เจียงป่าวชิงเดินอยู่บนท้องถนน จากนั้นก็มีขอทานที่ผมเผ้ารุงรังสกปรกพันกันเป็นปมวิ่งโซซัดโซเซมาทางนาง ขอทานคนนั้นกำซาลาเปาไว้ในมือขณะวิ่งอย่างสุดชีวิต ส่วนด้านหลังก็มีพ่อค้าวิ่งตามพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ไอ้ขอทานตัวเหม็น เจ้ากล้าขโมยของเรอะ ?!”
ขอทานคนนั้นสะดุดพื้นหินที่งอขึ้นและล้มลงไปบนพื้นอย่างแรง ซาลาเปาในมือเขาก็กลิ้งไปอยู่ด้านข้าง
ณ ตอนนี้ พ่อค้าวิ่งตามมาทันแล้ว เมื่อมาถึงเขาก็เตะขอทานคนนั้นอย่างโหดเหี้ยม “มีมือมีเท้าแต่ไม่ไปทำงานหาเงิน หัดขโมยของตามคนอื่น ถุย! หรือว่าเจ้ายังคิดว่าตัวเองเป็นคุณชายใหญ่เหมือนเมื่อก่อนอยู่อีก ?”
ขอทานส่งเสียงร้อง เขาพูดไม่ออก ทำได้เพียงกอดศีรษะขดตัวอยู่บนพื้นและปล่อยให้พ่อค้าคนนั้นเตะอยู่อย่างนั้น
พ่อค้าเตะอย่างรุนแรงอีกสักพักถึงจะรู้สึกว่าได้ระบายอารมณ์โกรธออกไปบ้าง จากนั้นเขาก็ถ่มน้ำลายลงพื้น “เจ้าขอทาน ต่อไปหากว่าเจ้าไปขโมยซาลาเปาที่ร้านข้าอีก ข้าจะต่อยเจ้าทุกครั้งที่เห็นเลยเชียว!”
จากนั้น พ่อค้าก็กลับไปด้วยอารมณ์โกรธที่ยังคงคุกรุ่น ในตอนนี้เองขอทานถึงจะขยับตัว จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปคว้าซาลาเปาที่กลิ้งตกอยู่ด้านข้างด้วยความยากลำบาก
เจียงป่าวชิงมองดูอย่างเงียบ ๆ อยู่ด้านข้าง นางจำได้แล้ว คนผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน เขาคือหานอิงฉีที่อาศัยบารมีของขุนนางอำเภอฉือเพื่อข่มเหงชาวบ้านอยู่ที่ในอำเภอคนนั้นอย่างไรเล่า
ดูเหมือนว่าหานอิงฉีที่เป็นน้องชายของเมียน้อยขุนนางอำเภอฉือจะไม่ถูกจับกุม
จะว่าไปแล้วก็เหมือนเป็นการดูถูกอยู่เหมือนกัน ขุนนางอำเภอฉือไปเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของซุนจงอี้ ซึ่งเขาก็ได้พาหานอิงฉีไปด้วย แต่เขากลับไม่พาลูกสาวของตัวเองไปเข้าร่วมงาน ตอนนี้เมื่อเขากระทำความผิดแล้วถูกจับกุม ลูกสาวของเขาก็หวาดผวาตลอดทั้งวัน และต้องหลบอยู่ในบ้านของคนอื่นราวกับหนูที่ไม่มีทางเห็นแสงสว่างอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าหานอิงฉีที่ขุนนางอำเภอฉือมักจะพาเขาไปทั่วทุกที่กลับสามารถปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนได้อย่างสง่าผ่าเผย
ถึงแม้ว่าจะมีชีวิตอย่างจิตตก แต่ที่พ่อค้าเมื่อสักครู่ด่าก็ถูกแล้ว หานอิงฉีคนนี้มีมือมีเท้า และยังอยู่ในช่วงยังหนุ่มยังแน่น แต่เขากลับทำตัวเช่นนี้ ก็สมน้ำหน้าเขาแล้วล่ะ ถึงแม้ว่าเขาจะดูเหมือนจิตตกเป็นอย่างมาก แต่ก็ทำให้คนรู้สึก…
รู้สึกได้ระบายความโกรธจริง ๆ
ถึงแม้ว่าเจียงป่าวชิงจะเป็นหมอ แต่นางกลับไม่ใช่คนที่มีนิสัยเศร้าโศกทำนองนั้น นางเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่พระโพธิสัตว์ เขาคนนี้ที่เคยรังแกพี่ชายของนางหลายครั้งหลายคราอย่างหานอิงฉี ถึงแม้ว่านางจะแก้แค้นเขากลับไปเล็กน้อยแล้ว แต่ปัจจุบันเมื่อนางมาเห็นหานอิงฉีตกอับได้ถึงขั้นนี้ ก็ทำให้รู้สึกสบายใจอยู่พอสมควร
อย่างไรก็ตาม การที่เจียงป่าวชิงไม่ซ้ำเติมเขานั้นเป็นเพราะนางมีขอบเขต แต่สิ่งนี้ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำให้นางปรบมือแสดงความดีอกดีใจในใจแม้แต่น้อย
เจียงป่าวชิงเดินผ่านหานอิงฉีที่นอนคว่ำและกินซาลาเปาที่ดูสกปรกอยู่บนพื้นโดยที่ไม่ชำเลืองมองเขา นางไม่ได้หันกลับมาและไม่ได้แสดงความรู้สึกใด ๆ ผ่านทางสายตาอีก
……
ซุนต้าตงออกมาจากในเมืองด้วยท่าทางลิงโลด มีป๋ายรุ่ยฮัวเดินตามอยู่ด้านหลังเขาและนางถึงกับต้องวิ่งบ้างเป็นบ้างครั้ง
แม้ว่าจะยังพูดไม่ได้ว่ามีเด็กอยู่ในท้องของป๋ายรุ่ยฮัวจริงหรือเปล่า แต่สิ่งนี้กลับไม่ได้เป็นอุปสรรคกับอารมณ์ของนาง เมื่อซุนต้าตงเห็นซุนต้าหูที่กำลังนั่งยอง ๆ เพื่อรอใครบางคนอยู่ข้างทาง นัยน์ตาของเขาก็เป็นประกายทันที จากนั้นเขาก็ออกแรงโบกมือไปมา “พี่หู พี่หู!”
ซุนต้าหูลุกขึ้น แม้ว่าเขาจะมีความสงสัยอยู่บ้างว่าเหตุใดจู่ ๆ ซุนต้าตงถึงได้กระตือรือร้นขนาดนี้ แต่เขาก็ยังถามออกไปอยู่ดี “ต้าตง เจ้ามีอะไรรึ ?”
ซุนต้าตงวิ่งมาทางนี้ด้วยท่าทางลิงโลด เขามองซ้ายมองขวาเล็กน้อย เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ มีเพียงล่อที่ผูกกับต้นไม้เท่านั้น เขาถึงจะพูดกับซุนต้าหูด้วยท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ “พี่หู วันนี้ข้ากับรุ่ยฮัวไปหาหมอมา พี่ลองเดาสิว่าข้าเห็นอะไรที่ร้านยา”
ซุนต้าหูไม่รู้จึงถามไปอย่างซื่อตรง “เห็นอะไร ยารึ ?”
ซุนต้าตงถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายในความซื่อของพี่ชาย แต่จากนั้นเขาก็พูดเสียงเบาด้วยใบหน้าลึกลับ “ไม่ ข้าเห็นเจียงป่าวชิง!”
ซุนต้าหูได้ยิน เขาก็รู้สึกร้อนใจเล็กน้อย ซึ่งเมื่อซุนต้าตงเห็นซุนต้าหูมีความร้อนใจ เขาก็มีความสุขในใจ ทันใดนั้น ซุนต้าหูก็ถามอย่างเป็นกังวล “อ้าว เจียงป่าวชิงนางป่วยเป็นโรคอะไรรึ ?”
ซุนต้าตงโมโหจนแทบจะหงายหลังอยู่รอมร่อ เขาพูดขึ้นอย่างไม่พอใจว่า “พี่หู! เหตุใดพี่ถึงได้ซื่อบื้อขนาดนี้ ? ข้ากับรุ่ยฮัวเห็นหมอคนนั้น ก็คนที่รุ่ยฮัวเคยบอกว่าเขามีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดากับเจียงป่าวชิงอย่างไรเล่า คนนั้นน่ะ เขาชื่อว่าอะไรนะ ?”
ซุนต้าตงลืมชื่อเกิ่งจื่อเจียงไปชั่วขณะ เขาจึงหันกลับไปถามป๋ายรุ่ยฮัวที่เพิ่งตามมาถึง
ป๋ายรุ่ยฮัวก้มหน้าก้มตารับคำ “หมอเกิ่งจื่อเจียง…”
ซุนต้าหูตกตะลึงไปทันที
ซุนต้าตงตบขาดังฉาด “ใช่ หมอเกิ่งคนนั้นแหละ! ไอ้โยพี่หู! พี่ไม่เห็นเจียงป่าวชิง ปกติแล้วเมื่อนางเห็นหน้าข้า นางก็จะแสดงสีหน้าเหมือนน้ำค้างแข็งในฤดูหนาว แต่พอนางปฏิบัติกับหมอเกิ่งคนนั้น นางกลับยิ้มหน้าบานราวกับดอกไม้ ข้าว่าพวกเขาจะต้องลักลอบได้เสียกันอย่างแน่นอน”
ซุนต้าหูว้าวุ่นใจ เขาพูดโต้แย้งอย่างไม่ทันรู้ตัว “ป่าวชิงก็ดีกับข้ามากเช่นกัน”
ซุนต้าตงจุ๊ปากสองที “พี่หูยังไม่เชื่ออีก ในตอนหลัง เดิมทีข้ากับรุ่ยฮัวยังอยากจะรอดูว่าระหว่างพวกเขาสองคนนั้นมีอะไรกันหรือเปล่า เพราะถึงอย่างไรพี่ก็เป็นพี่ชายของข้า และข้าจะต้องเอาใจใส่เรื่องพี่ชายของตัวเอง แต่พี่ลองเดาดูสิว่าพวกข้าสองคนเห็นอะไร ?”
ณ ตอนนี้ซุนต้าหูหน้าซีดเล็กน้อยแล้ว จากนั้นเขาก็พยายามเผยรอยยิ้มฝืน ๆ ออกมาให้เห็นก่อนจะเอ่ยถาม “เห็นอะไรรึ ?”
ซุนต้าตงเหมือนกำลังจะประกาศบางสิ่งที่สำคัญอย่างที่สุดออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พวกข้าเห็นหมอเกิ่งคนนั้นมองไปรอบ ๆ พอเขาเห็นว่าบริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน เขาก็ปิดประตูร้านยา อื้อหือ! หน้านี้ดูแล้วลามกมาก อ้อ และเจียงป่าวชิงนางก็ยังอยู่ข้างในด้วย พี่ยังต้องให้ข้าบอกอีกหรือว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ?”
ซุนต้าหูพูดขึ้นอย่างฝืน ๆ “ไม่ ข้าว่าเจ้าต้องดูผิดไปแน่ ๆ”
ซุนต้าตงเห็นพี่ชายไม่ยอมเชื่อจึงหันไปถามป๋ายรุ่ยฮัว “รุ่ยฮัว เจ้าบอกพี่หูสิว่าเจ้าก็เห็นเหมือนกันกับข้า”
ป๋ายรุ่ยฮัวพยักหน้าอย่างอ่อนโยนภายใต้สายตาขอคำตอบของซุนต้าหู “ต้าหู ที่น้องชายเจ้าพูดเป็นเรื่องจริงนะ”
ซุนต้าหูเหมือนยากที่จะรับน้ำหนักตัวไว้ได้ไหว เขาก้าวถอยหลัง ทว่าจู่ ๆ เขาก็นึกอะไรได้ จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที “ไม่ใช่ ไม่แน่ป่าวชิงอาจจะถูกบังคับก็ได้! ถ้า… ถ้าหากว่า…”
ซุนต้าตงทนคุยกับซุนต้าหูไม่ได้อีกต่อไป “โอ๊ยพี่หู! พี่โง่เรอะ ?! ถึงขนาดนี้แล้วยังจะสมมุติอยู่อีก เห็นได้ชัดว่าเจียงป่าวชิงมีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมกับหมอเกิ่งคนนั้น รุ่ยฮัวก็เคยบอกแล้วว่านางเห็นเจียงป่าวชิงไปหาหมอเกิ่งที่ร้านยาหลายครั้งแล้ว”
ซุนต้าหูหน้าซีดเผือด
ลูกตาของซุนต้าตงหมุนไปรอบ ๆ จากนั้นเขาก็ตีแขนซุนต้าหู “พี่หู จากที่ข้าดูแล้ว ไอ้เจ้าเด็กเจียงป่าวชิงคนนั้นนางรู้จักพี่มาตั้งแต่นางยังเล็ก และไม่ใช่ว่านางจะไม่มีมิตรภาพให้พี่เลย… หลัก ๆ เลยนะพี่ พี่จนเกินไป เทียบไม่ได้กับหมอในอำเภออย่างเขาเลยด้วยซ้ำ”
ซุนต้าหูว้าวุ่นใจ เขาส่ายหน้าอย่างไม่รู้ตัว “ไม่ใช่… ไม่… ป่าวชิงไม่ใช่คนเช่นนั้น”
ซุนต้าตงยอมแพ้พี่ชายที่หัวแข็งของเขาจริง ๆ เขาจึงสะบัดแขนซุนต้าหูออกอย่างโหดเหี้ยมแล้วตะคอกขึ้นมาเสียงดัง “ไม่ใช่คนเช่นนั้น! เหอะ! ทุกอย่างอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ พี่ยังหยิบยกสิ่งนี้มาเป็นข้ออ้างอีก ความจริงก็คือไม่มีหญิงนางใดไม่เต็มใจแต่งงานกับคนร่ำรวย ไม่อย่างนั้น เหตุใดเจียงป่าวชิงถึงเลือกหมอเกิ่งในเมืองคนนั้นเล่า ? ไม่ใช่เพราะว่าพี่จนหรอกรึ ? ห๊ะ พี่หู!”
ซุนต้าหูรู้สึกว่าเหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบแรง ๆ ที่ทรวงอกของเขา ทำให้เขาพูดไม่ออกไปชั่วขณะ
เมื่อซุนต้าตงเห็นซุนต้าหูตกอยู่ในภวังค์ เขาจึงถือโอกาสพูดขึ้นมา “ประจวบเหมาะพอดีไม่ใช่หรืออย่างไร ? ก่อนหน้านี้ข้าเคยบอกพี่ว่าข้ามีช่องทางทำเงินอยู่บนมือพอดี นั่นเป็นสิ่งที่เพื่อนข้าคนนั้นให้ข้ามา เราสองคนมาร่ำรวยด้วยกันเถอะพี่”
.