แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 87 เจ้าเป็นคนในครอบครัวของข้า

การปรากฏตัวของเอ๋าเลี่ยทำให้ทุกคนไม่กล้าส่งเสียงใดๆ รวมไปถึงสกุลจ้านที่ได้ใจอยู่ในตอนแรก กระทั่งจ้านฟิงจวินถูกตัดเส้นลมปราณบริเวณแขนทั้งสองข้างก็ไม่มีคนกล้าเข้าไปยุ่ง
“จื่อฉี ตื่น ตื่น” อยู่ๆ หลิวหลีก็ส่งเสียงร้องออกมา เอ๋าเลี่ยตั้งสติได้ ก็เห็นว่าเด็กนี่คิดไม่ตก มีแววว่าจะโดนมารเข้าครอบงำ
จื่อฉีไม่มีปฏิกิริยาใดๆ เขาเอาแต่โทษตัวเอง หากไม่ใช่เพราะเขา ท่านพี่คงไม่ต้องได้รับบาดเจ็บ ก็คงไม่ต้องไปสู้กับบ้านสกุลจ้านเพื่อเขา
“เพี๊ยะ” หลิวหลีทาบฝ่ามือลงบนหน้าจื่อฉี
“จื่อฉี เจ้าได้ยินที่พี่พูดไหม?” หลิวหลีรู้สึกร้อนรน พยายามข่มความเจ็บปวดเขย่าตัวจื่อฉี
“นังหนู ระวัง” เอ๋าเลี่ยเห็นท่าไม่ดีจึงพาตัวหลิวหลีออกไป จื่อฉีคำรามแล้วคืนสู่ร่างเดิม
“ราชากิเลนม่วง” จ้านเฟิงอวี้อุทาน
จื่อฉีไร้ซึ่งสติ เห็นสิ่งมีชีวิตก็พุ่งเข้าโจมตี
“อาเลี่ย เข้าไปจัดการเขา ตีพิการไปก็ไม่เป็นไร ทำให้เขาได้สติกลับมาเร็ว” หลิวหลีมองดูจื่อฉีที่ทำร้ายสิ่งมีชีวิตรอบข้างด้วยท่าทีที่สงบนิ่ง
เอ๋าเลี่ยถูมือ จะได้สั่งสอนไปพร้อมกัน เขาพุ่งเข้าไปโจมตีจื่อฉีไม่ยั้งมือ ทำให้นังหนูโมโหหรอ ต้องโดนตี กิเลนตัวใหญ่โดนซ้อมเสียจนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้ กลายร่างเป็นคน หลิวหลีเดินเข้าไปหอมหน้าผากของจื่อฉีเบา ๆ
“เด็กโง่ อยู่กับพี่ เจ้าไม่เคยเป็นตัวภาระเลยนะ เจ้าไม่ได้ทำให้ข้าลำบากด้วย เจ้าเป็นคนในครอบครัวของข้า สนิทเสียยิ่งกว่าพ่อแม่เสียอีก หากว่าเจ้าไม่อยากไป ข้าจะไม่มีวันยอมให้ใครมาเอาเจ้าไป”
จื่อฉีนิ่งไปตอนที่หลิวหลีหอมเขา หลังจากได้ฟังคำพูดของหลิวหลี สีแดงในดวงตาของเขาจางไป พอประโยคสุดท้าย ก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ
“ท่านพี่ ข้าเจ็บ” จื่อฉีพูดด้วยความน้อยใจ
“เด็กดี ไม่เจ็บนะ ถ้าเจ้าทำผิดอีก พี่ก็จะให้อาเลี่ยตีเจ้าอีก อย่างน้อยภายในพันปีนี้ เจ้าสู้อาเลี่ยไม่ได้หรอก” หลิวหลีพูดพลางตีหัวจื่อฉีเบาๆ
“ท่านพี่” ขอบคุณท่านนะ จื่อฉีขยับเข้าใกล้หลิวหลี เอาหน้าผากของตัวเองแนบชิดหน้าผากของหลิวหลี ถึงแม้จะไม่พอใจ แต่ก็อยากลองดูอีกสักครั้ง ข้าจื่อฉี ขอสาบาน จะเป็นผู้คุ้มครองหลิวหลี ขอทำพันธสัญญา ณ ที่นี้ เพื่อกลายเป็นคู่พันธสัญญาของหลิวหลี
ตราประทับที่ซับซ้อนรูปหนึ่งปรากฏขึ้นบนร่างพวกเขาทั้งสอง ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อ เอ๋าเลี่ยตกตะลึง นี่คือการทำพันธสัญญา
ภาพกิเลนม่วงปรากฏขึ้นที่หน้าผากของหลิวหลี หลังจากภาพกิเลนหายไป ภาพมังกรโลหิตก็ปรากฏขึ้น สุดท้ายภาพทั้งสองก็แยกตัวออกจากกัน ภาพกิเลนสีม่วงย้ายไปอยู่บริเวณติ่งหูข้างขวา ภาพมังกรโลหิตย้ายไปอยู่บริเวณติ่งหูข้างซ้าย
“เจ้าเด็กโง่ แบบนี้เจ้าก็จะไม่เป็นอิสระแล้ว” หลิวหลีไม่รู้จะพูดอะไรดี เพียงแต่ว่านางทำพันธสัญญากับอาเลี่ยไปแล้ว ทำไมถึงยังทำพันธสัญญากับจื่อฉีได้อีก
“ไม่หรอก ข้าเชื่อว่าวันหนึ่งหากข้าจะไป พี่สาวก็ไม่มีทางรั้งข้าไว้” จื่อฉีส่ายหัวแล้วกลับเข้าไปอยู่ในมิติอสูรภูต หลิวหลีลอบย้ายเขาให้ไปอยู่มิติในป้ายหยก
“นางทำพันธสัญญากับกิเลนได้ นางเป็นคนสกุลจ้าน”
จ้านเฟิงอวี้ก็รู้สึกตื่นเต้นเช่นกัน นางมีสายเลือดของบ้านสกุลจ้านด้วย
“จ้านอวิ๋นจิ่ง เจ้าช่วยลากผู้อาวุโสบ้านเจ้าไปไกลๆหน่อย รกหูรกตา” มีเอ๋าเลี่ยอยู่ข้างๆ ก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรหลิวหลี จ้านอวิ๋นจิ่งค่อยๆพยุงจ้านเฟิงจวิน แล้วพากลับไปบริเวณที่นั่งบ้านสกุลจ้าน การประลองก่อนหน้านี้ได้สิ้นสุดลงแล้ว
“อ่ะแฮ่ม หลงหลิวหลี เจ้ายังจะเข้าร่วมการประลองอยู่หรือไม่” กรรมการถามขึ้น ได้รับบาดเจ็บขนาดนี้ ยังสามารถสู้ได้อีกหรอ
“ได้สิ บอกมาเลย ประลองกับใคร” ตลกหรืออย่างไร ถึงนางจะไม่ลงมือ มือของอาเลี่ยข้างเดียวก็สามารถทำให้พวกเขาตายได้ทั้งหมด
“ไม่ต้องหรอก ใครจะชนะเทพแห่งสงครามเอ๋าเลี่ยได้ ข้าหนานกงเวิ่นเทียนขอยอมแพ้” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นหลิวหลีได้รับบาดเจ็บก็รู้สึกปวดใจ เมื่อครู่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย เขาจำเป็นจะต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากกว่านี้
“ข้า ฮัวจิงหงจากสกุลฮัว ก็ขอยอมแพ้ ที่หนึ่งเป็นของบ้านสกุลหลง” ฮัวจิงหงยอมแพ้อย่างรู้งาน คู่พันธสัญญาของตัวเองพอเห็นเอ๋าเลี่ยก็ตัวสั่นเป็นลูกเต๋า แล้วยังต้องประลองอะไรกันอีก
“ถ้าอย่างนั้น ข้าขอประกาศ”
“ช้าก่อน นางทำพันธสัญญากับกิเลนได้ นางเป็นคนสกุลจ้าน” จ้านเฟิงอวี้ตัดบทใบหน้าตื่นเต้นอย่างมาก
“ใครบอกเจ้าว่าข้าเป็นคนบ้านสกุลจ้าน ทำพันธสัญญากับกิเลนแล้วจะทำไม หยกแสดงสถานะของข้าเป็นของสกุลหลง ข้าชื่อหลงหลิวหลี” หลิวหลีพูดพลางขมวดคิ้ว จนถึงตอนนี้นางเพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า ตัวเองสามารถทำพันธสัญญากับกิเลนได้ หรือว่าบิดาของนางจะเป็นคนบ้านสกุลจ้านจริงๆ เมื่อนึกถึงความโกรธแค้นของมารดาที่มีต่อสกุลจ้านแล้ว ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
จ้านเฟิงอวี้ไม่ได้พูดอะไร เขาสัมผัสสายโลหิตของหลิวหลี หลิวหลีสัมผัสได้ถึงการเต้นตุบๆของสายเลือด นางอดก่นด่าไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เจ้ากับข้ามีสัมผัสทางสายโลหิตกัน เจ้ายังไม่ยอมรับอีกว่าเป็นคนสกุลจ้าน” จ้านเฟิงอวี้พูดอย่างตื่นเต้น
“แล้วอย่างไร ข้าเกิดมาในโลกมนุษย์ เป็นเพราะท่านแม่ทำให้ข้าได้ก้าวสู่โลกการบำเพ็ญ เจ้าเป็นใคร ตอนที่ข้าต้องการครอบครัว เจ้าไปอยู่ที่ไหน ตอนนี้ข้าโตแล้ว ไม่ต้องการให้คนในครอบครัวจากที่ไหนไม่รู้มาบอกให้ทำนู่นทำนี่ หากว่าเจ้ายังยืนกรานว่าข้าสกุลจ้าน ข้าก็ขอคืนเลือดของสกุลจ้านให้เจ้า อีกอย่าง ข้าบอกเจ้าตรงๆเลย ข้าไม่ชอบคนสกุลจ้าน อย่าพูดว่าข้าเป็นคนสกุลจ้านอีก” หลิวหลีพยายามข่มความเจ็บปวด แล้วเรียกมีดเพลิงขึ้นบนมือขวาเป็นสัญญาณว่าหากเจ้ายังพูดต่อ ข้าจะลงมือแล้วนะ
“พอได้แล้ว หลิวหลีเป็นหลานสาวของข้า ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับสกุลจ้านทั้งนั้น” หลงเหวินเซวียนคำราม
“พี่เหวินเซวียน ข้า”
“หุบปาก ข้าขอประกาศ ต่อไปสกุลหลงขอตัดขาดกับสกุลจ้านไปจนตาย” หลงเหวินเซวียนพูดอย่างเกรี้ยวกราด
“พี่เหวินเซวียน ไม่ต้องทำถึงขนาดก็ได้” หลินต้าหมิงพยายามกล่อมอีกฝ่ายให้ใจเย็น
“ไม่ถึงขนาดนั้น? ไม่ถึงขนาดนั้นได้อย่างไร อยู่ดีๆข้าก็นึกขึ้นมาได้ว่าสถานที่ที่มีคนเห็นซินเยว่ครั้งสุดท้ายคือที่สกุลจ้าน ข้าต้องตรวจสอบแน่ว่าทำไมลูกสาวข้าถึงหายไป ทำไมนางถึงไปให้กำเนิดหลิวหลีที่โลกมนุษย์คนเดียว หากเกี่ยวข้องกับคนสกุลจ้านล่ะก็ จะไม่ใช่แค่ไม่ไปมาหาสู่กันจนตาย แต่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง จ้านเฟิงอวี้ เจ้าจำไว้เลย หลิวหลี หลานสาวของข้าชื่อว่า หลงหลิวหลี” หลงเหวินเซวียนมองไปที่จ้านเฟิงอวี้ แล้วพูดออกมาทีละคำ สีหน้าจ้านเฟิงอวี้ค่อยๆซีดลง
“แค่กๆ เช่นนั้นข้าขอประกาศว่า ที่หนึ่งได้แก่หลิวหลีจากสกุลหลง ที่สองบ้าน เวิ่นเทียนจากสกุลหนานกง ที่สามจิงหงจากสกุลฮัว ที่สี่อวิ๋นจุนจากสกุลจ้าน ที่ห้าเสี่ยวเจียงจากสกุลหลิน การประลองระหว่างสกุลครั้งนี้สิ้นสุดลงแต่เพียงเท่านี้”
จ้านเฟิงหลิงที่เป็นเหมือนไม้ประดับ จู่ๆก็พุ่งตัวมาหาหลิวหลีอย่างไม่มีใครคาดคิด จับนางแล้วปล่อยสัมผัสทางสายโลหิต สายเลือดที่เข้มข้นทำให้เกิดความเคลื่อนไหวดึงดูดหลิวหลีให้เข้าหาจ้านเฟิงหลิง
“เจ้าคือลูกสาวของข้า” จ้านเฟิงหลิงที่ไร้ตัวตนมาโดยตลอด จู่ๆก็โพล่งออกมา บรรยากาศเย็นเฉียบจนน่ากลัว
“เจ้าบอกว่าใช่ก็ใช่งั้นเหรอ ข้ารู้แค่ว่าท่านแม่ข้าคือหลงซินเยว่” หลิวหลีไม่มีทางยอมรับหรอกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าคือบิดาของนาง ถึงแม้สัมผัสทางสายโลหิตจะบอกนางว่าไม่ผิดแน่ ยืนยันให้นางได้รู้ว่าเขาคือพ่อของนางก็เถอะ
“ข้าคิดออกแล้ว ข้าคิดอยู่เสมอว่าตอนนั้นคือเฟิงจวิน จริงๆแล้วคือแม่ของเจ้า” จ้านเฟิงหลิงพูดอย่างหัวเสีย
“แล้วมันอย่างไร ข้าไม่ได้มีความรู้สึกดีๆอะไรกับสกุลจ้าน เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นพ่อข้า ข้าต้องยอมรับเหรอ เจ้าเคยเลี้ยงดูข้าไหม ตอนที่ข้าถูกคนอื่นรังแก เจ้าไปอยู่ที่ไหน อีกอย่าง เจ้าจำไว้ให้ดี ข้าไม่ได้อยากจะทำพันธสัญญากับกิเลน แต่เป็นเพราะโดนพวกเจ้าคนสกุลจ้านบีบบังคับ ต่อไปนี้พวกเจ้าอยู่ให้ห่างจากข้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้” หลิวหลีสะกดความเจ็บปวดที่พุ่งขึ้นเป็นริ้วและเอ่ยกับเขา
“อาเลี่ย พาข้าไปที” เมื่อเห็นว่าจ้านเฟิงหลิงยังอยากจะพูดอะไรต่อ หลิวหลีอดรนทนไม่ไหวอยากให้เอ๋าเลี่ยพานางออกไป
“เหอะ ถือเป็นโชคดีของเจ้า ที่นังหนูไม่ให้ข้าลงมือ” เอ๋าเลี่ยอุ้มหลิวหลีแล้วจากไป
“สกุลหลง เตรียมตัวแยกย้าย อีกสามเดือนแดนลี้ลับจึงจะเปิด” หลงเหวินเซวียนพยายามเก็บความโมโห แล้วออกคำสั่ง
“พวกเราก็แยกย้ายกันเถอะ เฟิงอวี้ พวกเราก็เป็นเพื่อนกันมานานแล้ว ครั้งนี้สกุลจ้านของเจ้าทำเกินไปจริงๆ” หนานกงชางฉยงตบไหล่จ้านเฟิงอวี้เบาๆแล้วจากไป
“เฟิงอวี้ พวกเจ้าทำเกินไปจริงๆ” ฮัวเชียนหนิวกล่าว
“เฟิงอวี้ วัวหายล้อมคอก สายไปแล้ว” เมื่อหลินต้าหมิงพูดจบก็เดินจากไปเช่นเดียวกัน
จ้านเฟิงหลิงที่ถูกหลิวหลีปฏิเสธก็อึ้งไปสักพัก จากนั้นก็มองจ้านเฟิงจวินที่โดนคนสกุลจ้านยืนล้อมอยู่ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“จ้านเฟิงจวิน ข้าคิดมาโดยตลอดว่าข้าทำผิดต่อเจ้า ทำผิดต่อซินเยว่ ใครจะรู้ว่าแท้จริงเจ้ากำกับเองแสดงเอง น่าตลกสิ้นดี ตลกกว่านั้นคือข้าดันคิดว่าเป็นเรื่องจริง หลิวหลีคงจะลงมือเบาเกินไป จัดการแค่แขนทั้งสองข้างของเจ้า ปากที่พูดผิดเป็นชอบของเจ้าเก็บไว้มันจะมีประโยชน์อะไร” จ้านเฟิงหลิงเหมือนปีศาจที่เพิ่งหลุดมาจากนรก เดินมุ่งหน้าเข้าไปหาจ้านเฟิงจวิน
“พอเถอะ เฟิงอวี้ ค่อยกลับไปพูดที่บ้านได้ไหม” จ้านเฟิงอวี้อิดโรยและค่อนข้างอ่อนแรง
“แต่พี่ใหญ่ ฮูหยินของข้าจาไปแล้ว ลูกสาวก็ไม่ยอมรับข้า เป็นเพราะนางคนเดียว” ดวงตาจ้านเฟิงหลิงแดงก่ำ
“ข้ารู้ แต่ว่าเฟิงหลิง เจ้าช่วยไว้หน้าข้าสักครั้งได้ไหม ข้าขอร้องเจ้าล่ะนะ” จ้านเฟิงอวี้อ้อนวอน
จ้านเฟิงหลิงมองดูแววตาอ้อนวอนของพี่ใหญ่ และเดินจากไปโดยไม่ได้พูดอะไร
“อวิ๋นจิ่ง อวิ๋นเยียน ดูเฟิงจวินไว้ให้ดี ๆ แล้วกลับไปจัดการที่บ้าน” จ้านเฟิงอวี้พูดประโยคนี้จบก็เดินจากไป จ้านเฟิงจวินหวาดกลัวจับใจ นางคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องจะแดงขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าหลงซินเยว่จะมีลูก คิดไม่ถึงว่าลูกของนางจะโดดเด่นขนาดนี้ เพียงแต่ว่าเรื่องทั้งหมดนี้มันจบลงแล้ว ตอนนี้นางเป็นเพียงนักโทษของสกุลจ้านเท่านั้น
………………………………..

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset