แม่ครัวยอดเซียน – ตอนที่ 88 ชะตาราชา

ทุกคนต่างกันแยกย้ายกลับบ้านตัวเอง บ้านสกุลหลงไม่ได้ดีใจจากชัยชนะในครั้งนี้เท่าไหร่นัก
“เทียนอี้ เจ้าไปเรียกพ่อและท่านอาทั้งสองของเจ้ามา”
“ขอรับ ท่านปู่” หลงเทียนอี้เข้าใจ นี่คงจะคุยเรื่องของท่านอาหญิง ใครจะไปคิดว่า ท่านอาสานสัมพันธ์กับคนสกุลจ้าน แล้วยังมีน้องหลิวหลีอีก ไม่รู้ว่าน้องหลิวหลีตอนนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง
“ท่านปู่ ตอนนี้น้องหลิวหลีเป็นอย่างไรบ้าง?” หลงเทียนอี้หยุดฝีเท้า แล้วเอ่ยถาม
“น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว ท่านเอ๋าเลี่ยพานางกลับเผ่ามังกร ผู้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากเรื่องนี้ก็คือนังหนูนี่แหละ” พอพูดถึงหลิวหลีหลงเหวินเซวียนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร พวกเขาห้าสกุลใหญ่ก็แต่งงานกันข้ามสกุลกันไปมาไม่รู้กี่ครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่มีพันธสัญญาซ้อนเช่นนี้ แต่นังหนูกลับทำสำเร็จ คงเป็นเพราะนังหนูถูกจ้านเฟิงจวินทำลายเส้นลมปราณ พอพูดถึงสกุลจ้าน สีหน้าของหลงเหวินเซวียนก็ไม่สู้ดีนัก
“ท่านปู่ ข้าขอตัวก่อน” เมื่อหลงเทียนอี้รู้ว่าหลิวหลีไม่เป็นอะไร จึงได้ขอตัวไปตามท่านพ่อกับท่านอาทั้งสอง
“ท่านพ่อ ข้าได้ยินว่าหลิวหลีได้รับบาดเจ็บ ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม?” เสียงของหลงจิ่งหนานดังขึ้นมาแต่ไกล
“ท่านพ่อ หลิวหลีทำพันธสัญญากับกิเลนจริงหรือ คู่ชีวิตของน้องคือคนสกุลจ้าน” หลังจากหลงจิ่งอู๋ได้ฟังเรื่องราวคร่าวๆจากลูกชาย บอกได้เพียงว่าถึงแม้จะแล่เนื้อคนสกุลจ้าน ก็ไม่ช่วยให้หายแค้น
“ท่านพ่อ คนบ้านสกุลจ้านที่ทำร้ายนังหนู ตีมันให้พิการไปแล้วหรือยัง หากว่ายัง เดี๋ยวข้าจะไปซ้ำให้พิการไปตลอดชีวิต” หลงจิ่งหลินพูดด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“พอเถอะ ถามกันคนละคำถามแบบนี้ ข้าควรตอบใครดี ตอนนั้นที่น้องสาวพวกเจ้าโดนคนสกุลจ้านย่ำยีเป็นเรื่องจริงแน่นอน เรื่องที่หลิวหลีทำพันธสัญญากับกิเลนก็เป็นเรื่องจริง เส้นลมปราณของนังหนูได้รับบาดเจ็บ ท่านเอ๋าเลี่ยจึงพากลับเผ่ามังกรไปแล้ว คิดว่าน่าจะไม่มีปัญหา” หลงเหวินเซวียนเห็นท่าทีของลูกชายแต่ละคนแล้วก็ยิ่งปวดหัว มีลูกชายกันหมดแล้วจะใจเย็นกันหน่อยไม่ได้หรือไง
“ท่านพ่อ ผลการประลองระหว่างสกุลครั้งนี้ ผลป็นอย่างไร?” หลงจิ่งอู๋ถามขึ้น
“ที่หนึ่งคือสกุลหลง อย่างไรเสียหลิวหลีก็เป็นคนของสกุลหลง อีกอย่าง หลิวหลีก็ไม่ได้รู้สึกดีกับสกุลจ้าน อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องนี้ เจ้าใหญ่ ยุติทุกอย่างที่เราทำร่วมกับสกุลจ้าน นอกจากนังหนูจะพูดอะไร” หลงเหวินเซวียนเอ่ยอย่างจริงจัง
“เจ้ารอง พลังในการต่อสู้ของเจ้าก็ไม่เลวเลย เด็กในบ้านเราสบายกันเกินไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะหลิวหลี และถ้าไม่ใช่เพราะหลิวหลียืนกรานว่าตัวเองเป็นคนสกุลหลง พวกเราก็คงแพ้ไปแล้ว ลูกหลานของเราไม่ค่อยพัฒนาเลย เจ้ารอง การแข่งขันในครั้งนี้ได้เตือนสติพวกเรา ความสามารถในการต่อสู้ของเด็กๆรุ่นนี้อยู่ที่เจ้าแล้วนะ” หลงเหวินเซวียนพูดกับลูกชายคนรองของบ้าน
“เจ้าสาม เจ้าไปตรวจสอบเรื่องราวการหายตัวไปของน้องสาวเจ้ามาให้ละเอียด เดิมข้าก็ตั้งใจจะลองตรวจสอบดูหลังสิ้นสุดการประลองระหว่างสกุล หลิวหลีมีสายเลือดของสกุลจ้าน ตอนนั้นน้องสาวของเจ้าทำไมถึงหายตัวไป ทำไมถึงได้ให้กำเนิดบุตรในโลกมนุษย์ ดูแล้วไม่ชอบมาพากล เจ้าไปสืบมาให้ดี หากสกุลจ้านรังแกน้องสาวของเจ้า ถ้าเช่นนั้นสกุลหลงกับสกุลจ้านก็จะไม่ไปมาหาสู่กันจนตาย” หลงเหวินเซวียนพูดประโยคสุดท้ายด้วยท่าทีที่เหี้ยมโหด
“ทราบแล้วครับ ท่านพ่อ” สามพี่น้องพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ณ บ้านสกุลหนานกง หนานกงเวิ่นเทียนไปหาพ่อแม่ แล้วจึงไปหาผู้นำสกุลหนานกงชางฉยง
“เวิ่นเทียน ทำไมไม่อยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่เจ้าล่ะ ถึงได้มาหาข้าที่นี่” หนานกงชางฉยงมองหลานชายของตัวเองที่ทำให้เขาภูมิใจไม่ว่าจะเป็นด้านไหนเขา นอกจากคุณสมบัติทางร่ายกายก็เท่านั้นด้วยแววตาประหลาดใจ
“ท่านลุง ข้าอยากเข้าไปในงานฝึกฝนของสกุล หวังว่าท่านลุงจะอนุญาต” หนานกงเวิ่นเทียนร้องขอ
“เวิ่นเทียน ทำไมถึงได้อยากจะเข้าไปล่ะ เจ้ารู้นะว่าอีกหนึ่งเดือนเจ้าจะต้องเข้าไปแดนลี้ลับอสูรเทพ” หนานกงชางฉยงงุนงง
“ท่านลุง ข้าอ่อนแอเกินไป” หนานกงเวิ่นเทียนพูดพลางกำมือแน่น
“ไม่เลย เวิ่นเทียน เจ้าเป็นคนที่มีความสามารถ อย่าไปเทียบกับหลิวหลีเด็กประหลาด เจ้าเป็นผู้ถูกเลือกแน่ๆ” หนานกงชางฉยงพูดปลอบ การปลอบในครั้งนี้ไม่ได้ช่วยอะไร
“ท่านลุง ข้าปกป้องนางไม่ได้” หนานกงเวิ่นเทียนพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ
“เจ้าหมายถึงใคร” หนานกงชางฉยงได้ยินก็รู้สึกแปลกพิกล มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นหรือ
“ท่านลุง ท่านรู้เรื่องคุณสมบัติร่างกายของข้ากับคำทำนายของหอเทียนจีเก๋อหรือไม่” หนานกงเวิ่นเทียนเงยหน้าถาม
“ข้าพอรู้เรื่องคุณสมบัติร่างกายอยู่บ้าง แต่เรื่องคำนายของหอเทียนจีเก๋อข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจ” เขารู้ว่าตอนนั้นน้องชายของเขาไปหอเทียนจีเก๋อเพื่อให้ทำนายดวงชะตาของเวิ่นเทียน แต่เรื่องรายละเอียดนั้นกลับไม่มีใครรู้เลย
“ท่านลุง ข้าคือร่างเหมันต์จันทรา ท่านรู้ใช่ไหม เป็นธาตุหยินล้วน ท่านก็รู้ใช่ไหม ถ้าอย่างนั้นคำนายของข้าคือชะตาหงส์ ท่านรู้เรื่องนี้ไหม”
คำถามทั้งสามของหนานกงเวิ่นเทียน ทำให้หนานกงชางฉยงถึงกับอึ้งไป จนกระทั่งถึงคำถามสุดท้าย อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกมึนงง ทำไมชะตาชีวิตของหลานชายเขาถึงเป็นชะตาผู้หญิงล่ะ
“พูดให้ชัดเจนหน่อย” หนานกงชางฉยงพูดด้วยท่าทีจริงจัง
“ท่านลุง หลิวหลีเป็นร่างเพลิงสุริยา ธาตุหยางล้วน เข้ากันได้ดีกับคุณสมบัติของร่างกายข้า ข้าก็รู้สึกชอบพอนางเช่นกัน ท่านลุง ท่านรู้ไหมว่าข้าไม่สามารถช่วยอะไรนางได้เลยตอนที่นางโดนบังคับให้สู้ ท่านลุง ข้าอยากจะอยู่กับนาง ไม่ใช่เพราะคำทำนาย ดังนั้นข้าก็เลยอยากจะแข็งแกร่งขึ้น ท่านลุง ได้โปรดให้ข้าเข้าไปในลานฝึกซ้อมด้วยเถอะ” ประโยคสุดท้ายของเขาพูดออกมาด้วยความตั้งใจเต็มเปี่ยม
“เวิ่นเทียน ลุงขอถามเจ้า ต้องนางเท่านั้นใช่ไหม”
“ใช่ขอรับ” หนานกงเวิ่นเทียนตอบอย่างแน่วแน่
“เจ้าไปเถอะ เมื่อถึงเวลาข้าจะให้คนไปเรียก ส่วนนังหนูคนนั้น หากเจ้าแต่งนางเข้าสกุลหนานกงได้ ถึงข้าจะฝันอยู่ ก็สามารถหัวเราะจนตื่นจากฝันได้” หนานกงชางฉยงให้กำลังใจ
“ขอบคุณขอรับ ท่านลุง” หลังจากหนานกงเวิ่นเทียนออกไปแล้ว
“เจ้าเด็กนี่ คิดจะหยั่งเชิงข้าเหรอ แต่ดูท่าแล้วน่าจะมีอะไรปิดบังข้าไม่น้อย เลย เหอะ ชะตาหงส์ คู่ชีวิตของผู้ที่มีชะตาราชา ก็มีแต่นังหนูคนนั้นที่เหมาะสม ถ้าอย่างนั้น คงจะต้องหาโอกาสเอาดวงชะตาของนังหนูนี่ไปให้หอเทียนจีเก๋อดูสักหน่อยแล้ว” หนานกงชางฉยงพึมพำกับตัวเอง
ณ หอเทียนจีเก๋อ หลงจิ่งหลินนั่งอยู่บนชั้นบนสุด สอบถามเรื่องราว
“ตาแก่ ช่วยทำนายดวงชะตานี้ให้ที” หลงจิ่งหลินยื่นเวลาตกฟากไปให้
“นี่เป็นช่วงเวลาตกฝากของผู้ใด เป็นชะตาชีวิตของราชา ฮ่าฮ่า ในที่สุดก็มาจนได้ เมื่อ 48 ปีที่แล้วมีชะตาหงส์ปรากฎ ในที่สุดชะตามังกรก็ได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว คู่สวรรค์สร้าง มังกรหงส์คู่เสริมมงคล”
“ตาแก่ ข้ามาถามชะตาชีวิตของคนคนนี้ ไม่ได้มาหาดวงคู่สมพงศ์” หลงจิ่งหลินฟังประโยคแรก แล้วมาฟังประโยคหลังก็อดที่จะหงุดหงิดไม่ได้
“ชะตาชีวิตของราชา เจ้าเข้าใจไหม เป็นราชาของทั้งแผ่นดิน แล้วก็ไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่หลบซ่อนแล้วด้วย แต่อยู่ในตำแหน่งที่ค่อยๆก้าวขึ้นมามีบทบาทในสงครามครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ นางจะเป็นแสงที่เจิดจรัสที่สุด เทพเจ้ามังกรเก้าสี ทำให้มังกรมีชื่อเสียงไปทั่วหล้า”
หลังจากหลงจิ่งหลินออกมาแล้ว ก็รู้สึกเหมือนตัวลอยๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อยากจะเชื่อเลย นี่คือเรื่องจริงใช่ไหมแต่สิ่งที่หอเทียนจีเก๋อบอก ไม่เคยผิดพลาดมาก่อน ถ้าอย่างนั้น นี่ก็คือเรื่องจริงสินะ หลานสาวของเขาจะมีชื่อเสียงไปทั่วหล้า เพียงแต่ว่า มังกรเก้าสีหมายความว่าอย่างไร
ณ สระมังกรโลหิตที่เผ่ามังกร เมื่อเอ๋าเลี่ยกลับมาก็ไล่อสูรน้อยของเผ่ามังกรออกจากสระทั้งหมด แล้ววางหลิวหลีลง เอ๋าเลี่ยทำสีหน้าบึ้งตึง จนไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าเข้าใกล้
เพียงแต่ว่า อสูรน้อยตัวนั้นมันคืออะไร เอ๋าเลี่ยมองดูมังกรตัวน้อยที่กำลังว่ายอย่างสนุกสนานอยู่ในสระ ก็ขมวดคิ้ว เขาไล่มังกรตัวน้อยออกไปหมดแล้วไม่ใช่หรอ มังกรน้อยตัวนี้มาจากไหน แถมยังมีหลายสีอีกด้วย
ตอนนั้นหลิวหลีให้เอ๋าเลี่ยพานางออกไปแล้วก็สลบไป ทนได้ขนาดนั้นถือว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว ปราณก่อนกำเนิดตัวน้อยจากเด็กอ้วนกลายเป็นมังกรตัวน้อย เมื่อเอ๋าเลี่ยวางหลิวหลีลงในสระมังกรโลหิต มังกรน้อยก็ออกมาเล่นอย่างเบิกบานใจ แล้วส่งพลังเซียนกลับให้กับหลิวหลีบ้างเป็นบางครั้ง เอ๋าเลี่ยเห็นมังกรตัวน้อยเดี๋ยวก็โผล่มา เดี๋ยวก็หายไป สีหน้าของหลิวหลีก็ดีขึ้นไม่น้อย มังกรน้อยตัวนี้ช่างน่าแปลกเสียจริง
ภายในร่างกายของหลิวหลี ได้เพลิงวิญญาณไม้ฟื้นฟูเส้นลมปราณที่ถูกทำลายไป หลังเพลิงอัคคีเผาไหม้แล้วสร้างขึ้นอีกครั้ง เส้นลมปราณของหลิวหลีก็มีความยืดหยุ่นมากขึ้น อีกทั้งหลิวหลีก็ได้พยายามใช้พลังที่มีบรรลุเข้าสู่ช่วงปราณก่อนกำเนิดระยะกลาง เมื่อมังกรน้อยเห็นว่าหลิวหลีดีขึ้นแล้วก็กลายร่างเป็นควันสีม่วงลอยเข้าร่างหลิวหลี กลายร่างเป็นหลิวหลีเวอร์ชั่นน่ารักเช่นเดิม
……………………………………….

แม่ครัวยอดเซียน

แม่ครัวยอดเซียน

นิยายโรแมนติก-ย้อนยุค-ฝึกเซียนที่นางเอกทำอาหารเก่งมาก อ่านไปหิวไปแน่นอน! นางย้อนเวลามาอยู่ในร่างของ ‘หลี่หลิวหลี’ ลูกนอกสมรสของตระกูลเศรษฐี และมีชะตาแห่งเซียน! หลังจากจากเข้าสู่วิถีแห่งการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน นางก็ได้หินเหล็กชิ้นหนึ่งมาโดยบังเอิญ จึงต้องตามรวบรวมเพลิงอัคคีทั้ง 9 เพื่อสร้างมิติของตนเอง แถมงูตัวสีแดงที่เก็บกลับมายังเป็นถึงสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อย่างมังกรโลหิต! เท่านั้นยังไม่พอ เด็กน้อยที่เก็บ(?)ได้ดันเป็นชายหนุ่มรูปงามอันดับหนึ่งแห่งโลกเซียน!! เส้นทางการเป็นเซียนของหลิวหลีช่างดูรุ่งโรจน์และราบรื่น ทว่า… นางใฝ่ฝันมาตั้งแต่ชาติที่แล้วว่าอยากเป็นแม่ครัว ดังนั้น นางจึงไม่แยแสว่าที่แห่งนี้คือโลกแห่งเซียน ฝึกตนแล้วอย่างไร? บำเพ็ญเพียรแล้วอย่างไร? เป็นเซียนแล้วเป็นแม่ครัวด้วยไม่ได้รึ? แม้จะต้องบำเพ็ญเพียรวิถีเซียน แต่วิถีแม่ครัวนางก็จะไม่ละทิ้งเด็ดขาด!

Options

not work with dark mode
Reset