เจียงป่าวชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย นางกำลังจะอ้าปากพูดกับไป๋จีว่า ‘เรารีบไปกันเถอะ’ ก็ได้ยินเสียงร้องไห้จากทางด้านหลังแหลมขึ้นเรื่อย ๆ สายลมยามราตรีพัดเอาคำพูดที่ฝ่ายนั้นตะโกนส่งไปยังหูของเจียงป่าวชิงจนนางได้ยินอย่างชัดเจน
“ต้าหู เจ้าเปิดประตูสิ! ฮือ ๆ ๆ ต้าหูช่วยข้าด้วย เปิดประตูหน่อยเถอะ”
เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับซุนต้าหู เจียงป่าวชิงตกใจอย่างเห็นได้ชัด อีกอย่าง เสียงนี้เหมือนเสียงของป๋ายรุ่ยฮัวอย่างไรอย่างนั้น ขณะที่นางกำลังลังเล ก็ได้ยินเสียงแหลมของป๋ายรุ่ยฮัวกรีดร้องอย่างแผ่วเบาในยามค่ำ
นางกัดฟันแน่น รู้สึกไม่เต็มใจที่จะสนใจเรื่องน่าเบื่อของป๋ายรุ่ยฮัว แต่ซุนต้าหูนั้น เขาเคยช่วยนางกับพี่ชายมาตั้งหลายครั้ง นางคงจะต้องไปดูเสียแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น
เจียงป่าวชิงรีบพูดกับไป๋จีทันที “ไป๋จีกลับไปก่อนดีไหม เสียงนั่นเป็นของคนรู้จักข้า ข้าคงต้องไปดูสถานการณ์หน่อย”
ไป๋จีลังเล “แม่นางเจียง แต่นายท่านสั่งให้ข้าพาเจ้ากลับไปโดยสวัสดิภาพ…”
เจียงป่าวชิงรีบโบกมือไปมาก่อนจะพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่เป็นไร ๆ เส้นทางนี้ข้าเคยเดินหลายครั้งแล้วและคุ้นชินมาก เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอก กลับไปก่อนเถอะ ข้าไม่สบายใจเสียมากกว่าที่นายท่านของเจ้าต้องอยู่ที่บ้านคนเดียว” พูดเสร็จ เจียงป่าวชิงก็โบกมือให้ไป๋จี “รีบกลับไปเถอะ ข้าจะไปดูที่บ้านพี่ต้าหูว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ยังไม่ทันให้ไป๋จีได้ตอบอะไร เจียงป่าวชิงก็รีบวิ่งไปที่บ้านซุนต้าหูเสียก่อน
……
ช่วงนี้ซุนต้าหูไม่ได้รับเงินปันผลจากซุนต้าตง เขารู้สึกได้อย่างราง ๆ ว่ามันผิดปกติ แต่เป็นเพราะเขาตัดสินใจว่าจะไว้ใจซุนต้าตงเป็นครั้งสุดท้ายจึงไม่ได้ไปเร่งรัดอะไร ทว่าตอนที่เขาช่วยคนทำงานอยู่นอกหมู่บ้าน เขาได้ยินมาเล็กน้อย คนที่นั่นเล่ากันว่าคนในหมู่บ้านอื่นก็ลงเงินให้ซุนต้าตงเช่นกันและก่อนหน้านี้ก็ได้รับดอกเบี้ยไปตาม ๆ กัน แต่สองสามวันนี้กลับไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ เขาเดากันว่าซุนต้าตงอาจจะกำลังรวบรวมเงินและส่งเงินไปด้านนอก
ตอนกลางคืน ซุนต้าหูจุดตะเกียงน้ำมัน สายตาเขากำลังมองลูกกลม ๆ แกะสลักสองอันนั้นที่เจียงป่าวชิงมอบให้เขาก่อนหน้านี้ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงคนมาทุบประตูจากนอกบ้าน
ซุนต้าหูเพิ่งอาบน้ำเสร็จจึงมีผ้าขนหนูคาดไว้อยู่ที่เอว เขาได้ยินเสียงเหมือนป๋ายรุ่ยฮัวกำลังเคาะประตูก็ร้อนรนทันทีและรีบตอบกลับไปหนึ่งคำ “น้องสะใภ้ รอประเดี๋ยวนะ…”
ซุนต้าหูรีบใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว คว้าตะเกียงน้ำมันแล้วรีบออกไปเปิดประตู ทว่าเมื่อเปิดประตูได้แล้ว เขาก็เห็นร่างคนถาโถมเข้าใส่ในอ้อมอกของเขา ร่างนี้ร้องห่มร้องไห้ มือไม้ดึงแขนเขาเป็นพัลวันไปหมด “ต้าหู เจ้าช่วยน้องชายเจ้าด้วยเถอะนะ”
ซุนต้าหูกำตะเกียงน้ำมันแน่น เขาไม่อยากจับตัวป๋ายรุ่ยฮัวเลยเพราะมันมิสมควร ตัวของเขาแข็งทื่อมากและยังพูดติดอ่างอีกด้วย “มะ… ไม่ใช่แบบนี้สิ น้องสะใภ้เจ้ามีอะไรก็พูดกันดี ๆ อย่า… อย่าทำแบบนี้เลย”
ป๋ายรุ่ยฮัวปล่อยโฮจนหายใจไม่ทัน มือของนางป้องท้องตัวเองเอาไว้ “ต้าหู ข้าเองก็ไม่มีทางอื่นแล้ว ตอนนี้แม่สามีของข้าร้องไห้จนหมดสติไปแล้ว มีเฟิ่งเอ๋อร์ช่วยดูนางอยู่ที่บ้าน ข้าเองก็คิดไม่ออกว่าต้องไปขอร้องใครถึงจะเหมาะสม ทำได้เพียงมาขอให้เจ้าช่วยนี่แหละ”
ซุนต้าหูได้ฟังพลันตื่นตระหนกทันที “อะไร ? เกิดเรื่องขึ้นกับต้าตงอย่างนั้นรึ ?”
ป๋ายรุ่ยฮัวสะอื้นเล็กน้อยพลางพยายามสงบสติอารมณ์ “ใช่ ช่วงนี้น้องชายเจ้าไปทำงานข้างนอกและมักจะไม่กลับบ้านบ่อย ๆ ในที่สุดวันนี้เขาก็กลับมาบ้าน แต่ยังพูดคุยได้ไม่เท่าไหร่ก็มีชายร่างใหญ่สองสามคนพุ่งเข้ามาหาเขาและบอกว่าเขาทำผิดกฎหมาย พวกเขาบอกว่าจะส่งต้าตงไปหาเจ้าหน้าที่และจับตัวต้าตงไปทันที”
ป๋ายรุ่ยฮัวพูดมาถึงตรงนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้อย่างสิ้นหวัง “ฮือ ๆ ๆ คนพวกนั้นโหดเหี้ยมมาก น้องชายเจ้าตกไปอยู่ในกำมือพวกเขา เขาจะอยู่ดีได้ยังไง ? ข้ากับแม่สามีขวางพวกเขาไว้ไม่ไหว ทำได้เพียงมองพวกเขาจับตัวต้าตงไป… ฮือ ๆ ๆ…”
ซุนต้าหูได้ฟังป๋ายรุ่ยฮัวเล่าเหตุการณ์ก็รู้สึกว่าเรื่องราวมันร้ายแรงมากจริง ๆ จึงร้อนใจขึ้นมา “ต้าตงถูกจับไปแล้วอย่างนั้นรึ ? แล้ว… เราจะทำยังไงกันล่ะคราวนี้ ?”
ป๋ายรุ่ยฮัวหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา “ต้าหู ข้ารู้ว่าเจ้าไปในอำเภอบ่อย เจ้าต้องคุ้นชินกับที่นั่น เจ้าช่วยหาหนทางได้หรือเปล่า ?”
“ข้าคุ้นชินก็จริง แต่หนทางนี้ข้าเองก็คิดไม่ถึงเช่นกัน” ซุนต้าหูร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง
ป๋ายรุ่ยฮัวร้องไห้ขอร้องอ้อนวอน “ฮือ… ต้าหู เจ้าต้องหาวิธีช่วยน้องชายเจ้าออกมาให้ได้นะ” จากนั้นนางก็นำมือไปวางบนท้อง “ลูก… ลูกในท้องข้าจะไม่มีพ่อไม่ได้อีกแล้ว”
ซุนต้าหูได้ยินว่าป๋ายรุ่ยฮัวท้อง เขาก็ยิ่งตื่นตระหนก “น้องสะใภ้ ใจเย็น ๆ นะ เจ้าอย่าร้องไห้สิ ข้าจะลองคิดหาวิธี ร้องไห้ไปก็ส่งผลเสียต่อลูกในท้องเจ้าเปล่า ๆ”
ป๋ายรุ่ยฮัวป้องท้องด้วยมือทั้งสองข้างและพูดผสมสะอื้น “ต้าหู ฮึก… ฮือ ๆ ถ้าอย่างนั้นเจ้าลองไปถามที่ว่าการอำเภอดูดีไหม ดูว่าน้องชายเจ้าถูกจับเข้าไปขังแล้วหรือยัง ?”
ซุนต้าหูได้ฟัง เขาก็รู้สึกว่าแมลงวันหัวขาดมีข้อคิดเห็นอยู่บ้าง “ได้ งั้นเอาตามนั้นเลย น้องสะใภ้ เจ้ากลับบ้านไปก่อน ข้าเก็บของเสร็จแล้วจะไปเช่ารถล่อของเสี่ยวเจิ้งที่ภูเขาข้าง ๆ และรีบไปอำเภอทันที”
ป๋ายรุ่ยฮัวพูดอย่างซาบซึ้งใจ “ขอบคุณมากนะต้าหู ช่วงเวลาสำคัญมีเจ้านี่แหละที่ช่วยได้”
“เดี๋ยว…”
ทันใดนั้นเอง เจียงป่าวชิงเดินออกมาจากในมุมมืดด้วยสีหน้าจริงจัง
ตั้งแต่ซุนต้าหูขายรถล่อไป เขาก็เก็บออมเงินเพื่อสู่ขอเจียงป่าวชิงอย่างกระเบียดกระเสียร และไม่ได้เห็นเจียงป่าวชิงสักพักแล้ว เมื่อได้เห็นนางอย่างกะทันหันในตอนนี้ เขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
แต่ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาดีที่จะหวนคิดถึงเรื่องในอดีต ซุนต้าหูอดกลั้นความปรารถนาในใจไว้แล้วทักทายเจียงป่าวชิง “น้องป่าวชิง ตอนนี้ข้ามีธุระด่วน…”
เจียงป่าวชิงเองก็รีบพูดขึ้น “พี่ต้าหู เมื่อสักครู่ข้าได้ยินหมดแล้ว พี่ไปที่ว่าการอำเภอตอนนี้เกรงว่าจะช้า ถ้าหากว่ามีความล่าช้าเกิดขึ้นบนท้องถนนระหว่างทาง ตอนที่พี่ไปถึงในอำเภอ เกรงว่าที่ว่าการอำเภอก็คงจะปิดทำการไปตั้งนานแล้วนะเจ้าคะ”
ก็จริง เจียงป่าวชิงพูดมาเช่นนี้ทำให้ซุนต้าหูเกิดความลังเลอยู่ไม่น้อย
ป๋ายรุ่ยฮัวรีบพูดขึ้นอย่างร้อนใจทันที “แม้ว่าที่ว่าการอำเภอจะปิดทำการแล้ว แต่ไปหาเบาะแสที่อื่นก็ได้หนิ”
เจียงป่าวชิงมองป๋ายรุ่ยฮัวด้วยหางตา “อำเภอฉือเจียเปลี่ยนขุนนางอำเภอคนใหม่แล้ว และในอำเภอก็มีกฎที่ไม่ให้ประชาชนออกนอกบ้านในเวลากลางคืนด้วย ตอนนี้อย่าว่าแต่ที่ว่าการอำเภอเลย เกรงว่ากำแพงเมืองก็คงจะปิดแล้วเช่นกัน”
ป๋ายรุ่ยฮัวโมโหมาก นางกัดริมฝีปากล่าง “ถ้าอย่างนั้นข้าทำได้แค่รออย่างนั้นรึ ?”
“นั่นก็ไม่ใช่อีกเช่นกัน” เจียงป่าวชิงพูดขึ้นนิ่ง ๆ “เจ้าลองเล่ามาก่อนสิว่าซุนต้าตงทำเรื่องอะไรถึงได้ถูกจับไป แล้วยังถูกส่งตัวไปให้เจ้าหน้าที่อีก”
ภายใต้แสงสะท้อนจาง ๆ ของตะเกียงน้ำมัน สีหน้าของป๋ายรุ่ยฮัวดูย่ำแย่พอตัว นางปฏิเสธเป็นพัลวัน “ข้า… ข้าไม่รู้”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า “อือ เจ้าไม่รู้” จากนั้นนางก็แสยะยิ้ม “เจ้ากำลังหลอกผีรึ ? ถ้าเจ้าไม่รู้แล้วเจ้าจะลนลานทำไมล่ะ ? ซุนต้าตงคงทำเรื่องอะไรที่ผิดกฎหมายมา เจ้าเองคงรู้ดีอยู่แก่ใจถึงได้มาตะโกนขอให้ซุนต้าหูช่วยแบบนี้ยังไงล่ะ”
เจียงป่าวชิงพูดแทงใจป๋ายรุ่ยฮัวอย่างเห็นได้ชัด
ป๋ายรุ่ยฮัวส่ายหน้าอย่างไม่หยุดหย่อนพร้อมทั้งก้าวถอยหลัง “ไม่ ข้าไม่รู้เรื่อง …ซุนต้าตงไม่อยู่บ้านทั้งวัน ข้าจะไปรู้ได้ยังไงว่าเขาทำอะไร”
เจียงป่าวชิงมองไปยังบริเวณบนศีรษะของป๋ายรุ่ยฮัว
ตะเกียงน้ำมันส่องแสงสลัว แต่มันกลับสะท้อนปิ่นปักผมสีเงินอันใหม่ที่สะท้อนแสงวาววับอยู่บนศีรษะของป๋ายรุ่ยฮัว
เมื่อนึกถึงคำพูดที่ซุนต้าตงพูดชักจูงให้ซุนต้าหูออกเงินแล้ว เจียงป่าวชิงก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วเช่นกัน
ป๋ายรุ่ยฮัวนี่ช่างเป็นหญิงที่มีฝีมือในเรื่องการแสร้งทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ๆ
.