“กล้ามาก! พวกเจ้ากล้ามากนะ”
คนใช้ทั้งสองคนนอนร้องโหยหวนอยู่บนพื้น พวกเขาส่งเสียงดังมากจนคนที่ท่าทางเหมือนพ่อบ้านรีบเดินมาโก่งคอตวาดใส่พวกเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงเลิกม่านรถม้าออก นางยืนอยู่ในรถม้า ใช้สายตาแหลมคมมองพ่อบ้านคนนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “เจ้าเป็นใคร ? ทำไมพวกเราถึงต้องไม่กล้าด้วยเล่า ?”
คนบังคับรถม้ากำแส้ม้าในมือแน่นและมองพ่อบ้านอย่างไม่แยแส “ตอนที่พวกเขาหยาบคายใส่แม่นางเจียงของฝั่งเรา ไม่เห็นเจ้าจะออกมาพูดอะไรสักคำ ตอนนี้พอหมาที่ส่งเสียงเห่าน่ารำคาญถูกสั่งสอน เจ้ากลับกระโดดออกมาวิจารณ์อย่างหนักแบบนี้” จากนั้นเขาก็ชั่งน้ำหนักแส้ม้าในมือพลางกล่าว “ข้าว่าเจ้าเองก็คงอยากลิ้มรสแส้ม้าเส้นนี้ด้วยเช่นกันสินะ”
พ่อบ้านมองคนใช้ทั้งสองคนที่ร้องโหยหวนอยู่บนพื้นโดยไม่รู้ตัว เมื่อเขาเห็นสภาพน่าเวทนาของพวกคนใช้ ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหวาดกลัว แส้เส้นแค่นั้นบางเรียวเล็ก แต่กลับเฆี่ยนจนเสื้อผ้าของทั้งสองคนยุ่ยไปหมดได้ ทั้งยังมีเลือดซึมออกมาอีกด้วย
เห็นได้ชัดว่าลงมือเฆี่ยนอย่างรุนแรงมาก
ริมฝีปากของพ่อบ้านสั่นน้อย ๆ “เจ้า! เจ้านี่มันใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขู่คนอื่น! ไร้มารยาท! เลวทราม! สมแล้วที่เป็นพวกคนชนบทจน ๆ”
พ่อบ้านคนนี้ไม่ได้รู้เรื่องเลยว่าแส้ที่อยู่ในมือองครักษ์เส้นนี้เคยเจอเลือดมาก่อน และเคยคร่าชีวิตคนมาแล้ว พวกเขาสนใจสิ่งเหล่านี้เสียที่ไหนกัน
คนบังคับรถม้าแสยะยิ้มมุมปาก แต่สิ่งที่อยู่ลึกในดวงตาของพ่อบ้านกลับเป็นความหวาดกลัว
“พ่อบ้านหลู ช่างเถอะ นั่นคนรู้จักข้าเอง” เสียงนุ่มนวลพูดขึ้นเบา ๆ ใครคนหนึ่งที่แต่งกายดูดีมีฐานะเลิกม่านรถและเดินลงมาจากในรถม้า
เมื่อเจียงป่าวชิงเห็นก็รู้ว่าเป็นคนรู้จักจริง ๆ นั่นคือป๋ายรุ่ยฮัว
ตอนนี้ป๋ายรุ่ยฮัวเปรียบเสมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนเลยก็ว่าได้ ปิ่นปักผมสีทองอันงามปักอยู่บนศีรษะนาง กำไลข้อมือหยกอยู่บนข้อมือนาง และมีแหวนเพชรสองสามวงอยู่บนนิ้วมือของนางด้วย ซึ่งดูเป็นประกายวาวระยับมาก ราวกับนางต้องการสวมใส่สิ่งของหรูหราทั้งหมดเหล่านั้นให้คุ้ม
ไม่ใช่แค่เรื่องการแต่งกายเพียงอย่างเดียว ท่าทางที่ป๋ายรุ่ยฮัวทำตอนเดินเข้ามาหาเจียงป่าวชิงก็คล้ายกับกำลังพยายามเลียนแบบคุณนายหลู แต่คุณนายหลูอายุมากแล้ว อีกทั้งสุขภาพร่างกายยังอ่อนแอ เวลาเดิน ท่าทางของนางจึงปรากฏความอ่อนแอในแบบคนวัยกลางคนตอนปลาย
ป๋ายรุ่ยฮัวกำลังอยู่ในช่วงที่บานสะพรั่งแต่กลับเลียนแบบท่าทางของคนแก่ การที่นางเดินด้วยท่าทางขาดความมีชีวิตชีวาแบบนั้น ทำให้คนรู้สึกแปลกประหลาดยามที่ได้เห็น
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งกายหรือกิริยาท่าทาง ป๋ายรุ่ยฮัวก็ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
เห็นทีว่าป๋ายรุ่ยฮัวคงอยากแยกตัวออกจากตัวเองในอดีตแล้วเต็มทน
เจียงป่าวชิงมองไปทางด้านหลัง จากมุมของม่านรถที่เลิกออก นางสามารถเห็นคุณนายหลูที่อยู่ในรถกำลังลูบหลังเฟิ่งเอ๋อร์และมองป๋ายรุ่ยฮัวด้วยแววตารักใคร่
ป๋ายรุ่ยฮัวสังเกตเห็นสายตาของเจียงป่าวชิง ความรื่นรมย์พลันปรากฏขึ้นในดวงตาของนาง “เหอะ คิดไม่ถึงล่ะสิว่าข้าจะมีวันที่สวยงามแบบนี้เช่นกัน”
เจียงป่าวชิงมองป๋ายรุ่ยฮัวอย่างประหลาดใจ “อะไรของเจ้า ? อย่าบอกนะว่าที่เจ้ามาที่นี่ก็เพื่ออยากมาพูดเพียงแค่นี้ ?”
‘เจ้าแต่งกายดี มีชีวิตที่ดีแล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้า ?’ เจียงป่าวชิงคิด นางรู้สึกว่าป๋ายรุ่ยฮัวอาจจะสมองมีปัญหาไปแล้วก็ได้
ป๋ายรุ่ยฮัวเห็นเจียงป่าวชิงยังคงนิ่งเฉย คล้ายกับไม่ใส่ใจเรื่องที่นางร่ำรวยกลายเป็นคุณหนู จึงอดไม่ได้ที่จะเรียกเสียงเบา “เจียงป่าวชิง!”
เจียงป่าวชิงตอบกลับไปอย่างทนไม่ไหวแล้วเช่นกัน “อะไรล่ะ ตกลงว่าเจ้าอยากพูดอะไรกันแน่ ?”
ป๋ายรุ่ยฮัวสังเกตเจียงป่าวชิง จู่ ๆ นางก็หัวเราะออกมา “ได้ยินว่าเจ้าเกาะคุณชายคนนั้นได้แล้วหนิ แต่ทำไมคุณชายคนนั้นยังให้เจ้าใส่เสื้อผ้าที่เรียบง่ายเหมือนสาวใช้แบบนี้อีกล่ะ แล้วยังให้เจ้านั่งรถม้าเก่า ๆ นี่อีก ?”
คนบังคับรถม้าได้ยินเข้าก็ไม่พอใจทันที หญิงโง่เขลานางนี้กำลังใส่ร้ายนายท่านของเขาอยู่เห็น ๆ
นางรู้ไหมว่าราคาวัสดุผ้าบนตัวแม่นางเจียงนั้นมีราคาเท่าไหร่ ? เขายังไม่กล้าบอกเลยว่าหนึ่งหลาเท่ากับเท่าไหร่ เพราะมีเงินก็ใช่ว่าจะสามารถซื้อมันได้
ส่วนรถม้า ‘เก่า ๆ’ คันนี้ยิ่งแล้วใหญ่ ก็จริงอยู่ที่ภายนอกมันดูเก่า แต่หากว่าแน่จริง นางควรไปดูในรถม้าสิ ดูเสร็จแล้วถ้ายังกล้าบอกว่าเก่าได้อีก เขาก็จะยอมแพ้โดยสิ้นเชิง
หลังจากที่เจียงป่าวชิงงงงวยไปรอบหนึ่งแล้วก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “เจ้าไฟสุมขอนแบบนี้ ทำไม ? หรือว่าเจ้าสนใจอะไรแบบนี้ด้วยรึ ?”
คำพูดนี้แทงจุดเปราะบางในใจของป๋ายรุ่ยฮัวโดยสิ้นเชิง …ทำไมนางจะไม่สนใจ ?
เจียงป่าวชิงกับนางถือเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างน่าเวทนาในหมู่บ้านเหมือนกัน แต่เจียงป่าวชิงมีสิทธิ์อะไรมีชีวิตดีขึ้นเรื่อย ๆ อยู่คนเดียว เวลาผ่านไปก็ยิ่งราบรื่นมากขึ้น ไม่ว่าจะซุนต้าหูหรือคุณชายจากตระกูลร่ำรวยคนนั้น ต่างก็หันหน้าไปทางนางกันทั้งนั้น
แล้วนางล่ะ ? นางอุตส่าห์เกิดในครอบครัวขุนนาง เป็นบุตรสาวของครอบครัวมั่งมีและเติบโตขึ้นมาในชีวิตสุขสบาย แต่สวรรค์ไม่ยุติธรรมที่ให้พ่อค้าหาบเร่ลักพาตัวนางไปและขายนางไปในหมู่บ้านบนภูเขาให้เป็นสะใภ้ของคนอื่น เพื่อที่จะเหลือเมล็ดพันธุ์ให้ตระกูลป๋าย นางได้ประสบพบเจอกับสิ่งสกปรกโสมมและน่าขยะแขยงมานับไม่ถ้วน
นางจะทำอะไรได้ ?
ป๋ายรุ่ยฮัวในตอนนั้นสิ้นหวังจนคิดว่าตัวเองต้องเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิต ทว่าตอนที่นางกำลังมีความรู้สึกสนใจในตัวซุนต้าหูและคิดที่จะใช้ชีวิตกับเขา พวกญาติ ๆ ของตระกูลป๋ายกลับต้องการขายและจับนางแยกกับเฟิ่งเอ๋อร์ ไม่ว่านางจะขอร้องอ้อนวอนซุนต้าหูอย่างไร เขากลับไม่ยอมช่วยเพราะในใจเขามีเจียงป่าวชิง สุดท้ายนางทำได้เพียงแต่งงานกับไอ้กากเดนอย่างซุนต้าตง
โชคยังดีที่สวรรค์มีตาพัดพาให้แม่แท้ ๆ ของนางมาเจอกับนาง ซึ่งนางกำลังคืนสู่ชีวิตสุขสบายที่ควรเป็นของนางตั้งแต่แรก แต่เจียงป่าวชิง ทำไมนางถึงไม่มีร่องรอยของความอิจฉาในดวงตาเลยล่ะ ?!
สีหน้าของป๋ายรุ่ยฮัวบิดเบี้ยวแทบจะในทันที
เป็นคนชีวิตอาภัพเหมือนกัน แต่ทำไมสวรรค์ถึงได้ไม่ยุติธรรมกับนางเช่นนี้ สวรรค์ให้สิทธิพิเศษกับเจียงป่าวชิงอยู่คนเดียวแบบนั้นได้อย่างไร ?!
คุณนายหลูเห็นป๋ายรุ่ยฮัวไม่พูดอะไรอยู่สักพักจึงเกิดความเป็นห่วงในใจ นางจับข้อมือแม่นมโจเพื่อพยุงตัวเองลงจากรถ แล้วก้าวยาว ๆ ไปหาป๋ายรุ่ยฮัว “ชิงชิง เจ้าเป็นอะไรไปหรือ ?”
ชิงชิงคือชื่อเล่นในวัยเด็กของป๋ายรุ่ยฮัว คุณนายหลูยืนกรานที่จะเรียกชื่อนี้ ราวกับว่าลูกสาวของนางไม่เคยไปจากนางเลยในช่วงสิบปีที่ผ่านมา
ป๋ายรุ่ยฮัวเก็บสายตาไม่ยอมแพ้ที่ปรากฏขึ้นในนัยน์ตาด้วยความโกรธเคือง ตอนที่นางหันไปมองคุณนายหลู นางก็ได้ทำท่าทางน่าสงสารเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ท่านแม่เจ้าคะ แม่นางเจียงคือคนรู้จักของข้า แต่นางเจอคนไม่ดีและตามคุณชายจากที่อื่นไป ตอนนี้เมื่อข้าเจอนาง ก็กลัวว่านางจะถูกหลอกจึงตั้งใจพูดกำชับนางโดยเฉพาะเจ้าค่ะ”
คุณนายหลูอดรู้สึกไม่ได้ว่าแม้ลูกสาวของนางต้องทนทุกข์ทรมานมาหลายปี แต่นิสัยของลูกสาวนางยังดีอยู่ไม่เสียผู้เสียคน ป๋ายรุ่ยฮัวยังคงมีจิตใจดีเห็นแก่ผู้อื่น สมแล้วที่เป็นลูกสาวของนาง ทว่าจากนั้นนางก็มีความรู้สึกดูถูก ‘แม่นางเจียง’ คนรู้จักของลูกสาวอยู่เล็กน้อย
เด็กสาว ๆ ที่ถูกพวกคุณชายหลอก นางเห็นมาเยอะแล้ว ไม่มีอะไรนอกจากโลภในเงินทองของคนอื่นถึงได้ทิ้งศักดิ์ศรีหนีตามผู้ชายไปโดยที่ไม่มีแม่สื่อมาสู่ขออย่างนั้น แต่คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคุณชาย ส่วนมากมักเป็นพวกอันธพาลที่แต่งตัวให้เหมือนคุณชายจากตระกูลร่ำรวย แล้วออกมาหลอกเด็กสาวที่ผ่านโลกยังไม่มากไปทำเรื่องใต้ผ้าห่มกัน
สุดท้าย เมื่อเด็กสาวพวกนั้นเสียตัวก็จะถูกทอดทิ้ง เส้นทางในภายภาคหน้าน่ารันทดเพียงใด นางไม่อยากพูดเลย
สายตาของคุณนายหลูไปหยุดอยู่ที่เจียงป่าวชิง ทว่าพอชายตามองเพียงน้อยนิด เดิมทีใบหน้าของคุณนายหลูที่มีความดูถูกแฝงปนอยู่ก็แข็งทื่อไปทันที
นางมองไม่ผิดใช่ไหม ? วัสดุผ้าที่ใช้ตัดเย็บชุดที่แม่หนูคนนี้ใส่อยู่มัน… เอ่อ…
คุณนายหลูยื่นมือออกไปหาเจียงป่าวชิงอย่างลืมตัว คล้ายกับอยากจับเสื้อผ้าของเจียงป่าวชิงเพื่อยืนยันการคาดเดาในใจ
เจียงป่าวชิงก้าวถอยหลังเล็กน้อยพลางหลบหลีกมือของคุณนายหลูและขมวดคิ้วพูดขึ้น “คุณนายหลู มีอะไรเราพูดกันดี ๆ ก็ได้เจ้าค่ะ ไม่เห็นจำเป็นต้องลงไม้ลงมือแบบนี้เลย”