ช่างชือจื่อถูกเลี้ยงดูอย่างสูงส่งในตระกูลช่างมาโดยตลอด นางไม่เคยต้องเจออะไรแบบนี้มาก่อน
ถึงอย่างไรก็เป็นร่างกายของคุณหนูที่เพิ่งหายจากไข้หวัด ตอนที่ช่างชือจื่อวิ่งมาถึงในบ้านของเจียงป่าวชิง นางก็ยืนแทบไม่นิ่งอยู่แล้ว แต่นางกลับเห็นเจียงป่าวชิงที่อยู่ในบ้าน
เจียงป่าวชิงสวมเสื้อคลุมคลุมร่าง มีกระถางไฟวางอยู่ตรงหน้านาง และมีเสื้อผ้าสองสามชุดวางไว้อยู่บนแขน นางกำลังโยนเสื้อผ้าเหล่านั้นลงไปในกระถางไฟอย่างช้า ๆ
……
สิ่งที่เจียงป่าวชิงกำลังเผาคือพวกเสื้อผ้าที่กงจี้จัดเตรียมไว้ให้นาง
ตอนที่เจียงหยุนชานกลับมาจากชีหลี่โว เขาก็เล่าให้เจียงป่าวชิงฟังด้วยความดีใจเกี่ยวกับความคืบหน้าของบ้านที่กำลังสร้างใหม่ เขาบอกว่าใกล้เสร็จแล้ว ชั้นวางองุ่นในสวนได้รับการซ่อมแซมใหม่แล้ว และสลักชิงช้าไว้ในลานบ้านตามคำสั่งของเจียงป่าวชิงด้วยเช่นกัน ในห้องก็ซ่อมเสร็จแล้วซึ่งสว่างไสวดูดีมาก เครื่องเรือนข้างในทำจากไม้ต้นหลิวชั้นดี มันอยู่ในขั้นตอนจัดแต่งให้ลงตัว
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “งั้นช่วงนี้เราจัดเก็บของที่อยู่ที่นี่ให้เรียบร้อย แล้วรีบย้ายบ้านโดยเร็วที่สุดดีกว่าเจ้าค่ะ เพราะถึงยังไงการอาศัยอยู่กับคนอื่น คงไม่รู้สึกสบายใจเท่าอยู่บ้านตัวเองหรอกเจ้าค่ะ”
เจียงหยุนชานเห็นด้วย เขาจ้องเจียงป่าวชิงเป็นเชิงบังคับให้นางกินยาต้มให้หมด จากนั้นเขาถึงจะกลับไปที่ห้องของตัวเองและเริ่มเก็บของที่มี
เจียงป่าวชิงเรียกป้าที่กำลังทำความสะอาดอยู่ในลานบ้าน ให้นำเสื้อผ้าที่นางจัดเก็บก่อนหน้านี้ไปส่งคืนให้กงจี้ทั้งหมด
แต่เวลายังผ่านไปไม่เท่าไหร่ ป้าที่ทำความสะอาดก็นำเสื้อผ้ากลับมาให้เจียงป่าวชิงด้วยสีหน้าหวาดหวั่น นางบอกว่านายท่านปาถ้วยชาลงบนพื้นแล้วบอกกับนางว่าสิ่งของที่เขาให้ใครไปแล้วนั้นไม่เคยต้องการเอากลับมา และให้เจียงป่าวชิงจัดการได้ตามอำเภอใจ
เจียงป่าวชิงหัวเราะเยาะตัวเอง ก็ใช่ ต่อให้วัสดุผ้าจะดีมากเพียงใด ถึงอย่างไรมันก็เคยถูกใส่มาก่อน เขาจะรับมันไว้อีกได้ยังไงล่ะ ?
เป็นนางที่คิดพิจารณาไม่รอบคอบเอง
ด้วยเหตุนี้เอง เจียงป่าวชิงจึงเลือกเวลาเงียบสงบในตอนกลางคืนเพื่อหากระถางไฟมาหนึ่งกระถาง ตั้งใจจะเผาเสื้อผ้าพวกนี้ในลานบ้าน ต่างฝ่ายจะได้รู้สึกสบายใจ
แต่ใครจะรู้ว่าตอนที่กำลังเผาเสื้อผ้าอยู่ กลับมีคนมาหาถึงที่บ้านเช่นนี้
……
ช่างชือจื่อขยับเข้าใกล้แสงไฟ นางจำลวดลายของผ้านี้ได้ คุณหนูอย่างนางสามารถจดจำวัสดุอันล้ำค่าส่วนใหญ่ได้อย่างรวดเร็ว
นางไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นผ้าสองฤดู!
ที่แท้ ก่อนหน้านี้หลิงเฟิ่งไม่ได้มองพลาดไป ไอ้คนชั้นต่ำนี้มีผ้าสองฤดูอยู่จริง ๆ
ความริษยากัดกร่อนหัวใจของช่างชือจื่อราวกับแมลงมีพิษกัดนาง นางเดินไปข้างหน้า มองเสื้อผ้าที่ยังคงถูกเผาอยู่ในกระถางไฟ ทันทีที่นางเห็นลวดลายของผ้าสองฤดูได้อย่างราง ๆ นางก็แสนปวดใจ “นี่เจ้า… เจ้า…”
นางชี้เจียงป่าวชิง ได้แต่อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ หาคำพูดมาบรรยายความริษยากับความเกลียดชังในใจไม่ได้ไปชั่วขณะ
ไม่คาดคิดว่าเจียงป่าวชิงจะเผาเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าสองฤดูเช่นนี้!
นี่ไม่ใช่การตบหน้านางทั้งเป็นหรอกรึ ? ก็ดูสิ ผ้าที่ไม่สามารถหามาได้ง่าย ๆ นางคนชั้นต่ำกลับโยนลงไปในกระถางไฟอย่างไม่เห็นคุณค่า ซ้ำร้ายยังมองดูเปลวไฟกลืนกินมันจนเกือบหมด เปลี่ยนมันให้เป็นกองขี้เถ้า
“นางผู้หญิงโง่!” ช่างชือจื่อด่าอย่างลืมตัว “เจ้ารู้หรือเปล่าว่านี่คืออะไร ?!” น้ำเสียงของช่างชือจื่อเปลี่ยนเป็นเฉียบแหลม สีหน้าของนางบูดบึ้งเล็กน้อย “นี่คือผ้าสองฤดู มันคือผ้าสองฤดูเลยเชียวนะ! หมอหญิงชั้นต่ำอย่างเจ้ารู้หรือเปล่าว่ามีเงินก็ใช่ว่าจะสามารถได้วัสดุผ้าแบบนี้มาครอบครอง เจ้าดันเผามันทิ้ง!!!”
ช่างชือจื่อโกรธแบบนี้ ทำให้เจียงป่าวชิงเข้าใจผิดมากกว่าเดิม นางคิดว่ากงจี้จัดเตรียมเสื้อผ้าพวกนี้ให้ช่างชือจื่อมาโดยตลอด ตัวนางก็แค่บังเอิญได้ใส่มันเท่านั้น ตอนนี้เจ้าของตัวจริงมาหานางถึงที่นี่แล้ว แม้นางจะไม่รู้สึกขาดความมั่นใจในตัวเอง แต่นางก็เป็นฝ่ายผิดที่ไม่สามารถอธิบายอะไรได้
นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงป่าวชิงเงียบเมื่อต้องเผชิญกับคำตำหนิของผู้อื่น
ช่างชือจื่อโกรธมากขึ้นเรื่อย ๆ นางกระชากเสื้อผ้าที่อยู่ในอ้อมแขนของเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงเองก็ปล่อยให้นางกระชากไป เพียงแต่ว่าตอนนี้นางยังคงป่วยหนัก และน้ำค้างตอนกลางคืนก็มีมากทำให้ความเย็นยงคงทำร้ายสุขภาพ เดิมทีนางไม่ค่อยคล่องแคล่วอยู่แล้ว เมื่อช่างชือจื่อกระชาก นางก็ยืนไม่นิ่ง เสียหลักเซล้มลงไปบนพื้นทันที
ช่างชือจื่อกำผ้าพวกนั้นแน่น และชี้หน้าด่าเจียงป่าวชิง “พอได้แล้ว ที่นี่ไม่มีคนอื่น เจ้าเองก็ไม่ต้องเสแสร้งแล้วแหละ! ตกลงว่าเจ้าพูดอะไรต่อหน้าพี่ชายกงกันแน่ ถึงได้ทำให้พี่ชายกงไล่ข้ากลับในวันพรุ่งแบบนั้น เจ้าคิดได้ว่าข้าจะมาคิดบัญชีกับเจ้า ตอนนี้เจ้าจึงจงใจเผาผ้าสองฤดูพวกนี้ในลานบ้านเพื่อยั่วให้ข้าโกรธใช่ไหมเล่า ไอ้คนชั้นต่ำ!”
บนเส้นทางเล็ก ๆ ในลานบ้านปูด้วยหินชิ้นเล็กชิ้นน้อย เจียงป่าวชิงล้มลงอย่างกะทันหัน นางเอามือยันพื้นไว้ มือของนางจึงถูกหินแหลมแทงจนเกิดแผลมากมาย ถึงแม้ร่างกายของนางจะทนเจ็บไม่ได้ ตอนนี้นางกลับอดกลั้นโดยที่ไม่ส่งเสียงอะไรออกมา
เจียงป่าวชิงตระหนักได้ว่านางใจลอยเล็กน้อย นางกำลังคิดว่าทำไมกงจี้ถึงต้องส่งช่างชือจื่อกลับด้วย ?
ทำไมกัน ?
เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอยู่สักครู่ก็ยังหาต้นสายปลายเหตุไม่เจอ ช่างชือจื่อที่อยู่ฝั่งตรงข้ามร้องไห้อย่างน้อยใจ ราวกับว่านางเป็นคนที่ถูกรังแกอย่างไรอย่างนั้นเลย
ช่างเถอะ เรื่องของคนอื่น ใช่ว่านางอยากจะสนใจนักหนิ
เจียงป่าวชิงลุกขึ้นจากบนพื้นช้า ๆ ถือโอกาสดึงเศษหินที่แทงอยู่ในฝ่ามือออกด้วย
“พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันแน่ ?”
กงจี้เดินก้าวยาว ๆ มาจากบ้านของเขา สีหน้าเขาเคร่งขรึม เขาเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ทั้ง ๆ ที่เขาตัดสินใจแล้วว่าจะไม่สนใจเรื่องของเจียงป่าวชิงอีก แต่เมื่อได้ยินว่าน้องสาวที่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรของเขาวิ่งแจ้นมาสร้างความวุ่นวายให้เจียงป่าวชิงอีกแล้ว เท้าของเขาก็ดูเหมือนจะมีเจตจำนงของตัวเอง มันพาเขาก้าวไปทางบ้านของเจียงป่าวชิงทันที
กงจี้สีหน้าเย็นชา ตอนที่เขาเดินมาที่นี่ เขาครุ่นคิดในใจว่าเจียงป่าวชิงจะต้องวางยาพิษใส่ขาของเขาอย่างแน่นอน
เป็นเวลานานกว่าเขาจะเข้าใจว่าเจียงป่าวชิงไม่ได้วางยาพิษแค่ที่ขาของเขาเท่านั้น ยังมีที่หัวใจของเขาด้วย…
เจิ้งหนานชำเลืองมองอยู่ที่ด้านหลัง เขาครุ่นคิดในใจว่าเขาเชิญนายท่านมาแล้ว ต่อให้คุณหนูช่างจะปล้ำผีลุกปลุกผีนั่งอย่างไร นางก็คงรังแกแม่นางเจียงไม่ได้แล้ว
เมื่อช่างชือจื่อเห็นว่ากงจี้มาที่นี่ นางก็ร้องไห้ต้องการโถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของกงจี้
เมื่อครั้งแรกที่เจอกัน ช่างชือจื่อโถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดกงจี้ ซึ่งตอนนั้นกงจี้คิดไม่ถึงว่าช่างชือจื่อจะหนีออกจากบ้านและแอบมาหาเขาที่นี่ ประกอบกับเขาเองก็ไม่ได้เจอกับญาติทางฝั่งของท่านย่านานแล้ว ตอนนั้นเขากำลังระลึกถึงชั่วขณะจึงไม่ได้เตรียมการหลบหลีกอะไร
ขณะนี้ กงจี้ที่ไม่ชอบให้คนอื่นแตะตัวเขาที่สุดจะปล่อยให้ช่างชือจื่อโถมตัวเข้าใส่ในอ้อมกอดของเขาได้อย่างไร
กงจี้เอียงตัวเล็กน้อย ช่างชือจื่อคว้าได้เพียงอากาศและเกือบล้มลงไปบนพื้นอยู่แล้ว
ช่างชือจื่อตกตะลึงตาค้าง ลึกในดวงตาของนางยังคงมีน้ำตา แต่นางกลับลืมร้องไห้ไปชั่วขณะ “พี่ชายกง…”
กงจี้กลับขมวดคิ้วมุ่น “ดึก ๆ ดื่น ๆ ไม่หลับไม่นอน วิ่งแจ้นมาทำอะไรที่นี่ ?”
พูดถึงเรื่องนี้ ช่างชือจื่อก็นึกถึงเรื่องที่ว่ากงจี้ฟังไอ้คนชั้นต่ำพูดให้ร้ายคนอื่น และจะไล่นางกลับบ้าน น้ำตาของนางพลันไหลลงมานองหน้า เหมือนเขื่อนพังอย่างไรอย่างนั้น
“พี่ชายกง จื่อเอ๋อร์ทำผิดอะไรถึงต้องไล่ข้ากลับไปเช่นนี้ ? หรือเพราะ…” นางชี้เจียงป่าวชิงและเกือบพ่นคำว่า ‘ไอ้คนชั้นต่ำ’ ออกมาอยู่รอมร่อ โชคดีที่ปิดปากไว้ได้ทัน นางร้องไห้หนักเหมือนสายฝนโปรยปราย “พี่ฟังคำพูดของหมอหญิงเจียงนั่น ถึงต้องการไล่ข้ากลับบ้านใช่ไหม ? ฮือ ๆ ๆ”