ซุนต้าตงหน้าซีดทันที เขาส่งสายตาให้ซุนต้าหูอย่างไม่หยุดหย่อน
ที่ปรึกษากาวเดินตรงเข้ามา ทำให้ซุนต้าตงไร้ทางเลือก เขาจำต้องบอกจำนวนเงินข้างหูที่ปรึกษากาวเสียงเบา
ซุนต้าหูชะงักไปเล็กน้อย สุดท้ายเขาก็กระซิบบอกจำนวนเงินด้วยเช่นกัน
จากนั้นที่ปรึกษากาวก็เดินมาตรงกลางแท่นตัดสินแล้วคำนับท่านขุนนางอำเภอ “ขออนุญาตตอบขอรับท่าน จำนวนเงินที่ซุนต้าตงบอกข้าน้อยคือห้าร้อยตำลึง ส่วนจำนวนเงินที่ซุนต้าหูบอกข้าน้อยคือหนึ่งร้อยตำลึงขอรับ”
ซุนต้าหูตัดสินใจแล้ว เพื่อรับโทษแทนซุนต้าตง เขาบอกจำนวนเงินที่มากที่สุดเท่าที่ตัวเองสามารถคิดออก แต่เขาไม่คิดว่าซุนต้าตงจะโหดกว่าที่รายงานไปว่าห้าร้อยตำลึงแบบนั้น
ต้องทราบก่อนว่าโทษหนึ่งร้อยตำลึงกับโทษห้าร้อยตำลึงย่อมไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกัน
ขุนนางอำเภอจู้หัวเราะเยาะ “ฮ่า ๆ ๆ พวกเจ้ากำลังร่วมมือกันหลอกข้าจริง ๆ ด้วย กระทำผิดโดยก่อความสับสนวุ่นวายในโทษที่ยังไม่ทันได้ตัดสิน เจ้าหน้าที่ ตีทั้งสองคนสามสิบไม้กระดานก่อนเลย!”
แม่ของซุนต้าตงหวีดร้องเสียงหลงและสลบไปทันที ร่างของนางไถลลงมาจากบนเก้าอี้อย่างไม่น่ามอง
ป๋ายรุ่ยฮัวจูงเฟิ่งเอ๋อร์ให้คุกเข่าลงไปด้วยกัน “ฮือ ๆ ๆ ท่าน… ท่านเจ้าคะ แม่สามีของข้าหมดสติไปแล้ว ข้าขอร้องล่ะเจ้าค่ะ ท่านช่วยใจกว้างสักหน่อยเถอะนะเจ้าคะท่าน”
ขุนนางอำเภอจู้ไม่หวั่นไหว เขาเอ่ยสั่ง “พวกเจ้าตรงนั้นประคองหญิงชราไปที่ด้านหลังศาลาว่าการ แล้วไปเชิญหมอมารักษานาง”
ซุนต้าตงพูดขึ้นเสียงดัง “อ๊าก! อย่าตีข้า อย่าตีข้า! ข้าจะไปดูแม่” ชั่วขณะนั้นเขาคิดปลิ้นปล้อนหวังหลีกเลี่ยงไม่ให้ตัวเองถูกลงโทษ
ปัง!
ขุนนางอำเภอจู้ทุบค้อน “หุบปาก! เจ้ามีพ่อมีแม่ให้ห่วง คนที่ถูกเจ้าหลอกก็มีพ่อมีแม่เช่นกัน แต่ละครอบครัวต่างมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของตัวเอง เจ้ายังทำพฤติกรรมหลอกลวงแบบนี้ได้ลง ช่างไม่มีความจงรักภักดี อกตัญญู และไร้ความเป็นมนุษย์จริง ๆ” ขุนนางอำเภอจู้โยนป้ายอีกอัน “ตีเพิ่มอีกยี่สิบไม้กระดาน”
ซุนต้าตงงงเป็นไก่ตาแตกโดยสิ้นเชิง เขาตกใจจนไม่กล้าทำตัวปลิ้นปล้อนอีก เพราะกลัวว่าจะถูกขุนนางอำเภอจู้เพิ่มอีกยี่สิบไม้กระดาน
ซุนต้าหูไม่ได้พูดอะไร แต่ตอนที่เขาถูกเจ้าหน้าที่ลากตัวออกไปก็หันไปมองด้านหลังและเห็นเจียงป่าวชิงที่ยืนอยู่แถวหน้าพอดี นางมองมาทางเขาอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเมื่อเห็นเขา นางไม่ได้พูดอะไร
อับอายขายหน้า น้อยเนื้อต่ำใจ เสียใจ หวาดกลัว… อารมณ์ต่าง ๆ นานาปะทุขึ้นมาจนหมด ซุนต้าหูหน้าซีดเผือด
แต่แน่นอนว่าเจียงป่าวชิงไม่อยากพูดอะไร แม้นางจะสงสารและพยายามช่วยเหลือเท่าที่ทำได้ แต่เขาทำตัวของเขาเอง
สามสิบไม้กระดานนี้สมควรแล้ว มันคงจะให้บทเรียนกับซุนต้าหูบ้างไม่มากก็น้อย
การยอมรับโทษใช่ว่าจะยอมรับได้ง่าย ๆ
ซุนต้าหูกับซุนต้าตง คนหนึ่งถูกตีสามสิบไม้กระดาน อีกคนถูกตีห้าสิบไม้กระดาน ตอนนี้สีหน้าของพวกเขาซีดขาวราวกระดาษ
ซุนต้าหูยังดีหน่อยที่ร่างกายของเขาแข็งแรงเหมือนลูกวัว ถึงแม้ว่าสามสิบไม้กระดานจะหนักเอาการแต่เขากลับทนไหว ตอนนี้เขายังสามารถคุกเข่าลงบนพื้นได้โดยไม่โงนเงน
แต่ซุนต้าตงค่อนข้างน่าเวทนาพอสมควร เดิมทีเขาเป็นอันธพาลที่ชอบงอมืองอเท้าไปวัน ๆ อยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ก็ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมามาโดยตลอดและใช้เงินหมดตัวไปตั้งนานนมเน ตอนนี้มาถูกตีห้าสิบไม้กระดาน มันเหมือนเขาใกล้จะหมดลมหายใจอยู่รอมร่อ อย่าว่าแต่คุกเข่าเลย เขานอนคว่ำอยู่ตรงกลางในสภาพที่เหมือนสุนัขตายอย่างไรอย่างนั้น
ป๋ายรุ่ยฮัวกอดเฟิ่งเอ๋อร์ไว้ตลอด นางปิดหูปิดตาเฟิ่งเอ๋อร์ตัวน้อยเพราะกลัวว่าเด็กยังเล็กอย่างนางจะตกใจเมื่อเห็นฉากเหตุการณ์ลงโทษนี้
ขณะนี้ ซุนต้าตงนอนคว่ำอยู่ตรงกลางลานตัดสินในสภาพที่มีเลือดซึมตรงก้น และเขายังหายใจเข้าเยอะกว่าหายใจออกด้วยซึ่งดูน่ากลัวมาก
ไม่ว่าป๋ายรุ่ยฮัวจะรังเกียจซุนต้าตงมากเพียงใด แต่นางจะไม่ยอมให้ลูกในท้องเกิดมาไม่มีพ่อ นางรีบจูงเฟิ่งเอ๋อร์ไปคุกเข่าที่ตรงกลางและโน้มศีรษะอย่างต่อเนื่อง “ท่านขุนนางอำเภอเจ้าคะ สามีข้าร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ตอนนี้เขาถูกตีด้วยไม้กระดาน เกรงว่าคงจะลำบากมาก ข้าขอร้องให้ท่านขุนนางอำเภอช่วยเชิญหมอมาดูอาการเขาด้วยเถอะเจ้าค่ะ แม้ว่าเขาจะมีโทษ แต่โทษก็ไม่ถึงกับต้องตายนี่เจ้าคะ”
ขุนนางอำเภอจู้เองก็ไม่อยากให้ซุนต้าตงตาย เพราะถึงอย่างไรก็ยังตัดสินไม่เสร็จ เขาพยักหน้าเตรียมบอกให้เจ้าหน้าที่ไปตามหมอมาดูอาการซุนต้าตง เพราะเขาไม่อยากให้ซุนต้าตงมาตายที่นี่ แต่ยังไม่ทันไร ก็พลันเห็นคนใช้สองสามคนแหวกฝูงชนออกมาเสียก่อน ตามมาด้วยร่างหญิงชราที่ดูเหมือนอายุมากแล้วผู้ซึ่งกำลังปรนนิบัติคุณนายผู้ร่ำรวยคนหนึ่งเดินเข้ามาในศาล
เมื่อขุนนางอำเภอจู้เห็นคุณนายผู้ร่ำรวยคนนั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
คุณนายผู้ร่ำรวยไม่ได้พูดอะไร แต่เป็นหญิงชราที่เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน “ขุนนางอำเภอจู้ คุณหญิงของข้ามาที่นี่ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อตอนเช้า นางเร่งให้ท่านตัดสินโทษคนผิด แต่ท่านกลับทำอย่างขอไปทีและบอกว่าจะไต่ส่วนในช่วงบ่าย ตอนนี้ท่านควรมีคำอธิบายให้กับคุณหญิงของเราแล้วใช่ไหม ?”
ที่ปรึกษากาวพูดด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “คุณหญิงหลู บนแท่นตัดสินไม่ใช่ที่ที่จะมาพูดเรื่องนี้นะ…”
หญิงชราพูดขัดจังหวะที่ปรึกษากาว “คุณหญิงของข้าเป็นเจ้าทุกข์ ทำไมจะมาที่แท่นตัดสินไม่ได้ ?”
ที่ปรึกษากาวถูกถามจนพูดไม่ออก เพราะในทางกฎหมายนางสามารถขึ้นมาร้องทุกข์บนนี้ได้จริง ๆ
เพราะถึงอย่างไร การถูกหลอกเงินสองร้อยตำลึงก็ไม่ใช่ตัวเลขที่น้อย ๆ เลย
หญิงชราประคองมือของคุณนายผู้ร่ำรวยพร้อมกวาดสายตามองไปด้วย “ไอ้คนพวกนี้ คนไหนที่เป็นนักโทษ” ทว่ายังพูดไม่ทันจบคำ ลูกตาของนางก็เหมือนเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ยากจะเชื่อได้อย่างไรอย่างนั้น ลูกตานางแทบจะนูนออกมาอยู่รอมร่อแล้ว
หญิงชราพูดเสียงสั่น ๆ “คุณหญิงเจ้าคะ ข้าตาลายหรือเปล่า ? ดูผู้หญิงคนที่คุกเข่าอยู่ใต้แท่นนั่นสิเจ้าคะ นางหน้าเหมือนคุณผู้หญิงตอนสาว ๆ เลยเจ้าค่ะ”
หากกล่าวถึงผู้หญิงที่คุกเข่าอยู่ใต้แท่นตัดสิน เฟิ่งเอ๋อร์ยังแล็กเกินไป คงจะหมายถึงป๋ายรุ่ยฮัว
ป๋ายรุ่ยฮัวกำลังเอียงตัวมองคุณนายผู้ร่ำรวยกับหญิงชราคนนั้น เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงไปทันที
คุณนายผู้ร่ำรวยตัวสั่นเล็กน้อย นางมองป๋ายรุ่ยฮัวอย่างใจจดใจจ่อ แต่ยิ่งมองนางก็ยิ่งตื่นเต้นจนแทบจะยืนไม่นิ่ง ถึงกับต้องพิงหญิงชราเลยทีเดียว
จนแล้วจนรอด นางก็โบกมือให้ป๋ายรุ่ยฮัวขณะที่เอ่ยออกมา “เจ้าเดินมาให้ข้าดูใกล้ ๆ หน่อยซิ”
แต่ป๋ายรุ่ยฮัวกลับก้าวถอยหลังอย่างขลาดกลัว คุณนายผู้ร่ำรวยคนนั้นจึงพยุงตัวเองเดินไปด้านหน้า ยิ่งนางสังเกตป๋ายรุ่ยฮัวนานเท่าไหร่ ก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา “อะไรกันเด็กคนนี้… หน้าเหมือนข้าในกระจกเมื่อตอนสาว ๆ แทบทุกประการเลยนะ”
นางนึกอะไรบางอย่างได้จึงมีความร้อนใจปรากฏให้เห็นอยู่เล็กน้อย และผลุนผลันจะเข้าไปถลกเสื้อของป๋ายรุ่ยฮัว
ป๋ายรุ่ยฮัวตกใจส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัวพร้อมทั้งจับเสื้อและก้าวถอยหลังไปอย่างเร็ว
ขุนนางอำเภอจู้ไม่เข้าใจว่าคุณนายผู้ร่ำรวยคนนี้จะทำอะไร ที่ปรึกษากาวยิ่งไม่เข้าใจมากกว่า
เจ้าทุกข์กับครอบครัวของผู้ต้องสงสัยฉุดกระชากกันเสียแล้ว ถ้าหากว่าเรื่องนี้ถูกพูดออกไปย่อมไม่ใช่คำพูดที่น่าฟังอะไรเลย เขารีบพูดห้ามจากด้านข้าง “คุณนายหลู ต่อให้จะโกรธมากแค่ไหน แต่คุณนายจะไปทำให้ครอบครัวของผู้ต้องสงสัยลำบากใจไม่ได้…”
“ครอบครัวของผู้ต้องสงสัยอย่างนั้นรึ ?” คุณนายหลูตกตะลึง แต่ ณ จุดนี้นางไม่สนใจอะไรแล้ว รีบพูดอธิบายอย่างร้อนใจ “ข้าสูญเสียลูกสาวไปเมื่อหลายปีก่อน บนหัวไหล่ของลูกสาวข้ามีไฝเรียงกันสามจุด ข้า… ข้าแค่อยากขอดูให้แน่ใจ”
ป๋ายรุ่ยฮัวตัวสั่นทันที นางจับไหล่ขวาอย่างไม่รู้ตัว
คนอื่นไม่รู้ ใช่ว่าตัวนางเองจะไม่รู้ …บนไหล่ขวาของนางมีไฝที่เรียงกันสามจุดจริง ๆ
มองสีหน้าของป๋ายรุ่ยฮัว คุณนายหลูก็ไม่ต้องไปถลกเสื้อของป๋ายรุ่ยฮัวก็เข้าใจได้แล้ว เมื่อสักครู่นางพูดแค่ว่าบนไหล่ เด็กผู้หญิงคนนี้ก็ยื่นมือไปคลำที่ไหล่ขวาอย่างแม่นยำ
คุณนายหลูตื่นเต้นจนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่เมื่อตั้งสติได้ก็เพียงพูดขึ้นหนึ่งคำ “ชิงชิง!”
น้ำตาคุณนายหลูไหลพรั่งพรูออกมา หญิงชราเองก็ตื่นเต้นมากเช่นกัน นางประคองคุณนายของนางและเช็ดน้ำตาไปด้วย จากนั้นก็ถามป๋ายรุ่ยฮัวว่า “แม่สาวน้อย เจ้าถูกคนรับเลี้ยงใช่หรือเปล่านะ ?”
ป๋ายรุ่ยฮัวว้าวุ่นใจมาก นางเห็นการแต่งตัวและการกระทำของคุณนายผู้ร่ำรวยคนนี้ก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายร่ำรวยและสูงศักดิ์มาก แต่คุณนายร่ำรวยคนนี้มีการแสดงออกอย่างที่เห็น และยังบอกอีกว่าบนไหล่ของลูกสาวที่พลัดพรากของนางมีไฝเรียงกันสามจุด
หรือว่านี่จะเป็นแม่ของนางจริง ๆ ?