ตอนที่ 109 ฆ่ากระต่าย
กระต่ายป่าที่ซุนต้าหูจับได้ เนื่องจากฤดูร้อน หญ้าป่ากับผลไม้ป่ายังถือว่าอุดสมสมบูรณ์อยู่พอสมควร มันจึงกินอาหารจนร่างกายของมันเต็มไปด้วยเนื้อ
เจียงป่าวชิงหยิบมีดคมออกมาจากในห้องครัว จากนั้นก็ทำการเชือดและถลกหนังมันอย่างคล่องแคล่วอยู่ในลานบ้าน
ฝูฉูที่อยู่ในลานบ้านข้าง ๆ บังเอิญเห็นฉากที่เจียงป่าวชิงเลือดเต็มมือเนื่องจากถือหนังกระต่ายที่เปื้อนไปด้วยเลือดเข้าพอดี นางแทบจะเป็นลมอยู่รอมร่อ
ไป๋จีเองก็เห็นเช่นกัน เขากลับเข้าไปในบ้านและบอกนายท่านของเขาเกี่ยวกับผลงานของเจียงป่าวชิงอย่างสนอกสนใจ ทว่ากงจี้ทำเพียงส่งเสียงหัวเราะ แต่กลับไม่สนใจไป๋จี
ทั้งหมดนี้เจียงป่าวชิงกลับไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย นางกำลังมองดูหนังกระต่ายที่ถลกหนังโดยฝีมือของตนเองด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม นางคิดว่ามันสมบูรณ์แบบมาก รูปลักษณ์ภายนอกก็ดูดีเช่นกัน
ซุนต้าหูเห็นมือที่เปื้อนไปด้วยเลือดของเจียงป่าวชิงแต่เขากลับไม่รู้สึกตกใจอะไร เขาทำเพียงเอ่ยถามเจียงป่าวชิงอย่างประหม่าอยู่ด้านข้าง “ป่าวชิง เจ้าไม่ได้แทงโดนตัวเองใช่ไหม ?”
เจียงหยุนชานช่วยไปตักน้ำมาให้ เจียงป่าวชิงล้างมือจนสะอาดแล้วก็ยื่นมือให้ซุนต้าหูดู “ไม่เจ้าค่ะพี่ต้าหู นี่เลือดกระต่ายทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ”
ซุนต้าหูโล่งใจ เขารีบพูดทันที “ดี… ดีแล้วนะ”
เจียงป่าวชิงจัดการกับกระต่ายอย่างคล่องแคล่ว นางสับมันเป็นชิ้น ๆ เพื่อเตรียมทำเนื้อกระต่ายผัดแห้งแบบง่าย ๆ ขณะนี้น้ำในเตาก็ต้มจนกลายเป็นน้ำร้อนแล้ว เจียงป่าวชิงจึงใส่เนื้อกระต่ายลงไปลวกในน้ำ นางตักฟองออกและตักเนื้อกระต่ายออกมาอีกครั้ง ในขณะที่กำลังจะเทน้ำในหม้อทิ้ง ซุนต้าหูที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาช่วย เขาเทน้ำร้อนออกพลางยิ้มให้นางไปด้วย
เจียงป่าวชิงทำให้หม้อร้อน จากนั้นนางก็หยิบไขมันหมูมาเช็ดหม้อและไฟอ่อน ๆ ก็เคี่ยวไขมันหมูจนกลายเป็นน้ำมันหมู
ตอนนี้เครื่องปรุงรสเป็นของหายากทั้งหมด เจียงป่าวชิงจึงทำได้เพียงใส่หัวหอมป่ากับขิงป่าลงไปในหม้อ และหลังจากที่ผัดจนหอมแล้ว นางก็ใส่เนื้อกระต่ายที่ลวกแล้วเรียบร้อยลงไป จากนั้นก็ผัดด้วยไฟแรง
ผ่านไปไม่นาน ภายในห้องครัวก็อบอวลไปด้วยกลิ่นหอมน่ากิน
เจ้าเสี่ยวหวงได้กลิ่นหอมจากด้านนอก มันจึงจะวิ่งไปในห้องครัวอย่างตื่นเต้น แต่ถูกซุนต้าหูฉวยไว้ได้ก่อน มันร้องหงิง ๆ สี่ขาของมันก็ตะเกียกตะกายอยู่ในอากาศราวกับว่ายน้ำอย่างไรอย่างนั้น
ซุนต้าหูตีก้นเสี่ยวหวง “อย่าเข้าไปก่อปัญหาให้เจ้านายของเจ้า รออีกประเดี๋ยว ไม่ขาดส่วนของเจ้าอย่างแน่นอน”
เสี่ยวหวงฟังรู้เรื่องที่ไหนกัน มันยังคงส่งเสียงร้องหงิง ๆ อยู่อย่างนั้น
เจ้าเสี่ยวป๋ายเองก็เตรียมพร้อมที่จะบุกเช่นกัน แต่เพราะมันขาหักจึงไม่คล่องแคล่วสักเท่าไหร่ และการเคลื่อนไหวของมันก็ยังถูกจำกัด ดังนั้น มันจึงทำได้เพียงส่งเสียงเห่าอย่างหงอยเหงาอยู่ในกรง
ไม่นานนัก เนื้อกระต่ายก็ออกจากหม้อ เนื่องจากภายในบ้านร้อนอบอ้าวอยู่เล็กน้อย เจียงป่าวชิงจึงถือเนื้อกระต่ายไปวางบนโต๊ะหิน กลิ่นหอม ๆ ลอยปะทะจมูกทันที
ด้านข้างเป็นแตงกว่าที่ตีละเอียดแล้ว เมื่อนำมาผสมกับน้ำส้มสายชู กระเทียม และน้ำ มันจึงมีความกรอบเล็กน้อย ทำให้คนอยากอาหารเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ใช่แค่ของคน เจ้าหมาสองตัวก็มีอาหารเป็นเนื้อกระต่ายเช่นกัน
สามคนกับสองหมากินอาหารกันอย่างมีความสุข
กงจี้ที่อยู่บ้านข้าง ๆ เห็นภาพเหตุการณ์นี้จากทางหน้าต่าง เขาก็แทบจะบีบถ้วยชาในมือจนแตกละเอียดอยู่รอมร่อ
เมื่อกินข้าวเที่ยงเสร็จ ซุนต้าหูก็กำลังจะกลับ เจียงป่าวชิงจึงให้หนังกระต่ายที่ล้างสะอาดแล้วกับซุนต้าหู “พี่ต้าหู พี่เอาไปให้ใครก็ได้แช่หนังให้แล้วทำถุงมือหนังกระต่ายสิเจ้าคะ ดีมากเลยนะ”
เดิมทีซุนต้าหูอยากจะปฏิเสธ แต่จู่ ๆ เขาก็นึกถึงท่าทางจริงจังตอนที่เจียงป่าวชิงตั้งใจถลกหนังกระต่ายได้ เขาจึงอดที่จะใจสั่นอย่างเสียไม่ได้ สุดท้าย เขากลับไปพร้อมกับหนังกระต่าย
ตอนที่ฝังเข็มให้กงจี้ในช่วงบ่าย ฝูฉูก็พูดกับเจียงป่าวชิงเกี่ยวกับเรื่องเมื่อเช้า “ต้องขอบคุณเพื่อนเจ้าคนนั้นจริง ๆ หากว่าไม่มีเขา เกรงว่าเราสองคนคงจะหลบยังไงก็หลบไม้พ้นอย่างแน่นอนเลย”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “พี่ต้าหูเป็นคนดี…” นางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นอีกครั้ง “พี่ฝูฉูเจ้าคะ แต่ข้ากลับคิดว่าดูจากรูปลักษณ์ของพี่แล้ว พี่ไปซื้อผักในหมู่บ้านครั้งหน้าก็ควรหาผู้คุ้มกันไปเป็นเพื่อนจะดีที่สุดนะ”
ฝูฉูแสดงสีหน้าขอบคุณ “แม่นางเจียง ครั้งนี้ข้าไม่ดีเองที่ทำให้เจ้าต้องมีส่วนเกี่ยวข้องไปด้วย” นางชะงักไปเล็กน้อย “แต่เจ้าไม่ต้องห่วง ต่อไปข้าจะไม่รบกวนเจ้าแล้วล่ะ เพราะท่านชายจะส่งคนไปเป็นเพื่อนข้าแล้ว”
เจียงป่าวชิงฟังคำพูดนี้ นางเพียงยิ้มเท่านั้น “เช่นนี้แหละถึงจะปลอดภัยที่สุด”
ไป๋จีอดกลั้นไม่ไหวอีกต่อไป เขาจึงกระแอมไอเล็กน้อย “อะแฮ่ม แม่นางเจียง เจ้าดูสิ เจ้าก็เป็น… เอ่อ… เด็กสาววัยแรกแย้มเช่นกัน ออกไปข้างนอกก็ไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่ แล้วเจ้าเคยพิจารณาปัญหาด้านความปลอดภัยของตัวเจ้าเองบ้างหรือเปล่า ?”
กงจี้เงยหน้าขึ้นมามองไป๋จีทันที
เจียงป่าวชิงที่ไม่รู้เรื่องอะไรกะพริบตาปริบ ๆ “ข้ารึ ? ปกติข้าออกไปข้างนอกคนเดียวก็ปลอดภัยดี”
เจียงป่าวชิงชะงักไป จากนั้นก็ชำเลืองมองกงจี้อย่างเงียบ ๆ และหันไปพูดกับไป๋จีอีกครั้ง “จะว่าไปแล้ว ปัญหาด้านความปลอดภัยที่ใหญ่ที่สุดที่ข้าเคยเจอมาจนถึงตอนนี้ก็คือเจ้านายกับลูกน้องอย่างพวกเจ้า… ถึงแม้ว่าเจ้าจะถูกเข็มเงินของข้าแทงจนล้ม แต่ดูข้าสิ ข้าถูกมีดสั้นของเจ้านายของเจ้าแทงทะลุไหล่เชียวนะ”
กงจี้มองท้องฟ้าโดยไม่พูดอะไร
ไป๋จีเองก็นึกถึงครั้งแรกที่เขาถูกความหวาดกลัวครอบงำเพราะเข็มเงินของเจียงป่าวชิงเช่นกัน
ฝูฉูอ้าปากเล็กน้อย นางยังไม่ทันได้พูดอะไร เจียงป่าวชิงก็เหมือนกับรู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ จึงพูดขึ้นก่อน “ตอนเช้าคนเยอะเกินไป เข็มเงินข้าไม่พอน่ะ”
ไป๋จีกระแอมไอเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ดึงหัวข้อสนทนากลับมาเรื่องเดิม “อันที่จริงข้าก็คิดว่าความสามารถของแม่นางเจียงล้ำเลิศอยู่แล้ว และไม่ต้องการการปกป้องจากคนอื่นเลยด้วยซ้ำ”
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วขึ้น “เพราะฉะนั้น ไป๋จี เจ้าอยากจะพูดอะไรกันแน่ ?”
กงจี้มองไป๋จีเล็กน้อย จากนั้นไป๋จีก็รีบก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก
“…” เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าเจ้านายกับลูกน้องคู่นี้แปลกไปเล็กน้อย
เมื่อฝังเข็มเสร็จ เจียงป่าวชิงก็ไม่พูดอะไรมากมาย นางยังคงวัดชีพจรและทิ้งยาไว้เช่นเดิม ทำเสร็จก็กลับบ้านตามปกติ
ฝูฉูออกไปส่งเจียงป่าวชิงแล้ว ภายในห้องจึงเหลือเพียงกงจี้กับไป๋จีสองคน
“ไป๋จี” กงจี้เรียกไป๋จีด้วยน้ำเสียงหนักหน่วง
เมื่อไป๋จีได้ยินน้ำเสียงเจ้านายของเขา เขาก็ตัวสั่นและรีบคุกเข่าข้างเดียวอย่างรวดเร็ว “นายท่านขอรับ ที่ข้าไม่ยอมฟังคำสั่งของท่าน เพราะว่าความปลอดภัยของนายท่านสูงกว่าทุกอย่าง และข้าจะไม่ยอมห่างจากนายท่านเด็ดขาด อีกอย่าง แม่นางเจียงมีความสามารถด้านการฝังเข็มติดตัวทั้งยังเก่งเรื่องการป้องกันตัว ก่อนหน้านี้ข้าเพียงแค่ถามเกี่ยวกับการจัดการของแม่นางเจียง…”
“พอเถอะ” กงจี้พูดขัดจังหวะไป๋จีอย่างหงุดหงิด คิ้วของเขาผูกกันเป็นปม ผ่านไปสักครู่เขาถึงจะพูดขึ้นอีกว่า “เจ้าไปหยิบกระดาษกับพู่กันมา”
กงจี้ขยับพู่กันเพื่อสาดหมึกลงไปบนกระดาษ ไม่นาน เขาก็วาดสิ่งหนึ่งออกมา
ไป๋จีขยับเข้ามาดูใกล้ ๆ จากนั้นเขาก็งงเป็นไก่ตาแตก “นี่คือ ?”
รูปร่างของของสิ่งนี้คล้ายกับสายรัดข้อมือ แต่ถ้าบอกว่าสายรัดข้อมือก็ดูเหมือนจะซับซ้อนเกินไปหน่อย
“ภาพเข็มเงินที่เจ้าเด็กเจียงป่าวชิงวาดเมื่อครั้งที่แล้วยังอยู่หรือไม่ ?” กงจี้หรี่ตาและเอนตัวพิงหมอนขนาดใหญ่พร้อมกับสั่งไปด้วย “ไปตีเข็มเงินมาอีกคู่ จากนั้นก็ทำตามรูปที่ข้าวาดในวันนี้ ส่วนวัตถุดิบก็ทำตามที่ข้าเขียนระบุไว้”
ไป๋จีใจกระตุก เขาพอจะเข้าใจคร่าว ๆ แล้วว่านายท่านของเขาคิดจะทำอะไร เขาต้องการสร้างเข็มเงินเพื่อให้เจียงป่าวชิงได้ใช้ในการป้องกันตัว
ไป๋จีแทบจะคุกเข่าให้นายท่านของเขาอยู่แล้ว เขาประคองภาพวาดที่คราบหมึกยังไม่แห้งดีอย่างระมัดระวัง และถามกงจี้อีกครั้ง “นายท่าน ถ้าอย่างนั้นข้า…”
กงจี้ยังคงหรี่ตา จากนั้นเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีธุระของเจ้าแล้ว ไปเถอะ”
ไป๋จีเข้าใจความหมายของกงจี้ทันที เขาแทบจะกระโดดอย่างดีอกดีใจ
.