แม่สาวเข็มเงิน – ตอนที่ 219 อันดับหนึ่ง

หลังจากที่อำเภอฉือเจียเกิดการเปลี่ยนแปลง เนื่องจากขุนนางอำเภอจู้ที่เข้าดำรงตำแหน่งใหม่ยกเลิกเงินภาษีและเงินบริจาคมากมาย จำนวนพวกพ่อค้าแม่ค้าบนท้องถนนในอำเภอฉือเจียก็มีเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้กิจการดูรุ่งเรืองเป็นอย่างยิ่ง

เจียงป่าวชิงซื้อเสื้อผ้าทารกให้เสี่ยวฟ๋านฟ๋านที่ร้านเล็ก ๆ ข้างถนนก่อนเป็นอันดับแรก ในความตั้งใจของนางคือไม่จำเป็นต้องใช้วัสดุราคาแพง เอาเพียงแค่เนื้อผ้าที่อ่อนนุ่ม ไม่ขูดผิว และไม่มีลายปักซับซ้อนเกินไปก็พอแล้ว

เนื่องจากวันนี้เจียงป่าวชิงใส่เสื้อผ้าที่ทางกงจี้จัดเตรียมไว้ให้ แม้รูปแบบเสื้อผ้าจะเรียบง่าย แต่วัสดุที่ใช้ตัดเย็บกลับไม่ใช่วัสดุธรรมดา เถ้าแก่ร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปเคยเห็นผ้ามาแล้วหลายประเภท สายตาของเขาเฉียบแหลมมาก เพียงหันไปมองผ้าตรงนั้นก็แทบจะเบี่ยงสายตาไปไหนไม่ได้อีก

เขามองเสื้อผ้าที่เจียงป่าวชิงสวมใส่อยู่ราวกับเห็นพระคลังเคลื่อนที่อย่างไรอย่างนั้น ดวงตาพลันเป็นประกายอยู่ตลอด สุดท้ายอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำแนะนำดี ๆ ออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน น่าทึ่งที่คำแนะนำของเขานั้นไม่ซ้ำเลย

นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงป่าวชิงได้รับการปฏิบัติอย่างกระตือรือร้นจากคนอื่นแบบนี้ นางอดไม่ได้ที่จะครุ่นคิดในใจว่าการแต่งตัวให้ดี ๆ ไม่ใช่เพียงเพื่อดูดีอย่างเดียว เพราะถึงอย่างไร การดูแต่เปลือกนอกของคนอื่นก็เป็นข้อผิดพลาดของสังคมนี้

ขนาดพระพุทธรูปทองคำยังมีธูปบูชามากกว่าพระพุทธรูปธรรมดา นับประสาอะไรกับคนที่แต่งตัวดี มันก็ต้องมีคนสนใจชื่นชมมากกว่าคนที่แต่งตัวโกโรโกโสอยู่แล้ว

เจียงป่าวชิงซื้อเสื้อผ้าชุดเล็กสำหรับทารกมาสองสามชุด ถึงแม้นางจะไม่ได้จ่ายเงินไปมากนัก แต่เถ้าแก่ร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปยังคงมาส่งนางที่หน้าร้านด้วยท่าทีนอบน้อม

เจียงป่าวชิงส่ายหน้าเบา ๆ พลางเตรียมตัวไปที่ร้านหนังสือต่อ เพื่อซื้อพวกหมึกกับกระดาษให้กับเจียงหยุนชาน

ตอนที่เข้าไปในร้านหนังสือ เจียงป่าวชิงพบกับคนคนหนึ่งที่กำลังกอดกระดาษออกมานอกร้าน นางทักทายคนคนนั้น “อ๊ะ! ครูหวู่ซิ่วฉาย สวัสดีเจ้าค่ะ”

เขาคือครูหวู่ หรือหวู่ซิ่วฉาย ครูผู้เคยสอนเจียงหยุนชานตอนที่เจียงหยุนชานยังเรียนอยู่โรงเรียนในตัวเมือง

หวู่ซิ่วฉายเห็นเจียงป่าวชิงก็รู้สึกงุนงง คงเป็นเพราะเขามีภาพความทรงจำต่อเจียงป่าวชิงแต่ยังนึกไม่ออก ทว่าไม่นานเขาก็นึกออกว่านางคือใคร และสีหน้าดีใจก็ค่อย ๆ ถูกเผยออกมาทางใบหน้าที่เริ่มมีริ้วรอย “อ้อ ข้านึกออกแล้ว เจ้าคือน้องสาวของหยุนชานนี่เอง”

เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “ครูหวู่สบายดีนะเจ้าคะ ? พี่ชายของข้าเขาคิดถึงครูหวู่เสมอเลยเจ้าค่ะ”

หวู่ซิ่วฉายพยักหน้าอย่างดีใจ “ข้าสบายดี พรุ่งนี้ข้าว่าจะไปหาพี่ชายของเจ้าที่ชีหลี่โวอยู่พอดี แต่ข้ามาเจอเจ้าตอนนี้ก่อน ถ้าอย่างนั้นเจ้ากลับไปบอกพี่ชายเจ้าหน่อยก็แล้วกัน ข้าจะได้ไม่ต้องไปที่นั่น อายุข้ามากแล้ว ต่อให้นั่งรถก็เถอะ แต่เส้นทางในภูเขาสามารถขจัดชีวิตครึ่งหนึ่งของข้าได้เลยทีเดียวเชียวนะ”

ครูหวู่ยิ้ม

เจียงป่าวชิงพยักหน้า “ยินดีเจ้าค่ะ ครูหวู่ฝากข้อความมาได้เลย ข้าจะไปบอกเขาให้เอง”

“อืม พอจะพูดถึงเรื่องนี้ข้าก็ละอายใจอยู่พอสมควร การสอบระดับอำเภอเมื่อครั้งที่ผ่านมา ที่พี่ชายเจ้าสอบไม่ผ่านก็เป็นเพราะหานอิงฉี เขาคือนักเรียนที่ได้คะแนนอันดับหนึ่งของการสอบระดับอำเภอ แต่แน่นอนว่าเขากดดันผู้เข้าสอบคนอื่น ๆ รวมถึงพี่ชายเจ้าด้วย ข้าเดาในใจมาตลอดสำหรับเรื่องนี้ แต่เพราะกลัวจึงไม่กล้าส่งเสริมความเป็นธรรมให้กับพี่ชายเจ้า”

ความอับอายปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของหวู่ซิ่วฉาย ทว่าจากนั้นเขาก็ส่ายศีรษะพลางถอนหายใจอย่างต่อเนื่อง “เฮ้อ… ละอายใจ ข้าเป็นครูแท้ ๆ แต่ไม่ได้ช่วยลูกศิษย์อย่างเต็มที่ ข้าละอายใจจริง ๆ”

ตอนที่ขุนนางอำเภอฉือยังดำรงตำแหน่งอยู่ เอกสารการสอบของการสอบระดับอำเภอถูกควบคุมและเก็บไว้อย่างแน่นหนา เขาจึงไม่สามารถแตะต้องได้ หวู่ซิ่วฉายพยายามไปสืบเรื่องนี้แต่กลับถูกข่มขู่ว่าจะถูกไล่ออกจากโรงเรียน

หวู่ซิ่วฉายมีคนในครอบครัวที่ต้องดูแล เขาต้องพึ่งพางานและรายได้จากที่โรงเรียนเพื่อเลี้ยงทั้งครอบครัวจึงจำเป็นต้องกัดฟันทน

เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “ครูหวู่เจ้าคะ ครูสามารถพูดให้พี่ชายข้ากลับไปเรียนได้อีกครั้งในสภาพแวดล้อมแบบนั้น นั่นก็ถือว่าล้ำค่ามากแล้ว ครูไม่จำเป็นต้องโทษตัวเองเลยเจ้าค่ะ”

หวู่ซิ่วฉายส่ายหน้า เขาถอนหายใจก่อนจะพูดว่า “เฮ้อ! หลังจากที่ขุนนางอำเภอฉือเข้าคุก ข้าก็คิดหาวิธีที่จะดูสำเนาต้นฉบับของการสอบระดับอำเภอ และข้าพบว่าคนที่ได้อันดับหนึ่งคือหยุนชานอย่างเห็นได้ชัด เป็นขุนนางอำเภอฉือที่ใช้อำนาจของตัวเองในการสลับคะแนนของพี่ชายเจ้ากับหานอิงฉี… ทำให้พี่ชายเจ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างที่เห็น ไม่อย่างนั้น ด้วยความรู้ของพี่ชายเจ้า ตอนนี้เขาก็อาจจะสอบผ่านการสอบระดับจังหวัดไปแล้วก็ได้”

เมื่อเรื่องที่คาดเดาได้ตั้งนานแล้วได้รับการยืนยัน ในใจของเจียงป่าวชิงสงบมาก นางน้อมตัวให้หวู่ซิ่วฉายด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “ข้าขอบคุณที่ครูหวู่ช่วยเป็นธุระให้พี่ชายข้ามาโดยตลอดเจ้าค่ะ”

หวู่ซิ่วฉายส่ายหน้า “พี่ชายเจ้าเป็นหยก หากว่าถูกฝังไว้เพราะเหตุนี้ ข้าคงละอายใจและไม่สบายใจไปตลอดชีวิต ตอนนี้พอขุนนางอำเภอฉือเข้าคุก หานอิงฉีก็ลาออกเป็นธรรมดา สำหรับพวกผู้ติดตามของหานอิงฉีในอดีต ที่บ้านของพวกเขาก็มีการสมรู้ร่วมคิดกับขุนนางอำเภอฉือเช่นกันจึงมีส่วนเกี่ยวข้องไม่น้อย และคนที่มีชื่อเข้าคุกก็แทบจะลาออกไปแล้วทุกคน ข้าจึงอยากถามพี่ชายเจ้าว่าเขาเต็มใจกลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนหรือเปล่า ?”

……

เมื่อเจียงป่าวชิงกลับไปก็นำเรื่องนี้ไปบอกเจียงหยุนชาน แต่หลังจากที่เจียงหยุนชานได้ฟัง เขานิ่งสงบมาก ดูไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเป็นพิเศษ

เขาส่ายหน้า “เอ่อ… เรื่องมันผ่านไปนานแล้ว”

เจียงป่าวชิงถามเจียงหยุนชาน “พี่ ตกลงว่าพี่จะกลับไปเรียนที่โรงเรียนในอำเภออีกหรือเปล่าเจ้าคะ ?”

เจียงหยุนชานส่ายหน้า “ไม่แล้วล่ะ” เขาหยุดครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นก็ลุกขึ้นและตั้งใจพูดกับเจียงป่าวชิงว่า “ป่าวชิง เจ้าช่วยข้าดูฟ๋านฟ๋านสักครู่หนึ่งนะ ข้าจะไปคุยธุระกับครูหวู่ด้วยตัวเอง”

เจียงหยุนชานไม่ได้อธิบายให้เจียงป่าวชิงฟังว่าทำไมเขาถึงไม่กลับไปเรียนหนังสือที่โรงเรียนในตัวเมือง แต่เจียงป่าวชิงเข้าใจเขาเป็นอย่างดี

โรงเรียนในตัวเมืองรวมเอานักเรียนที่อ่านหนังสือและท่องกลอนเป็นไว้เป็นจำนวนมากที่สุดในอำเภอฉือเจีย เจียงหยุนชานคิดว่าการเรียนหนังสือมีไว้เพื่อความเข้าใจและนำเอาความรู้ที่ได้ไปใช้ต่อไป แต่พวกนักเรียนเหล่านั้นสูญเสียการยึดมั่นในคำพูดที่ว่า ‘คนมีความรู้ควรมีจากรากเหง้าของพวกเขา’ ไปเสียแล้ว

แม้ว่าหานอิงฉีจะใช้อำนาจบาตรใหญ่ในโรงเรียน แต่ในบรรดาพรรคพวกนักเรียนของเขา คนที่รู้จักเอาตัวรอดมีน้อยมาก น่าเศร้าที่แทบทุกคนเลือกสมรู้ร่วมคิดกับเขาเพื่อกระทำความชั่ว

เพราะเหตุนี้ โรงเรียนในตัวเมืองจึงเน่าตั้งแต่รากเหง้าแล้ว มันเน่าเสียจนแม้จะมีอาจารย์ที่จิตใจดีอย่างหวู่ซิ่วฉายอยู่ ก็ยังช่วยโรงเรียนที่เน่าจนไปถึงรากเหง้าแห่งนี้ไม่ได้

ตอนที่เจียงหยุนชานลาออก เขาเองก็รู้สึกผิดหวังกับโรงเรียนแห่งนี้มาก

เจียงป่าวชิงแตะใบหน้ากลมนุ่มนิ่มของเสี่ยวฟ๋านฟ๋านเบา ๆ “ฟ๋านฟ๋าน ถึงแม้ว่าพี่ชายของเราจะยังเป็นเด็กและยังอ่อนประสบการณ์อยู่ แต่เขากลับแน่วแน่มากกว่าผู้ใหญ่หลายคนซะอีกนะ”

……

ประสิทธิภาพด้านกำลังคนของกงจี้นั้นสูงมาก ไม่นาน รถบรรทุกหินและไม้ก็ถูกลากไปที่ชีหลี่โวคันแล้วคันเล่า และเริ่มดำเนินการสร้างบ้านใหม่แล้ว

เจียงป่าวชิงเลือกวันที่อากาศดีไปชีหลี่โว ตอนที่รถม้าผ่านตรงทางเข้าหมู่บ้าน นางเลิกม่านออกและได้สบตากับซุนต้าหูที่อยู่ริมถนนอย่างพอดิบพอดี

ตั้งแต่แยกจากกันที่ที่ว่าการอำเภอ เจียงป่าวชิงก็ไม่ได้เจอซุนต้าหูมาหลายวันแล้ว

ซุนต้าหูดูเหี่ยวเฉากว่าเมื่อก่อนมาก เขายังเป็นวัยรุ่นและอายุน้อยกว่ากงจี้เล็กน้อย แต่เขากลับดูเหมือนคนที่อายุสามสิบปีอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อซุนต้าหูเห็นเจียงป่าวชิง เขาก็สุดตื่นเต้น แต่แล้วสีหน้าของเขาเปลี่ยนกลายเป็นเย็นชาพลางรีบก้าวถอยหลังราวกับจะหลบลี้หนีหน้านางทำนองนั้น

เจียงป่าวชิงรีบสั่งให้คนบังคับรถม้าหยุดรถ นางเลิกม่านรถออกแล้วกระโดดลงจากรถอย่างว่องไว

“พี่ต้าหู!” เจียงป่าวชิงเรียกซุนต้าหูไว้

ซุนต้าหูหยุดฝีเท้าลง ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มให้เจียงป่าวชิงอย่างฝืน ๆ “ป่าวชิง ได้ยินว่าบ้านเจ้าถูกไฟไหม้ข้าจึงมาดู… ได้เห็นเจ้ายังอยู่ดีในตอนนี้ ข้าก็สบายใจแล้วล่ะนะ”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า “พี่ต้าหู ว่าแต่แผลของพี่ดีขึ้นแล้วหรือยังเจ้าคะ ?”

ซุนต้าหูพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ “หายดีตั้งนานแล้ว… ข้าหนังหนาน่ะ” เขามองเจียงป่าวชิงโดยที่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อดี แต่เขาก็ไม่กล้ามองนางอยู่ตลอดแบบนี้จึงต้องคิดหาหัวข้อสนทนา “ใช่แล้ว ต้าตงเขา… เขาเองก็ไม่เป็นอะไรแล้ว คุณนายหลูคนนั้นไม่สอบถามอะไร แล้วยังให้เงินเขาเพิ่มด้วยนะ ส่วนเรื่องโทษ เขาถูกตีเพิ่มห้าสิบไม้กระดาน ขุนนางอำเภอจู้ถึงจะยุติความผิดนี้”

เจียงป่าวชิงไม่ได้พูดอะไร คิด ๆ คำนวณดูแล้ว คุณนายหลูถือว่าเป็นแม่ยายของซุนต้าตง อันที่จริง ผลลัพธ์ของการจัดการนี้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลอยู่พอสมควร

แม่สาวเข็มเงิน

แม่สาวเข็มเงิน

Status: Ongoing
–เจียงป่าวชิง– ผู้สืบทอดรุ่นที่สี่สิบห้าแห่งตระกูลเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการฝังเข็ม ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทว่าแทนที่จะได้ไปฟังคำพิพากษาในยมโลก แต่โชคชะตากลับพัดพาให้วิญญาณของเธอไปเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวปัญญาอ่อนในชนบทแสนห่างไกล ไกลแสนไกลเสียจนความเจริญ ความศิวิไลซ์ กระทั่งความรู้ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบท….นิสัยเลวทรามสะเทือนขวัญของผู้คน…. ญาติพี่น้องร่วมตระกูลที่เห็นแก่ตัวและหวังแต่ผลประโยชน์ เด็กสาวอ่อนแอและพี่ชายเพียงหนึ่งเดียวจะรักษาชีวิตให้รอดปลอดภัย จากสถานการณ์ที่ไม่ต่างจากถูกรายล้อมด้วยฝูงหมาป่าแสนชั่วร้ายได้อย่างไร?หมาป่าที่จ้องมองด้วยสายตาหิวกระหาย เตรียมพร้อมฉีกทึ้งเนื้อหนัง ขย่ำเหยื่อตัวน้อย ๆอย่างพวกนางลงท้องทุกเวลา นางจะเปลี่ยนคมมีดให้เป็นเข็ม และใช้ปลายเข็มที่มีกระหน่ำแทง จนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกแสนบิดเบี้ยวใบนี้กลับกลายเป็นสิ่งวิจิตรตระการตา “……แต่ว่า คุณชายที่ป่วยคนนั้นน่ะ มาทางนี้ก่อนสิเจ้าคะ ข้าว่า…เรามาสะสางบัญชีที่ติดค้างไว้กันก่อนดีกว่า ! ……”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset