวียนเหมือนมีอะไรซ่อนอยู่ ทำให้ตาซ้ายของเขากระตุกไม่หยุด
พอหนานกงเวิ่นเทียนลงมา ทุกคนก็มองเขาด้วยสายตาที่แปลกไป คนเก่งมักจะไม่แสดงออกมาจริง ๆ
เหลือเพียงแต่การประลองของหลินเสี่ยวเจียงกับหลงเทียนอี้เท่านั้น
“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ บ้านสกุลหลงมีหลิวหลี บ้านสกุลหนานกง หนานกงเวิ่นเทียนที่คมในฝักเช่นกัน” หลินเสี่ยวเสี่ยวพูดขึ้นหลังจากฟื้นฟูพละกำลังกลับมาแล้วเล็กน้อย
“ใช่ ร่างกายหลิวหลีแห่งสกุลหลงแข็งแกร่งยิ่งกว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงเสียอีก แถมยังมีเพลิงอัคคีอีก หนานกงเวิ่นเทียนก็ทำพันธสัญญากับหงส์เหมันต์สุดยอดอสูรเทพ จ้านอวิ๋นจวินจากสกุลจ้านเหมือนจะมีท่าไม้ตายบางอย่าง ดังนั้นจึงถือว่าสกุลหลินจึไม่น่าเกรงกลัวเท่าไหร่” ฮัวจิงเฟยวิเคราะห์
“จิงหง เจ้ากดดันไม่น้อยเลยนะ” อยู่ๆฮัวจิงซวี่รู้สึกเหมือนตนเองได้เปิดโลก โลกภายนอกแข็งแกร่งกว่า ท้าทายกว่า
“เอ่อ รอบต่อไปคงจะอยู่ที่ดวงแล้ว” ฮัวจิงหงมองฟ้าพลางเอ่ย
“อวิ๋นจุน ยังดีที่ไม้ตายของเจ้ายังไม่ถูกเปิดเผย ไม่เช่นนั้นคงจะรับมือยากแน่” จ้านอวิ๋นเยียนพูดอย่างกังวลเล็กน้อย ใครจะไปคิดล่ะว่าหนานกงเวิ่นเทียนจะทำพันธสัญญากับอสูรเทพระดับสุดยอด
“วางใจเถอะ ที่หนึ่งตกเป็นของสกุลจ้านแน่” จ้านอวิ๋นจุนพูดด้วยความมั่นใจ
“เวิ่นเทียน คิดไม่ถึงเลยว่ากระทั่งพวกข้าเจ้ายังปิดบัง อสูรเทพระดับสุดยอดเชียว” หนานกงชานเทียนพุ่งเป้าใส่หนานกงเวิ่นเทียนทันที
“ก็ไม่ใช่เรื่องอะไร”
“ไม่ใช่เรื่องราวอะไรอย่างไร ที่หนึ่งครั้งนี้ต้องเป็นของสกุลหนานกงแน่” หนานกงชานเทียนกล่าว
“ไม่แน่หรอก” หนานกงเวิ่นเทียนส่ายหัว ท่าทีที่ยากคาดเดาของเขาทำให้คนงุนงง
“เทียนอี้ เจ้าต้องสู้ๆนะ” หลงเทียนหลิงพูดกับหลงเทียนอี้
“เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าหนานกงเวิ่นเทียนจากสกุลหนานกงจะเก่งขนาดนี้ ถึงขนาดทำพันธสัญญากับอสูรเทพระดับสุดยอด” หลงเทียนหางที่อยู่ข้างๆพูดเสริม
“ข้าจะพยายาม รู้สึกว่าหลงเสี่ยวเจียงก็ไม่ได้รับมือง่ายขนาดนั้น” มาถึงจุดนี้หลงเทียนอี้เพิ่งจะเข้าใจความหมายที่พ่อพูด ความหวังของบ้านสกุลหลงในครั้งนี้คือหลิวหลี ทว่าเขาเองก็ต้องพยายามเช่นกัน
“หลินเสี่ยวเจียงปะทะหลงเทียนอี้”
เมื่อหลินเสี่ยวเจียงขึ้นบนลานประลองก็เอาค้อนอันใหญ่ออกมา ค้อนสะท้านฟ้า เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง ค้อนสะท้านฟ้าเพิ่มความน่าเกรงขามให้เขาไม่น้อย หลิวหลีที่มองอยู่ก็เกิดอยากได้ ค้อนชิ้นนี้ไม่เลวเลยจริงๆ จะลองดูว่ามีโอกาสยืมมาใช้สักทีสองทีไหม
อาวุธของหลงเทียนอี้คือดาบหัวมังกร มีชื่อว่าดาบมุกมังกร ดูไปแล้วเหมือนคนขี้อวด แต่ก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับสูง หลิวหลีไม่ได้รู้สึกชื่นชอบนัก ถึงแม้ว่าดาบจะได้ฉายาว่าเป็นราชาแห่งอาวุธ แต่นางก็ไม่ชอบอยู่ดี
ถ้าดูจากพลังบำเพ็ญเพียรของทั้งสองฝ่ายจะมีความสูสี แต่ฟังจากเสียงของค้อนที่ตกกระทบพื้น หลิวเสี่ยวเจียงที่บำเพ็ญทางร่างกายจะมีโอกาสสูงกว่า หลงเทียนอี้บำเพ็ญเพียรสายเวทย์ ทั้งสองสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“นายท่าน มิติเพิ่มระดับแล้ว ท่านจะไปดูสักหน่อยไหม” ในขณะที่หลิวหลีกำลังดูอย่างใจจดใจจ่อ เสียงของโม่หรานก็ดังขึ้นในหัวของหลิวหลี
“ไม่ได้ คนเยอะเกินไป” หลิวหลีย่อมต้องอยากดู แต่เมื่อคิดว่ามันเป็นของล้ำค่า ให้คนรู้มากไม่ได้ ช่างมันเถอะ ทนเอาหน่อยแล้วกัน
“นายท่านสามารถใช้ดวงจิตเข้ามาได้”
มีวิธีเช่นนี้ด้วยหรือ หลิวหลีหามุมเหมาะๆ แสร้งตั้งใจดูการแข่งขัน แต่ดวงจิตนางก็เข้าไปในมิติ หลิวหลีรู้สึกตกตะลึงกับภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า นกส่งเสียงร้อง ดอกไม้ส่งกลิ่นหอม กลิ่นอายของพืชศักดิ์สิทธิ์หนาแน่น พลังเซียนหนาแน่นกว่าข้างนอกมาก ประเด็นสำคัญคือมีหนุ่มน้อยในชุดสีม่วงกำลังวุ่นอยู่กับพืชศักดิ์สิทธิ์ นี่ใครกัน ในมิติของนางมีเด็กหนุ่มโผล่ออกมาตอนไหน เดี๋ยวก่อนนะ
“จื่อฉี” หลิวหลีลองเรียก
“ท่านพี่ ในที่สุดพี่ก็เข้ามา” จื่อฉีทิ้งของในมือแล้วรีบวิ่งมาหา แต่กลับพุ่งผ่านความว่างเปล่า
“จื่อฉี อย่าร้อง นี่คือจิตของพี่เอง” นางมองดูเด็กน้อยที่แสดงอาการน้อยใจ
“พี่หญิง ท่านพี่ใจร้ายเหลือเกิน ข้าอยู่ที่นี่มาเป็นร้อยปีแล้ว ฮือ น่าเบื่อมาก โม่หรานก็เอาแต่นอน ไม่มีใครเล่นกับข้าเลย” จื่อฉีร้องไห้อย่างหนัก
“เอาล่ะ พรุ่งนี้ข้าจะปล่อยเจ้าออกไปเล่นข้างนอก โม่หรานล่ะ” หลิวหลีปลอบ เด็กน้อยน่าสงสาร คงจะไม่โดนขังจนเป็นอะไรขึ้นมาใช่ไหม
“ตรงนั้นขอรับ” หลิวหลีมองไปตามทางที่จื่อฉีชี้ ก็เห็นโม่หรานยังอยู่ในร่างเด็กเหมือนตอนที่นางเจอครั้งแรก ทำไมถึงยังไม่โตนะ
“นายท่าน อย่าเอาแต่มองว่าข้าเป็นอย่างนี้ ตอนนี้ข้าเก่งขึ้นเยอะเลย” โม่หรานก็รู้สึกหงุดหงิดกับรูปร่างตัวเองเช่นกัน ขนาดจื่อฉียังโตแล้วเลย
“ข้าอยู่ข้างนอกแค่ 3 เดือน ที่นี่ร้อยปีแล้วหรือ ไว้คราวหน้าจะปล่อยหงหลินเข้ามา ไม่แน่ว่าอาจจะเปลี่ยนร่างก็ได้” หลิวหลีรู้สึกดีใจเล็ก ๆ
“รอกลางคืนข้าเข้ามาค่อยว่ากัน” ด้านนอกทั้งสองคนปล่อยอสูรเทพออกมาพร้อมกัน เต่าดำพสุธาของหลินเสี่ยวเจียงซึ่งเป็นอสูรเทพระดับสูง และมังกรเขียวของหลงเทียนอี้ก็เป็นอสูรเทพระดับสูงเช่นกัน ทั้งสองต่อสู้กันอย่างดุเดือด แต่ถึงอย่างไรหลินเสี่ยวเจียงที่มีร่างกายที่แข็งแกร่งกว่าจึงชนหลงเทียนอี้ลงจากลานประลองไปได้ ส่วนตัวเองก็ล้มลงอยู่บนลานประลองเอาชนะมาได้อย่างทุลักทุเล
“หลินเสี่ยวเจียงชนะ”
“จ้านอวิ๋นจุน ฮัวจิงหง หลงหลิวหลี หนานกงเวิ่นเทียน หลินเสี่ยวเจียง พรุ่งนี้เข้าร่วมการแข่งขันการจัดอันดับระหว่างสกุล”
“คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวแทนบ้านสกุลหลงในการเข้าร่วมการจัดอันดับของสกุลจะเป็นนังหนู”
“บ้านสกุลหลินรั้งท้ายแน่ๆ หลินเสี่ยวเจียงตอนนี้ยังไม่ฟื้นเลย หลงเทียนอี้ที่กินเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์เข้าไปก็เดินด้วยตัวเองได้แล้ว ฝีมือการปรุงยาของหลิวหลีสุดยอดมากเหลือเกิน”
“พรุ่งนี้มีเรื่องสนุกๆให้ดูแล้ว อยากให้พรุ่งนี้มาถึงเร็วๆจัง”
“ใช่ พรุ่งนี้จะมีเหตุการณ์ระทึกขวัญ ฟ้าถล่มดินทลายรึเปล่านะ”
“สกุลหลงช่างมีคุณธรรมจริงๆ ข้าเห็นว่ามีคนจากสกุลหลงส่งยาให้หลินเสี่ยวเจียงด้วย”
“สมแล้วที่เป็นนักปรุงยา หัวแข็ง”
………………………………………..
แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 84 หนานกงเวิ่นเทียนผู้ยอดเยี่ยม
Posted by ? Views, Released on October 6, 2021
, แม่ครัวยอดเซียน
นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน!
นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน!
หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ
จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง
แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต!
เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!!
เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า…
นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว
ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน
ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ?
แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!