เหมือนกับว่าคุณนายหลูจะตระหนักได้ถึงการลืมตัวของตัวเอง นางฝืนยิ้มเพื่อบรรเทาความเก้อเขิน
ป๋ายรุ่ยฮัวเรียกท่านแม่ของนางอย่างนุ่มนวล แล้วเข้าไปพยุงคุณนายหลูอย่างเอาใจ “ท่านแม่เป็นอะไรหรือเปล่าเจ้าคะ ? รู้สึกไม่สบายตรงไหน ?”
ในใจคุณนายหลูนิ่งสงบมาก หลังจากที่นางหาลูกสาวคนนี้พบ ส่วนหนึ่งของชีวิตที่นางเคยเสียใจมาโดยตลอด ก็ถือได้ว่าไม่ขาดตกบกพร่องอะไรแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลูกสาวที่ทั้งว่านอนสอนง่ายและเอาใจใส่คนนี้เลย เพียงแต่ลูกสาวของนางเคยใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ทำให้นางนึกสงสารลูกสาวเป็นอย่างยิ่ง
“ไม่เป็นอะไร…” คุณนายหลูตีแขนลูกสาวเบา ๆ พลางมองเจียงป่าวชิง ทว่าตอนนี้สีหน้าของนางที่มองเจียงป่าวชิงกลับมีความระมัดระวังอยู่เล็กน้อย
เมื่อสักครู่ นางไม่ทันได้คาดคิดว่าจะมาเห็นวัสดุผ้าดี ๆ ที่ในชนบทแห่งนี้ ต่อให้เป็นคนที่มีความรู้เกี่ยวกับผืนผ้า เมื่อมาเจอกับวัสดุนี้ก็อาจจะคิดว่าเป็นวัสดุผ้าที่มีเงินก็ไม่สามารถซื้อได้ แต่บังเอิญว่านางรู้มากกว่าคนอื่นอยู่หน่อย ๆ
วัสดุผ้านี้ อีกทั้งรอยนี้ ไม่ใช่ว่าควรอยู่ในมือของคนคนนั้นหรอกรึ ?
แต่ทว่าในชนบทแห้งแล้งแห่งนี้ คนที่แต่งกายเรียบง่ายจะมีความเกี่ยวพันกับคนคนนั้นได้อย่างไร ?
คุณนายหลูมีคำถามผุดอยู่ในศีรษะเต็มไปหมด นางตัดสินใจถามเจียงป่าวชิงอย่างระมัดระวัง “แม่หนู เจ้าคือใครนามว่าอะไรหรือ ?”
ป๋ายรุ่ยฮัวพูดแทรกขึ้นมาจากด้านข้าง “ท่านแม่เจ้าคะ นางเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันกับข้า และเป็นคนที่น่าสงสารมาก ก่อนหน้านี้นางปัญญาอ่อนมาหลายปี แล้วยังถูกให้แต่งงานกับคนง่อยอีกด้วย แต่นางหนีกลับมาด้วยตัวเอง ตอนหลังถึงได้หายเป็นปกติเจ้าค่ะ”
คนง่อยอย่างนั้นรึ ? คุณนายหลูใจกระตุกทันที
ไม่ ไม่ใช่สิ ได้ยินว่าเด็กหนุ่มคนนั้นหายตัวไปเป็นเวลานานแล้ว ไม่แน่อาจตายเพราะพิษไปแล้วก็ได้ อีกอย่าง การที่เด็กหนุ่มคนนั้นเดินไม่ได้ ก็ใช่ว่าจะบอกได้เต็มปากเต็มคำว่าเขาเป็นคนง่อย
และถึงแม้เด็กหนุ่มคนนั้นจะประสบพบเจอกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่และมีนิสัยที่เปลี่ยนไป แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร ในกระดูกของเขาก็คือคนสูงศักดิ์ผู้เย่อหยิ่งอยู่ดี เหตุใดถึงมาเกี่ยวพันกับหญิงสาวชนบทคนนี้ได้ล่ะ ?
คุณนายหลูพยายามสงบสติอารมณ์ ตอนที่นางมองเจียงป่าวชิง ก็สังเกตเจียงป่าวชิงอย่างละเอียด “สาวน้อย เจ้าช่างเป็นคนที่น่าสงสารจริง ๆ เลยนะ”
เจียงป่าวชิงยิ้มแย้ม “สะใภ้ตระกูลป๋ายนี่ช่างจิตใจดีจริง ๆ ทุกครั้งที่เจอคนสอบถามเรื่องของข้า เจ้าก็มักจะหยิบยกเรื่องในอดีตของข้าขึ้นมาพูดทุกทีไป เจ้าคงกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้จักข้าดีพอล่ะสิท่า”
ป๋ายรุ่ยฮัวก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ก็เพื่อให้คนอื่นรู้ว่าเจ้าเป็นคนมีชีวิตอาภัพ เพื่อที่พวกเขาจะได้เห็นใจอยากดูแลเจ้ายังไงล่ะ น้องป่าวชิง เจ้ากำลังโทษข้าหรือ ?”
คุณนายหลูเองก็รู้สึกว่าเจียงป่าวชิงทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ จึงปกป้องลูกสาวอย่างร้อนรน นางเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “สาวน้อย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตของเจ้า ลูกสาวของข้าไม่ได้พูดโกหกสักหน่อย เป็นข้าเองที่เริ่มถามถึงก่อน นางจึงตอบไม่กี่คำก็เท่านั้น ทำไมเจ้าต้องทำท่าทางแบบนี้ด้วยล่ะ ?”
เจียงป่าวชิงเจอสองแม่ลูกร่วมมือกันทำเรื่องไร้ยางอาย แต่นางไม่ได้โกรธอะไร ทำเพียงพูดยิ้ม ๆกลับไปเท่านั้น “ใช่ นั่นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตจริง ๆ คุณนายหลูพูดได้มีเหตุผลมาก งั้นต่อไป ถ้ามีคนถามเรื่องของสะใภ้ตระกูลป๋าย ข้าก็จะเล่าเกี่ยวกับชีวิตน่าเวทนาที่ผ่านมาของสะใภ้ตระกูลป๋าย เพื่อให้คนอื่นได้รู้ว่าสะใภ้ตระกูลป๋ายมีชีวิตที่อาภัพแค่ไหน พวกเขาจะได้เห็นอกเห็นใจอยากดูแลสะใภ้ตระกูลป๋ายยังไงล่ะ”
ป๋ายรุ่ยฮัวกับคุณนายหลูเปลี่ยนสีหน้าทันที
นี่คือความเจ็บปวดทั้งชีวิตของนาง ไม่คิดเลยว่าจะถูกหยิบยกออกมานินทากาเลแบบนี้ คุณนายหลูโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ นางตวาดขึ้นเสียงดัง “สาวน้อยอย่างเจ้าจิตใจโหดเหี้ยมจริง ๆ ลูกสาวข้าประสบเคราะห์ร้ายแบบนี้ เจ้ายังหยิบยกออกมาพูดอีก หน้าตาสวยสะอาดซะเปล่า ข้างในกลับสกปรกโสมม!”
ในเมื่อกล้าด่ามาขนาดนี้ เจียงป่าวชิงจึงหยิบยกคำพูดเมื่อสักครู่ของคุณนายหลูมากระแทกหน้านางเสียเลย “อ้าว นี่ต่างก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตของลูกสาวคุณนายทั้งนั้น ข้าไม่ได้พูดโกหกสักหน่อย ก็ถ้าคนอื่นถามถึง ข้าก็จะตอบไม่กี่คำก็เท่านั้น ทำไมคุณนายหลูต้องโกรธขนาดนั้นด้วย ? อีกอย่าง ถ้าหากจะบอกว่าสกปรกโสมม ก็เป็นลูกสาวของคุณนายก่อนนั่นแหละที่ทำแบบนี้กับข้าก่อน”
คุณนายหลูโมโหจนมึนศีรษะ ป๋ายรุ่ยฮัวที่อยู่ด้านข้างสังเกตเห็นสีหน้าท่านแม่ของนาง นางจึงรีบเข้าไปพยุงพร้อมทั้งพูดขึ้นเสียงเบา “ท่านแม่ไม่จำเป็นต้องไปเถียงกับหญิงสาวชนบทแบบนี้หรอกเจ้าค่ะ นางน่ะฝีปากดีและเก่งในเรื่องเถียงข้าง ๆ คู ๆ ที่สุด”
เจียงป่าวชิงหูไวตาไวจึงได้ยินเป็นธรรมดา นางพูดขึ้นยิ้ม ๆ “แหม คำพูดของสะใภ้ตระกูลป๋ายน่าสนใจมากนะ พูดด้วยเหตุผลสู้ข้าไม่ได้ จึงบอกว่าข้าฝีปากดี เก่งในเรื่องเถียงข้าง ๆ คู ๆ พวกเจ้าสองแม่ลูกนี่สมกับที่เป็นแม่ลูกกันจริง ๆ ตัวเองทำอะไรก็ไม่ผิดแต่พอคนอื่นจะทำอะไรก็ห้ามไปหมด เหอะ นี่ควรเป็นชะตากรรมของแม่ลูกที่บันทึกไว้บนหินซานเชิงของชาติที่แล้วจริง ๆ”
เด็กผู้หญิงคนนี้ช่างยั่วช่างยุให้คนอื่นเกลียดดีแท้!
คุณนายหลูสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสงบจิตสงบใจก่อนจะทำเป็นพูดขึ้นนิ่ง ๆ “ก็ได้ ถือซะว่าลูกสาวของข้าพลั้งปากไปเมื่อสักครู่ และนางไม่ควรพูดเช่นนั้น ถ้าอย่างนั้นเรื่องนี้เราจะไม่พูดถึงกันชั่วคราว”
คุณนายหลูชี้คนใช้ทั้งสองที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้น “ว่าแต่นั่นล่ะ พวกเขาทำผิดอะไร ก็แค่มาเจรจากับพวกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องรถเท่านั้น ทำไมถึงกับต้องลงไม้ลงมือกับพวกเขาเช่นนี้ด้วย ?!”
เจียงป่าวชิงเก็บรอยยิ้มพลางพูดขึ้นนิ่ง ๆ โดยไม่มองคนใช้ทั้งสองที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นแม้แต่น้อย “ทำไมถึงกับต้องทำอย่างนั้นรึ ? ถ้ามาได้ ข้ากลับเห็นว่าสมควรลงโทษมาก”
“เจ้า!” คุณนายหลูชี้เจียงป่าวชิง นางโกรธจนหายใจไม่ทันเลยทีเดียว
ป๋ายรุ่ยฮัวลูบหลังคุณนายหลู ปากก็เอาแต่ตำหนิเจียงป่าวชิง “น้องป่าวชิง ข้ารู้ว่าเจ้าเข้าใจข้าผิด แต่เจ้าก็ไม่ควรทำให้ท่านแม่ของข้าต้องโกรธแบบนี้ ท่านแม่ข้าอายุเยอะแล้ว สุขภาพร่างกายของนางไม่ค่อยดี ถ้าเจ้าไม่พอใจอะไรก็มาลงที่ข้าก็ได้ อย่าไปลงที่ท่านแม่ข้า”
“ชิงชิง!” คุณนายหลูมองป๋ายรุ่ยฮัวด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ ลูกสาวของนางช่างเป็นปุยฝ้ายเล็ก ๆ ที่เอาใจใส่คนเป็นมารดาดีจริง ๆ
เจียงป่าวชิงปรบมือด้วยสีหน้าเย็นชา “แหม ช่างเป็นแม่ลูกที่รักกันมากจริง ๆ แล้วพวกเจ้าได้ยินที่พวกเขาสองคนพูดเมื่อสักครู่หรือเปล่าล่ะ ? ข้าขอถามหน่อยเถอะ”
เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย จู่ ๆ นางก็เผยรอยยิ้มงดงามแบบคนฉลาดออกมาให้เห็น “พวกเขาบอกว่าข้าไม่มีแม่ให้สั่งสอน คุณนายหลูว่าตลกไหมที่คนใช้บ้านคุณนายหยิบยกจุดเจ็บปวดของคุณนายกับลูกสาวคุณนายมาทิ่มแทงคนอื่นแบบนี้!”
สีหน้าคุณนายหลูทั้งเขียวทั้งซีดผสมกัน นางรู้สึกโกรธเจียงป่าวชิงมากขึ้นเรื่อย ๆ และอดไม่ได้ที่จะโมโหคนใช้สองคนนั้นด้วย
ชิงชิงของนางถูกบังคับให้ต้องแยกจากนางตั้งแต่ยังเล็ก นี่ก็เท่ากับว่า ‘แม่ไม่ส่งสอน’ ไม่ใช่รึ ?
นี่คือจุดเจ็บปวดในใจของคุณนายหลู แต่คนใช้สองคนนี้กลับหยิบยกออกมาพูดอย่างกำเริบเสิบสาน
แม่นมโจที่อยู่ด้านข้างตัดสินใจพูดขึ้นอย่างเร็ว “ใครก็ได้มาลากไอ้คนเลวสองคนนี้ออกไปที กลับไปค่อยลงโทษพวกมันพร้อมกัน”
เมื่อสักครู่นางไม่ได้พูดมาตลอด เพราะนางไม่อยากแย่งความสนใจจากคุณหนู จะได้ให้คุณหนูกับคุณหญิงได้ปลูกฝังความสัมพันธ์ด้วยกัน แต่ตอนนี้เห็นทีว่าไม่พูดไม่ได้แล้ว
ไม่นานก็มีคนใช้อีกสองคนมาลากตัวคนใช้ที่นอนหมดสภาพอยู่บนพื้นออกไป
ตอนนี้ถือได้ว่าคุณนายหลูเสียหน้าอย่างสิ้นเชิง แต่เจียงป่าวชิงที่เป็นตัวการทำให้คุณนายหลูเสียหน้ากลับยังคงยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามอย่างแน่วแน่ นางกำลังมองพวกนางราวกับดูละครเรื่องสนุกอย่างไรอย่างนั้น
ป๋ายรุ่ยฮัวเห็นสีหน้าของคุณนายหลูไม่ค่อยดีนัก จึงประคองแขนท่านแม่ของตัวเองด้วยสภาพที่เส้นเอ็นนูนขึ้น นางรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็วว่า “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านสุขภาพไม่ค่อยดี ยังไงก็กลับไปพักในรถก่อนเถอะค่ะ”
คุณนายหลูชำเลืองมองเจียงป่าวชิง นางพูดกับป๋ายรุ่ยฮัวเสียงเบา “ชิงชิง เด็กคนนั้นฝีปากเฉียบแหลม แต่เจ้าอ่อนโยนและจิตใจดี เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางหรอก เราไม่ต้องสนใจนาง ปล่อยนางไปเถอะ”