“นะ… น้องสาวงั้นรึ ?” เจียงหยุนชานตกตะลึง ทว่าเมื่อเขาเห็นสีหน้าของเจียงป่าวชิง เขาก็พอจะรู้แล้วว่านางไม่มีเวลาอธิบายให้ฟัง
เขาส่ายหน้า รีบวิ่งไปที่ห้องครัวทันที
โชคดีที่ไฟในเตายังติดอยู่ตลอด เขาจึงเขี่ยขี้เถ้าสองสามครั้งแล้ววางท่อนไม้ที่ติดไฟง่ายลงไปสองสามอัน เมื่อเขาเป่าลมไปเบา ๆ ไฟในเตาก็โหมแรงขึ้นอีกครั้ง
เจียงหยุนชานรีบต้มน้ำร้อนกาใหญ่ รีบนำไปที่ห้องอย่างรวดเร็ว
เจียงป่าวชิงง่วนอยู่กับการตรวจร่างกายให้ทารกน้อย ตอนที่พี่ชายนางเข้าไป นางก็เพิ่งตรวจเสร็จพอดี สีหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกโล่งใจ
“เด็กน้อยคนนี้ช่างมีบุญวาสนายิ่งนัก” เจียงป่าวชิงบีบฝ่ามือของทารกอย่างสนิทสนม ในขณะนี้ ทารกร้องไห้จนเหนื่อยและผล็อยหลับไปแล้ว
เจียงหยุนชานกลัวว่าเขาจะเผลอส่งเสียงรบกวนทารกตัวน้อยโดยไม่ตั้งใจ จึงเอ่ยถามเจียงป่าวชิงด้วยเสียงที่เบามาก “ป่าวชิง นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
เจียงป่าวชิงเล่าให้เจียงหยุนชานฟังถึงความเป็นมาเป็นไปของเรื่อง เจียงหยุนชานกลั้นหายใจทุกครั้งเมื่อฟังถึงตอนตื่นเต้น แต่เขารู้สึกดีใจมาก “โชคดีที่ตอนนั้นเจ้าเห็นพอดี และช่วยเด็กน้อยคนนี้ไว้ได้”
เจียงป่าวชิงถอนหายใจ
สองพี่น้องพร้อมใจกันเช็ดร่างกายให้ทารกตัวน้อย แต่ในขณะนี้ ทารกตัวน้อยตื่นแล้ว และเริ่มส่งเสียงร้องไห้อีกครั้ง
เจียงหยุนชานทำอะไรไม่ถูก เขาถามตะกุกตะกัก “นี่… นางเป็นอะไรรึ ?”
เจียงป่าวชิงเดา “ข้าคิดว่านางคงหิว”
ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างเจียงหยุนชานอุ้มทารกตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน ใบหน้านุ่ม ๆ เล็ก ๆ ดันหน้าอกเจียงหยุนชานตามสัญชาตญาณ เจียงหยุนชานร้อนรน เขาไม่กล้าขยับตัว “อ๊ะ! ขอโทษ ข้า… ข้าไม่มีนมให้เจ้ากินเลย…”
เจียงป่าวชิงอดกลั้นไว้ไม่ไหวจึงส่งเสียงหัวเราะออกมา จากนั้นก็เอื้อมมือไปรับทารกตัวน้อยมาจากในอ้อมแขนเจียงหยุนชานและตบตัวทารกน้อยอย่างช่ำชอง “ข้าขอคิดหาวิธีสักครู่นะเจ้าคะ”
เจียงหยุนชานมองน้องสาวที่อุ้มเด็กอย่างคล่องแคล่ว เขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชม “ ป่าวชิงของเราฉลาดที่สุด ทำอะไรเป็นเร็วมาก”
เจียงป่าวชิงเข้าใจอะไรได้ทันที
นางทำอะไรเป็นเร็วที่ไหนล่ะ นางเคยกล่อมน้องสาวของตัวเองเมื่อหลายปีก่อนก็เท่านั้น
“เด็กที่โตเท่านี้ คงจะดื่มได้แค่น้ำนมใช่ไหม ?” เจียงหยุนชานลังเล “ไม่มีที่ไหนให้ไปหานมสำหรับนางได้ในขณะนี้ ถ้าอย่างนั้น ไปหาแม่เด็กสิ”
ก็จริง แม้ว่าจะไม่ผลิตน้ำนม แต่ก็ไม่น่าจะเร็วขนาดนั้น ตระกูลหวังที่เป็นแม่ของเด็กคงจะยังมีน้ำนมอยู่
แต่ท่าทีของตระกูลหวังกับคนของตระกูลชูนั้นมัน เฮ้อ…
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เด็กน้อยในอ้อมแขนร้องไห้หนักมาก เจียงป่าวชิงถอนหายใจ นางทำได้เพียงไปลองดูเท่านั้น
เจียงหยุนชานเฝ้าเด็กอยู่ที่บ้าน เพราะเจียงป่าวชิงไม่ยอมให้เด็กที่เพิ่งเกิดออกไปตากลมอย่างแน่นอน นางตัดสินใจไปที่บ้านตระกูลชูด้วยตัวเอง
ขณะนี้บ้านตระกูลชูคงจะกำลังทำอาหารด้วยเนื้อชิ้นนั้นอยู่ เจียงป่าวชิงที่ยืนอยู่ข้างนอกก็ได้กลิ่นหอมของเนื้อเช่นกัน
เจียงป่าวชิงยกมือเคาะประตู เพียงครู่เดียวเด็กผู้หญิงหน้าตาเหลืองซูบคนหนึ่งก็วิ่งออกมา เมื่อนางเปิดประตูแล้วเห็นเจียงป่าวชิงก็ตกตะลึงไปทันที
นางจำได้ว่าคนคนนี้เป็นคนที่อุ้มน้องสาวของนางไป
คงจะไม่ได้จะเปลี่ยนใจใช่ไหม ?
แต่นางไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ถึงอย่างไรต้มเนื้อก็มีเท่านั้น นางถูกพ่อของนางตบมา นางถึงจะออกมาอย่างไม่เต็มใจ เด็กสาวนึกถึงแต่น้ำต้มเนื้อ จึงพาลถลึงตาใส่เจียงป่าวชิงที่ทำให้เสียเวลา ก่อนจะรีบวิ่งกลับเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อเจ้าคะ คนที่อุ้มน้องสาวไปมาหาเจ้าค่ะ” เด็กสาวรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว รายงานเสร็จนางไม่รอช้า เริ่มแย่งน้ำต้มเนื้อบนโต๊ะและซดมันโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองเลย
ชูเหล่าไท่ขมวดคิ้ว นางปัดช้อนของเด็กสาวทิ้ง “เจ้าเป็นปีศาจกลับชาติมาเกิดหรือไงถึงได้ดื่มเยอะขนาดนั้น ? เสียของจริง ๆ!”
เด็กสาวหดตัวและเผยรอยยิ้มเอาใจออกมาให้เห็น
โต๊ะตรงหน้าชูเหล่าไท่กับไอ้หน้าลายชูมีเนื้อกับมันฝรั่งวางอยู่เต็มไปหมด เมื่อเทียบกับน้ำต้มเนื้อบนโต๊ะที่ผสมเนื้อสับซึ่งแทบมองไม่เห็นแล้ว สามารถพูดได้ว่าแตกต่างกันราวกับฟ้ากับดินเลยก็ว่าได้
น้ำต้มเนื้อพวกนี้มีไว้สำหรับให้หลานสาวทั้งเจ็ดคนดื่ม
ชูเหล่าไท่วางตะเกียบไปพลาง ถลึงตาใส่หลานสาวทีละคนไปพลาง นางพูดเตือน “ใครก็ห้ามแตะต้องข้าวของข้า!” พูดเสร็จ นางถึงจะลุกขึ้นแล้วหันไปพูดกับไอ้หน้าลายชู “ข้าจะออกไปดูสักหน่อย ถึงยังไงเราก็กินเนื้อนี้กันไปแล้ว ถ้าหากว่านางนึกเสียใจในภายหลัง ข้าเองก็ไม่ยอมหรอก”
ไอ้หน้าลายชูกำลังก้มหน้ากินเนื้อโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง ในปากของเขาเต็มไปด้วยเนื้อ แต่เขาก็ยังจะพูดอย่างคลุมเครือโดยที่ไม่เงยหน้า “รีบไปเถอะ”
ชูเหล่าไท่ถลึงตาใส่คนตระกูลหวังเมียของไอ้หน้าลายชู เป็นเพราะตระกูลหวังไม่คลอดเด็กผู้ชายให้นาง ตระกูลหวังจึงถูกไอ้หน้าลายชูตบตีไปเมื่อสักครู่ ขณะนี้นางขดตัวอยู่ในมุมโต๊ะอาหารด้วยใบหน้าฟกช้ำ ตรงหน้านางคือข้าวหนึ่งถ้วยกับมันฝรั่งอีกไม่กี่ชิ้น
เมื่อตระกูลหวังเห็นชูเหล่าไท่จ้องนาง นางก็รีบก้มหน้ายัดข้าวเข้าปากทันที นางกลัวเหลือเกินว่าถึงตอนนั้น ถ้าชูเหล่าไท่โกรธขึ้นมา แม้แต่ข้าวสักนิด แม่สามีก็จะไม่ให้นางกิน
ชูเหล่าไท่มองดูครอบครัวแล้วรู้สึกโมโหในใจ เดินปึงปังออกไปด้วยความโกรธเคือง และเมื่อนางเห็นเจียงป่าวชิงก็ยิ่งโมโห ไม่รอช้าพูดเหน็บแนมทันที “ทำไมล่ะ เจ้านึกเสียใจในภายหลังแล้วสิ ข้ากับเจ้าเราแลกของกันแล้ว ฉะนั้นเจ้าจะมานึกเสียใจในภายหลังไม่ได้”
เจียงป่าวชิงไม่ได้มัวพูดจาไร้สาระกับชูเหล่าไท่ นางเพียงแค่พูดออกไปตรง ๆ เลยว่า “แม่ของเด็กยังมีน้ำนมอยู่ใช่ไหมจ๊ะ ?”
ชูเหล่าไท่เองก็เคยมีลูกเหมือนกัน เจียงป่าวชิงถามมาแบบนี้ นางก็รู้ความหมายของเจียงป่าวชิงได้ในทันที ที่มาถามนี่ไม่ใช่ว่าอยากให้ตระกูลหวังบีบน้ำนมให้ไอ้ตัวสิ้นเปลืองนั่นหรอกรึ ?
ลูกตาของชูเหล่าไท่หมุนไปมา “มี แต่บีบให้เจ้าไม่ได้ เพราะหลานสาวของข้าแต่ละคนกินได้ไม่ดี พวกนางกำลังรอดื่มน้ำนมของแม่ของพวกนางเพื่อเติมสิ่งที่ขาดไป” นางชะงักไปเล็กน้อย สายตาแหลมคมมองสังเกตเจียงป่าวชิง “ทำไม ? ให้เด็กไปแล้ว เจ้ายังคิดจะให้ลูกสะใภ้ของข้าป้อนนมให้เด็กของเจ้าอีกอย่างนั้นรึ ? อย่าแม้แต่จะคิด ยามปกติลูกสะใภ้ของข้ายังต้องทำงานในบ้านอีก จะมีเวลามาป้อนนมให้เด็กของเจ้าได้ยังไงล่ะ ? อีกอย่าง น้ำนมก็มีเท่านั้น ถ้าหากว่าไอ้ตัวสิ้นเปลืองนั่นกิน แล้วพวกหลานสาวที่เหลือของข้าจะกินอะไร ?”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ เอาเข้าจริงนางรู้อยู่แล้วว่าชูเหล่าไท่คงไม่ยอมแน่ ๆ จึงเลือกที่จะเสนอเงื่อนไขไปตรง ๆ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา “สิบทองแดงทุกวัน ท่านให้แม่เด็กบีบน้ำนมให้ข้า แน่นอนว่าจะไม่รบกวนเวลาของท่านหรอก เพราะข้าจะกลับบ้านไปป้อนเด็กเอง”
ชูเหล่าไท่ได้ยินข้อเสนอ ลูกตาของนางหมุนไปมาทันที ไม่สามารถปิดบังความโลภที่ฉายอยู่ในนัยน์ตาของนางได้ “ไม่ได้ สิบทองแดงน้อยเกินไป ก่อนหน้านี้ข้าจะให้ลูกสะใภ้ของข้าเลิกผลิตน้ำนมแล้ว ตอนนี้เจ้ากลับต้องการให้นางผลิตน้ำนมอีก ก็ต้องให้นางได้บำรุงร่างกายหน่อยสิ สิบทองแดงจะพอทำอะไรได้ ?”
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะ ในระดับการบริโภคของซานหลี่โว เงินสิบทองแดงก็เพียงพอให้ตระกูลชูกินข้าวได้สองวันแล้วด้วยซ้ำ
เจียงป่าวชิงหมุนตัวกลับทันที “ช่างเถอะ ท่านอยากได้หรือไม่ก็ตามใจ ข้าสามารถซื้อนมแพะถ้วยใหญ่ได้ด้วยเงินสองทองแดง ข้าไปหานมแพะเอาเองก็ได้”
เจอแบบนี้ ชูเหล่าไท่ถึงจะร้อนรน “เอ้า ๆ ๆ ๆ! เอาอย่างที่เจ้าว่าก็ได้ เจ้ากลับมาก่อน สิบทองแดงก็สิบทองแดง เห็นแก่หลานสาวของข้าหรอกนะ”
เจียงป่าวชิงมองชูเหล่าไท่ด้วยแววตาเย็นชา “พอได้แล้ว คนซื่อสัตย์อย่างเรามาพูดกันตรง ๆ ดีกว่า ท่านเองก็หยุดพูดอะไรที่ทำให้ข้ารู้สึกอยากอาเจียนเถอะ อะไรแบบเห็นแก่หลานสาวของท่านน่ะ ในสายตาของท่าน หลานสาวของท่านเทียบไม่ได้กับเนื้อครึ่งกิโลด้วยซ้ำ แค่ดื่มน้ำนมของแม่ของนางนิดหน่อยยังต้องใช้ทองแดงมาซื้อเลย ท่านยังจะมาพูดว่านางคือหลานสาว ท่านคู่ควรที่จะเป็นย่าคนแล้วหรือ ? อยากทำการค้า เราก็ต้องปิดป้ายบอกราคาให้ชัดเจน อย่าเที่ยวยกไพ่ครอบครัวเพื่อทำให้คนอื่นรู้สึกอยากอาเจียนแบบนี้”
ชูเหล่าไท่ถูกทองแดงสิบเหรียญของเจียงป่าวชิงซื้อใจไปเรียบร้อยแล้ว แน่นอนว่าเจียงป่าวชิงจะด่าจะว่าอะไรนางก็ได้ นอกจากนี้ นางยังมาทำเลียหน้าอีกด้วย “ไม่ใช่ว่าพวกข้ายากจนหรอกรึ ? คนจนน่ะไม่มีทางเลือกอื่นหรอก… อืม… แล้วเจ้าจะจ่ายเงินสิบทองแดงนี้เมื่อไหร่ล่ะ ?”
.