บ้านของไอ้หน้าลายชูอยู่ที่ซานหลี่โว เขาค่อนข้างเป็นที่รู้จักของชาวบ้านในหมู่บ้านอยู่พอสมควร
เมียของไอ้หน้าลายชูคลอดลูกสาวเจ็ดคนให้เขา ชาวบ้านต่างเรียกกันว่านางฟ้าเจ็ดองค์ของบ้านไอ้หน้าลาย
ตลอดหลายปีมานี้ ไม่ว่าไอ้หน้าลายชู เมียของเขา หรือแม้กระทั่งแม่ของเขา ไม่ว่าใครหน้าไหนเมื่อออกจากบ้านก็มักจะถูกคนในหมู่บ้านหัวเราะเยาะและมักมีคำพูดเหน็บแนมดังไล่หลังอยู่เสมอ “ไอ้โย! นางฟ้าเจ็ดองค์ลงมาเกิดที่บ้านเจ้า บ้านเจ้าช่างมีบุญวาสนามากเสียจริงนะ”
นอกจากนี้ยังมีคนซุบซิบนินทาทั้งอย่างโจ่งแจ้งและลับ ๆ โดยบอกว่าไม่รู้ว่าชาติที่แล้วตระกูลชูไปทำเวรทำกรรมอะไรไว้ ชาตินี้สวรรค์ถึงได้ลงโทษบ้านพวกเขาโดยการทำให้เมียของไอ้หน้าลายชูไม่สามารถให้กำเนิดลูกชายได้แบบนั้น
ทุกครั้งที่ไอ้หน้าลายชูออกจากบ้าน เขามักจะก้มหน้าก้มตาไม่อยากมองหน้าใครอยู่เสมอ ในตอนหลัง นอกจากไปดูแลที่ดินสองไร่ที่อยู่นอกหมู่บ้านแล้ว เขาก็แทบจะไม่ออกจากบ้านเลย จวบจนกลับมาถึงบ้าน เขากับแม่ของเขาก็จะก่นด่าและทุบตีเมียกับพวกลูกสาวเพื่อระบายอารมณ์โกรธเคืองในโชคชะชาชีวิตอันบัดซบน่าเศร้าใจ
แต่ชีวิตที่ไม่ง่ายที่สุด เห็นทีจะเป็นชีวิตของลูกสาวทั้งเจ็ดคนของเขานั่นแหละ
คนที่อายุมากที่สุดอายุเพียงแค่สิบสองขวบ ส่วนอายุน้อยที่สุดก็เพิ่งจะสองขวบกว่า เนื่องจากไม่ได้กินอาหารดี ๆ ร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์ ลูกสาวของเขาแต่ละคนจึงหน้าตาเหลืองซูบเนื้อตัวผอมกะหร่องอย่างที่เห็น ลูกสาวคนที่อายุสองขวบกว่าดูน่าเวทนาเป็นพิเศษ ขาของนางเล็กจนใครต่อใครพากันเปรียบเทียบว่าเหมือนกับไม้ขีดไฟแล้ว แม้แต่เดินก็ยังเดินไม่คล่องแคล่วเลยด้วยซ้ำ สุดท้าย พี่ใหญ่สุดต้องแบกตะกร้าไว้ด้านหลังเพื่อแบกน้องสาวของตัวเองเอาไว้
เจียงป่าวชิงไม่อยากยุ่งเรื่องคนอื่น นางเพียงแค่หยุดฝีเท้าลงชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็ไปซื้อเนื้อที่บ้านของคนเชือดสัตว์
ซื้อเสร็จ ในตอนที่นางถือตะกร้ากลับมา นางยังต้องผ่านบ้านของไอ้หน้าลายชูอีกครั้ง เจียงป่าวชิงยังไม่ทันเดินเข้าไปใกล้ก็ได้ยินเสียงร้องอย่างเจ็บปวดทรมานของเมียไอ้หน้าลายชูดังขึ้นเรื่อย ๆ
ผู้คนที่มุงดูอยู่รอบ ๆ ก็มากขึ้นเรื่อย ๆ พวกเขาต่างพากันซุบซิบนินทากันอยู่ตรงนั้น
“มา ๆ ๆ มาลองเดาดูกันว่าลูกคนนี้ของเมียไอ้หน้าลายชูจะเป็นผู้หญิงอีกหรือเปล่า ?”
“ไอ้โยโอ้โหเฮะ! หากว่าเป็นหญิงอีก นี่ก็เท่ากับว่าเป็นแปดเซียนข้ามทะเลเลยนะ”
ผู้คนส่งเสียงหัวเราะครึกครื้น
จากนั้นก็มีคนพูดขึ้นพลางทำท่าทางลึกลับ “พวกเจ้าไม่รู้ล่ะสิ ? บ้านของเขาไม่สามารถรวบรวมจนเป็นแปดเซียนข้ามทะเลได้หรอก”
“ทำไมรึ ? หรือว่าเจ้าเห็นว่าเกิดออกมาเป็นผู้ชาย ?”
“ไม่ใช่ ๆ ๆ” คนคนนั้นมัวแต่ยืดเยื้อดึงดูดให้คนมาสนใจแต่ก็ไม่ยอมพูด
ชาวบ้านที่อยู่ด้านข้างจึงพูดเร่งอย่างต่อเนื่อง “ เจ้านี่นะ ในหัวเจ้ามีเรื่องสนุก ๆ แต่กลับไม่เอาออกมาบอกคนอื่น รีบพูดสิ รีบพูดเร็วเข้าเลย เร็ว!”
ใครคนนั้นถูกเร่งเร้าอยู่สักพัก ถึงจะพูดขึ้น “ไอ้ยา! พวกเจ้ายังจำเรื่องลูกคนที่แล้วของเมียไอ้หน้าลายชูได้ไหม ?”
มีคนพูดแทรกขึ้นมาจากด้านข้าง “ทำไมจะจำไม่ได้ พวกเขาบอกว่าเกิดยาก พอเกิดออกมาก็ตายเสียแล้ว”
คนคนนั้นตบขาดังฉาด “เกิดยากเกิดเยิกอะไรกัน! เด็กมันเกิดออกมาแล้ว แต่เพราะเกิดออกมาเป็นผู้หญิง ชูเหล่าไท่มันเลยจับเด็กนั่นกดลงในโถเยี่ยวจนเด็กมันจมน้ำตายต่างหากเล่า!”
“ไอ้ยา! จริงรึ ? ชูเหล่าไท่โหดเหี้ยมเกินไป ถึงยังไงนั่นก็เป็นหลานของตัวเอง”
“แต่ก็โทษตระกูลชูไม่ได้นะ ถ้าหากว่าเกิดออกมาเป็นเด็กผู้หญิงอีก ตระกูลเขาก็คงจะเลี้ยงไม่ไหว”
“ก็ใช่ พวกเขาไม่ได้ขาดแคลนหลานสาวสักหน่อย เจ้าดูสิ ที่มีอยู่ในบ้านก็ปาไปเจ็ดคนแล้ว”
“อันที่จริงข้าคิดว่าเลี้ยง ๆ ไปเถอะ ก็แค่เสียรำข้าวมากกว่าเดิมหน่อย พอโตมาแล้ว เด็กผู้หญิงน่ะสามารถแต่งออกไปเพื่อแลกเป็นเงินได้อีกนะ”
“เจ้าไม่ใช่คนในครอบครัวนั้น เจ้าก็พูดอย่างนี้ได้ เจ้าดูสภาพของตระกูลชูสิ ถ้าเอาลูกมาอีกคน พวกเขายังจะเลี้ยงไหวหรือ ?”
ผู้คนพากันส่ายหน้าบ้าง ถอนหายใจบ้าง
ทันใดนั้นเอง หญิงชราผมขาวผิวแห้งเหี่ยวคนหนึ่งก้าวออกมา นางชี้เหล่าชาวบ้านที่กำลังซุบซิบเรื่องสนุกพร้อมทั้งก่นด่าไปด้วย “ไอ้พวกปากพล่อย จะนินทาก็อย่ามานินทาหน้าบ้านข้า ถ้าหากว่าทำให้หลานชายของข้าตกใจ ข้าจะไปปาขี้ที่หน้าบ้านพวกเจ้าทีละคนเลยคอยดู”
ชายแก่คนหนึ่งปิดปากขำอย่างกล้าหาญ “อุ๊บ! หึ ๆ ชูเหล่าไท่ เจ้าสะสมคุณธรรมหน่อยเถอะ สะใภ้เจ้ากำลังคลอดลูกอยู่ข้างใน เจ้ากลับไม่ไปดูแล จะมัวมายืนขู่ขวัญพวกข้าทำไม ?”
ชูเหล่าไท่กลอกตาไปมา ทำให้เปลือกตาเหี่ยวย้วยนั้นของนางขยับตาม “แม่หมูมันหมักหมมแล้ว ทำไม ไม่มีคนดูแล้วจะเบ่งให้ลูกเกิดมาไม่ได้เลยรึ ? มีแค่แม่เฒ่ากัวดูแลอยู่ข้างในก็พอแล้ว ข้าจะไปดูแลอีกทำไมให้เหนื่อย”
“เจ้าก็ไปยืนรอหลานชายของเจ้าไงเล่า ? ฮ่า ๆ ๆ ไม่แน่อาจะเป็นหลานสาวอีกคนก็ได้”
ชูเหล่าไท่ได้ยินชายแก่พูดเยาะเย้ย เส้นเอ็นที่อยู่บนหน้าผากผอมกะหร่องของนางก็แทบจะระเบิดออกมา “หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าไปเถอะไอ้แก่! ข้าให้แม่เฒ่ากัวดูให้แล้ว ท้องแหลมแบบนั้นจะต้องเป็นเด็กผู้ชายอย่างแน่นอน”
ผู้คนพากันหัวเราะคิกคัก คล้ายกับไม่นึกสนใจเรื่องนี้
ขณะนี้ เด็กที่เป็นพี่สาวคนโตและพวกเด็กผู้หญิงคนอื่น ๆ ในตระกูลชูนั่งขดตัวอยู่ตรงหน้าประตู ใบหน้าผอมผอมซูบเต็มไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัว คล้ายกับหญิงที่กำลังจะคลอดลูกอยู่ข้างในไม่ใช่แม่ของพวกนางอย่างไรอย่างนั้น
ณ ตอนนี้ เสียงร้องอย่างน่าเวทนาในห้องหญ้าของตระกูลชูก็เบาลงบ้างแล้ว จากนั้นก็มีเสียงร้องไห้จ้าของทารกดังขึ้น
“ไอ้โย! เสียงดังชัดขนาดนี้จะต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่”
ชาวบ้านคนหนึ่งชี้ขาด ชูเหล่าไท่จึงรีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างดีอกดีใจทันที
จากนั้น ชาวบ้านบางคนก็พูดจาหยอกล้อพวกเด็กผู้หญิงที่หน้าตาเหลืองซูบ “นี่ ๆ แม่ของพวกเจ้าเกิดน้องชายให้พวกเจ้า พวกเจ้าดีใจไหมเล่า ?”
เด็กผู้หญิงวัยเจ็ดแปดขวบพูดขึ้นอย่างกังวล “จะมีอะไรดีล่ะพวกท่านลุงท่านป้าท่านน้าท่านอาทั้งหลาย เดิมทีพวกข้าพี่น้องก็กินไม่อิ่มอยู่แล้ว เกิดอีกคนก็ยิ่งกินไม่อิ่มมากกว่าเดิมน่ะสิ”
ช่วงเวลาที่คุยกัน เสียงคำรามของชูเหล่าไท่ก็ดังลอดประตูออกมา “โอ๊ย! น่าเบื่อแท้ ๆ ทำไมถึงเกิดเด็กสารเลวที่ต้องมาจ่ายค่าเลี้ยงดูออกมาอีก ?! นี่แม่คนตระกูลหวัง ไข่ของเจ้ามันไร้ประโยชน์จริง ๆ!”
ชาวบ้านที่ออกันอยู่หน้าบ้านพากันตาเป็นประกายทันที พวกเขาทยอยเบียดเข้าไปเพราะอยากจะดูสถานการณ์ในบ้านชำรุดของตระกูลชู
พวกเขาก็เห็นชูเหล่าไท่อุ้มทารกที่บนตัวยังเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดออกมา ดูเหมือนนางจะกำลังเดินไปที่ห้องส้วมอย่างไรอย่างนั้น
“เฮ้ย ๆ ๆ! ชูเหล่าไท่เจ้าจะไปทำอะไรล่ะนั่น ?”
ชูเหล่าไท่ไม่คิดว่าพวกคนที่มายุ่งเรื่องในบ้านของนางจะมีมากขนาดนี้ จึงโบกมือออกปากไล่อย่างหงุดหงิด “ข้าจะทำอะไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับพวกเจ้า ? เด็กเลว ๆ แบบนี้ ข้าจะกดมันให้จมน้ำตายในโถเยี่ยว นางจะได้ไม่ต้องรับความเจ็บปวดบนโลกมนุษย์ยังไงเล่า!”
หญิงแก่คนหนึ่งรีบพูดห้าม “เจ้าอย่าทำอะไรบุ่มบ่ามสิ ถึงยังไงนั่นก็เป็นหลานสาวของเจ้ามิใช่รึ ?”
“ข้าขาดแคลนหลานสาวที่ไหนกัน ? เจ้าแหกตาดูก่อนแล้วค่อยมาพูด!” ชูเหล่าไท่ชี้พวกหลานสาวหน้าตาเหลืองซูบที่ขดตัวอยู่ตรงมุมบ้านด้วยความโกรธขึ้ง “แต่ละคนรู้จักแต่กิน ทำอะไรก็ไม่เป็น ที่ดินทำกินของที่บ้านมีแค่สองไร่ พวกข้าจะเลี้ยงไหวได้ยังไง ?”
ยังคงมีคนตะโกนเข้าไปในบ้าน “โฮ้ย! เมียของไอ้หน้าลายชูโว้ย เจ้ารีบออกมาดูเร็วเข้า ลูกสาวเจ้ากำลังจะถูกแม่สามีใจร้ายของเจ้ากดให้จมน้ำตายแล้วนะ”
น้ำเสียงแม่นางตระกูลหวังแหบแห้ง คำพูดของนางดังลอยออกมาจากในห้อง “เด็กนั่นเป็นเด็กผู้หญิง เด็กสารเลวที่เกิดมาทำให้เปลืองเงินแบบนั้น จมน้ำตายไปเถอะ”
ทว่าในน้ำเสียงของนางผสมไปด้วยเสียงสะอื้น
สีหน้าของคนที่ตะโกนเข้าไปในห้องเมื่อสักครู่เหยเก ฝ่ายนั้นคิดว่าคนเป็นแม่แท้ ๆ ไม่น่าจะใจดำอำมหิตได้ถึงขนาดนี้
“เมียของไอ้หน้าลายชูก็เป็นคนที่น่าสงสาร ข้าเห็นบ่อย ๆ ว่าบนตัวนางมักจะมีรอยช้ำ” ชาวบ้านคนหนึ่งพูดพึมพำ “นางเกิดมาดวงกุดนัก หนังท้องของตัวเองไม่รักดี เกิดลูกชายไม่ได้ เป็นอย่างนี้ต่อไปคงยืดเอวไม่ตรงแล้ว นางแต่งเข้ามาในตระกูลชูสิบกว่าปีแต่กลับไม่เคยได้ทำเรื่องอื่นเลย เอาแต่เกิดลูกให้บ้านสามีอยู่อย่างนั้น น่าสงสารจริง ๆ”
ชาวบ้านที่ทำใจแข็งไม่ลงก็ยังมี เขาพูดขึ้น “แต่ถึงยังไงเด็กคนนั้นก็เป็นหนึ่งชีวิต ถ้าหากว่ากดให้จมน้ำตายมันออกจะ…”
ชูเหล่าไท่พ่นลมออกมาทางจมูกดังพรืด เดินดุ่ม ๆ อุ้มทารกหญิงที่กำลังร้องไห้จ้าไปหาชาวบ้านคนที่พูดเมื่อสักครู่ “ได้! หากว่าเจ้าคิดว่าเด็กคนนี้เป็นหนึ่งชีวิต ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็พากลับไปเลี้ยงที่บ้านเองสิ ข้าจะพูดไว้ตรงนี้ ถ้าเอาเด็กนี่ไปเลี้ยงที่บ้านเจ้าแล้วก็ถือว่านางกลายเป็นเด็กบ้านเจ้าทันที ต่อไปถ้ามีเรื่องอะไร อย่ามาเอาเงินที่บ้านข้าแล้วกัน”
ชาวบ้านคนนั้นยิ้มเยาะแล้วก้าวถอยหลัง “ไม่! ข้าแค่พูดไปอย่างนั้นเอง ที่บ้านข้ายังมีอีกหลายปากหลายท้อง จะเลี้ยงเด็กผู้หญิงอีกคนได้ยังไง ?”
ชูเหล่าไท่พูดขึ้นอย่างหงุดหงิด “เหอะ! สุดท้ายก็แค่พูดพล่อย ๆ พวกเจ้าแต่ล่ะคนนี่ก็เหลือเกิน ฝีปากกล้าพูดจาคล่องแคล่วกันนักนะ หลานสาวข้าข้าจะทำอะไรกับนางก็ได้ ไม่จำเป็นต้องให้พวกเจ้ามาก้าวก่าย”
พูดเสร็จ นางก็พาทารกหญิงคนนั้นไปที่ห้องส้วม
.