เจียงป่าวชิงไปที่หลังบ้านกับเกิ่งจื่อเจียง
ร้านยาของเกิ่งจื่อเจียงเป็นทรัพย์สินที่บรรพบุรุษถ่ายทอดไว้ให้เขา ด้านหน้าเป็นร้านค้า มีบ้านอยู่ด้านหลัง บริเวณหลังบ้านมีลานบ้านเล็ก ๆ ซึ่งในลานบ้านมีห้องอยู่สองสามห้อง
ยังไม่ทันเดินเข้าใกล้ห้องก็ได้ยินเสียงทุบตีดังมาจากในห้องอย่างราง ๆ เสียก่อน อีกทั้งยังมีเสียงร้องของผู้หญิงด้วย “เกิ่งจื่อเจียง เกิ่งจื่อเจียงเจ้าไปไหน ?!”
สีหน้าของเกิ่งจื่อเจียงเปลี่ยนไปทันที
“เฮ้อ… ตัดสินคนจากภายนอกไม่ได้จริง ๆ” เจียงป่าวชิงอดไม่ได้ที่จะอุทาน “ข้าไม่คิดว่าเห็นหมอเกิ่งยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ กลับสามารถทำเรื่องอย่างเช่นการแอบมีอีหนูที่เลี้ยงดูไว้อย่างดีแบบนี้ได้ด้วยสีหน้าซื่อสัตย์เช่นนี้ด้วย ข้าล่ะนับถือหมอเกิ่งจริง ๆ นะ”
เกิ่งจื่อเจียงแสดงสีหน้ากลุ้มใจออกมาให้เห็น จากนั้นเขาก็ถอนหายใจยาว ๆ “ประเดี๋ยวเห็นเจ้าก็รู้เองแหละ”
อันที่จริงเจียงป่าวชิงได้ยินอะไรบางอย่างจากเสียงนี้แล้ว แต่เนื่องจากอยู่ห่างไกลไปหน่อย นางจึงได้ยินเสียงไม่ค่อยชัดและระงับความสงสัยนั้นลง
เมื่อเดินกันมาถึงหน้าประตูก็ได้ยินเสียงชัดขึ้น เจียงป่าวชิงแทบจะมั่นใจการคาดเดาที่อยู่ในใจของตัวเองทันที
เกิ่งจื่อเจียงเปิดประตูห้องด้วยสีหน้าฮึกเหิม
ทันทีที่ประตูเปิดออก ก็มีความเงียบเกิดขึ้น ผ่านไปสักครู่ก็เห็นคนพุ่งออกมาจากในห้อง “เกิ่งจื่อเจียงเจ้าไปไหนมา ? ข้าหิวน้ำจะตายอยู่แล้ว! ไปต้มน้ำให้ข้าเร็ว ๆ เลย”
ปลายเสียงหยุดลงทันทีที่คนที่พุ่งออกมาเห็นว่ายังมีคนอีกคนอยู่ตรงข้างหลังเกิ่งจื่อเจียง และกำลังยืนทำหน้าสงสัยอยู่
เจียงป่าวชิงมองคนที่นางคาดเดาไว้ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
หญิงคนนั้นดึงแขนเกิ่งจื่อเจียงด้วยท่าทางอ่อนช้อยน่ารัก จากนั้นนางก็มองเจียงป่าวชิงอย่างตื่นตัวและเอ่ยถามเกิ่งจื่อเจียงด้วยความสงสัยว่า “นางเป็นใคร เหตุใดเจ้าถึงพาคนนอกเข้ามา ? เจ้าอยากทำร้ายข้าให้ตายใช่ไหมเกิ่งจื่อเจียง ?”
เจียงป่าวชิงถอนหายใจยาว ๆ “เฮ้อออคุณหนูฉือ เจ้าโปรดช่วยแยกแยะสถานการณ์ปัจจุบันด้วย หมอเกิ่งต้องการทำร้ายเจ้าที่ไหนกันเล่า เจ้าต่างหากที่จะทำร้ายข้าจนจะตาย”
ตั้งแต่ตอนที่เจียงป่าวชิงที่ความจำดีมากได้ยินเสียงนั้น นางก็เกิดความสงสัยขึ้นเล็กน้อย และก็เป็นอย่างที่คิดไว้จริง ๆ นางกับผู้หญิงคนนั้นมีวาสนาเคยเจอกันจริง ๆ ด้วย นางคนนั้นก็คือลูกสาวของขุนนางอำเภอฉือหรือว่าฉือเชียนเชียนอย่างไรเล่า
แต่นางกลับแตกต่างจากรูปลักษณ์ก่อนหน้านี้ที่บนศีรษะเต็มไปด้วยเครื่องประดับราวกับท้องพระคลังเคลื่อนที่โดยสิ้นเชิง ตอนนี้ฉือเชียนเชียนอยู่ในชุดผ้าหยาบ ไม่มีเครื่องประดับใดติดอยู่บนศีรษะ ถ้าหากว่าเจียงป่าวชิงความจำไม่ดี นางก็คงเกือบจะจำฉือเชียนเชียนไม่ได้แล้ว
แม่นางฉือเชียนเชียนคนนี้เป็นคนที่เข้ากับคนยาก ก่อนหน้านี้เจียงป่าวชิงเคยเจอนางบนถนน นางอาศัยการที่พ่อของตัวเองเป็นขุนนางอำเภอ จึงต้องการให้เจียงป่าวชิงถอดชุดกระโปรงตัวสวยตัวนั้นบนถนนทั้งอย่างนั้น สุดท้าย เจียงป่าวชิงจึงจ่ายใบสั่งยารักษาประจำเดือนมาไม่ปกติให้นาง นางถึงจะเปิดเผยเรื่องนี้
เกิ่งจื่อเจียงดึงแขนของตัวเองออกมาจากในมือฉือเชียนเชียนอย่างเก้อเขิน จากนั้นเขาก็เผยสีหน้าผะอืดผะอมออกมาให้เห็น “คุณหนูฉือ นี่คือแม่นางเจียง นางคือผู้ที่ร่วมทำการค้าร่วมกันกับข้า การที่ข้าเก็บเจ้ามาเลี้ยงมันเป็นการทำให้การค้าของนางตกอยู่ในความเสี่ยง ดังนั้นต้องให้นางรู้เรื่องนี้ด้วย”
“คนที่ไม่รู้ที่มาที่ไปเช่นนี้ ถ้าหากว่านางลอบไปรายงานฝ่ายราชการจะทำอย่างไรล่ะ ?” ฉือเชียนเชียนพูดขึ้นดวยน้ำเสียงเฉียบแหลม “เกิ่งจื่อเจียง หรือว่าเจ้าไม่ชอบที่จะให้ข้าตายช้า ?”
เกิ่งจื่อเจียงหน้าเจื่อน “แม่นางฉือ เจ้าเคยเห็นแม่นางเจียงคนนี้แล้วนะ ใบสั่งยาของเจ้าก่อนหน้านี้ก็ถูกจ่ายโดยแม่นางเจียง เจ้าลืมไปแล้วหรืออย่างไร ?”
ฉือเชียนเชียนมองเจียงป่าวชิงอย่างไม่เป็นมิตร นางเพียงแค่รู้สึกคุ้นหน้าเจียงป่าวชิง ทว่านางลืมไปแล้วว่าเจียงป่าวชิงคือใคร
เมื่อเกิ่งจื่อเจียงพูดถึงเรื่องใบสั่งยา ฉือเชียนเชียนก็นึกได้ในที่สุด จากนั้นนางก็พูดขึ้นอย่างเข้าใจ “อ้อ เจ้าเองรึ ?” ความตื่นตัวบนใบหน้าลดลงไปไม่น้อย แต่นางยังคงมองเจียงป่าวชิงอย่างไม่เป็นมิตร “แล้วเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ? พวกเจ้ารู้จักกันอย่างนั้นรึ ? สนิทกันรึ ?”
เจียงป่าวชิงไม่สนใจการซักถามที่ยาวเหยียดของฉือเชียนเชียน นางเลือกที่จะหันไปมองเกิ่งจื่อเจียงแทน “ข้านั้นรู้สึกว่าด้วยทัศนคติที่มีความรับผิดชอบต่อความร่วมมือของเรา หมอเกิ่ง อย่างน้อยเจ้าก็ควรอธิบายให้ข้ารู้หน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เกิ่งจื่อเจียงเกาศีรษะ “เอ่อ… คือว่า คืนก่อนหน้านี้ข้าได้ยินคนเคาะประตู พอเปิดออกไปดูก็เห็นคุณหนูฉืออยู่ด้านนอก นางร้องไห้อ้อนวอนให้ข้าเก็บนางมาเลี้ยง ข้าไม่มีทางเลือกอื่นจึงทำได้เพียงเก็บนางมาเลี้ยงทั้งอย่างนี้”
เจียงป่าวชิงรู้สึกเจ็บกะโหลกศีรษะเล็กน้อยจึงใช้มือกดขมับเอาไว้ “หมอเกิ่ง สมองของเจ้าทำให้ข้าไม่รู้ว่าควรพูดอะไรจริง ๆ… ความใจดีคือข้อดีของเจ้า แต่ก็ไม่สามารถใจดีได้โดยปราศจากหลักการและขอบเขตเช่นนี้ พ่อของคุณหนูฉือคนนี้กระทำความผิด ก็คงจะถูกจับกุมทั้งครอบครัว การที่เจ้ารับนางมาเลี้ยงก็เท่ากับว่าเจ้าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดที่ให้ที่พักพิงกับผู้กระทำผิดกฎหมายเลยนะ!”
เกิ่งจื่อเจียงยังไม่ได้ตอบอะไร ฉือเชียนเชียนก็หวีดร้องและกลับเข้าไปในห้อง จากนั้นนางก็ถือแจกันดอกไม้ เงื้อขึ้นมาตรงบริเวณหน้าอกเพื่อใช้เป็นอาวุธ และมองเจียงป่าวชิงอย่างตื่นตัวเต็มที่ “เจ้าคิดจะทรยศข้าจริง ๆ ด้วย!”
เจียงป่าวชิงมองฉือเชียนเชียนด้วยสายตาดูแคลน “นี่คุณหนูฉือช่วยเข้าใจอะไรง่าย ๆ หน่อยได้หรือไม่ ? คำว่าทรยศหมายถึงการทรยศเพื่อผลกำไร ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกับเจ้าเลย แล้วจะเรียกว่าทรยศได้อย่างไรกัน ?”
ทว่าเวลาแบบนี้ฉือเชียนเชียนจะมีอารมณ์มาคิดพิจารณาความหมายของเจียงป่าวชิงที่ไหน นางมองเกิ่งจื่อเจียงอย่างแค้นใจด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “เกิ่งจื่อเจียง เจ้ายืนมองข้าถูกทรยศได้โดยที่เจ้าไม่ทำอะไรเลยหรือ ? เหตุใดเจ้าถึงทำกับข้าเช่นนี้ ?”
“อ้อ…” เจียงป่าวชิงลากเสียงยาวอย่างมีความหมาย จากนั้นก็มองไปที่เกิ่งจื่อเจียง
เกิ่งจื่อเจียงหน้าแดงทันที จากนั้นเขาก็โบกมือไปมา “ไม่ใช่นะ ข้าไม่ได้… เจ้าอย่าคิดเหลวไหล” จากนั้นเขาก็มองฉือเชียนเชียนด้วยใบหน้ากลุ้มใจ “แม่นางฉือ เจ้าอย่าพูดอย่างมีเลศนัยแบบนั้น ระหว่างข้ากับเจ้าเป็นความสัมพันธ์ของคนเป็นหมอจ่ายยาให้ผู้ป่วยก็เท่านั้น”
“ข้าไม่สน!” ฉือเชียนเชียนหวีดร้องเสียงแหลม “เจ้าช่วยข้าแล้วก็ต้องรับผิดชอบข้าสิ ถ้าหากข้าถูกจับตัวกลับไป พวกเขาจะต้องฆ่าข้าอย่างแน่นอน บอกว่าความผิดไม่รวมลูก ๆ พ่อของข้าทุจริตติดสินบน ยึดทรัพย์สินเข้าหลวงก็ว่าแย่แล้ว มีสิทธิ์อะไรมาจับตัวคนในครอบครัวที่เป็นผู้หญิงอย่างพวกเราด้วย ? …กว่าข้าจะหนีออกมาได้ก็ยากลำบากมาก เกิ่งจื่อเจียงเจ้าอย่าส่งตัวข้าออกไปนะ ไม่อย่างนั้น มันจะเป็นการฆ่าข้าให้ตาย!”
เกิ่งจื่อเจียงมองเจียงป่าวชิงอย่างลังเล “…”
ไม่คิดว่าจะรู้จักอ้างหลักศีลธรรมมาบังคับให้คนคนหนึ่งทำ ตามที่ตนเองเห็นว่าดีเป็นด้วย
เจียงป่าวชิงถอนหายใจ “หมอเกิ่ง สมองของเจ้าทำจากก้อนหินงั้นหรือ ? ถ้าหากว่าขุนนางอำเภอฉือทำเพียงแค่ทุจริตติดสินบนจริง ๆ เหตุใดต้องจับตัวทั้งครอบครัวด้วย ? การที่พวกเขาค้นบ้าน ยึดทรัพย์ และจับตัวคนในครอบครัวเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำความผิดร้ายแรง เจ้าอย่ามาทำเป็นคนไม่เข้าใจสถานการณ์สิ”
สีหน้าของเกิ่งจื่อเจียงเปลี่ยนไปทันที เขาไม่นึกถึงเรื่องนี้เลยจริง ๆ
เจียงป่าวชิงอยู่ข้างกายกงจี้มาเป็นเวลานาน นางจึงรู้เรื่องเบื้องหลังมาบ้าง สิ่งที่ซุนจงอี้คนนั้นกระทำผิดไม่ใช่แค่ทุจริตติดสินบนอย่างเดียว การค้าสามล้านตำลึงที่เขาต้องการทำร่วมกับกงจี้เมื่อครั้งก่อนนั้น เกี่ยวข้องกับการลักลอบขนอาวุธ
การลักลอบขนอาวุธในสังคมศักดินาหมายถึงอะไร ? …โดยทั่วไปล้วนหมายถึงการก่อกบฏและการทรยศ ดังนั้น เรื่องของขุนนางอำเภอฉือจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะจับเขาเพียงคนเดียว ค้นบ้าน และยึดทรัพย์สินเข้าหลวงแล้วจะจบสิ้น
ฉือเชียนเชียนจ้องเจียงป่าวชิงเขม็ง “ได้ ต่อให้พ่อของข้าจะกระทำความผิดร้ายแรง แต่ข้าทำผิดอะไรเล่า ? อย่างมากก็แค่อาศัยอำนาจของพ่อข้าในการใช้อำนาจบาตรใหญ่นิดหน่อยก็เท่านั้น ข้าทำอะไรผิด ห๊ะ!”
เจียงป่าวชิงเอ่ยเสียงเรียบ “คุณหนูฉือหนอคุณหนูฉือ ตอนที่เจ้าเสพสุขกับเอกสิทธิ์ที่เจ้ามี เจ้าก็ควรแบกรับผลที่จะตามมาของสิทธิพิเศษพวกนั้นให้ได้ด้วย มีอย่างที่ไหน พอเสพสุขเสร็จแล้ว ตอนที่ต้องแบกรับผลที่ตามมา เจ้ากลับทำให้มือตัวเองดูสะอาดไร้มลทิน บนโลกนี้มันมีเรื่องดี ๆ แบบนี้ที่ไหนกันล่ะ ?”
.