เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานทางฝั่งชีหลี่โวก็ส่งข่าวมาบอกว่าบ้านสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าพักได้ตลอดเวลา
ร่างกายของเจียงป่าวชิงใกล้หายเป็นปกติแล้ว นางกับเจียงหยุนชานพักผ่อนกันสักครู่ ก่อนที่ทั้งสองจะตัดสินใจไปลากงจี้
กงจี้ไม่ได้ออกมาเจอเจียงป่าวชิง เขาแค่ให้ไป๋จีออกมาบอกต่อข้อความว่าจะกลับก็กลับได้เลย ตอนนี้ขาของเขาดีขึ้นมาก แน่นอนว่าไม่ได้ต้องการให้นางช่วยรักษาแล้ว
สัมภาระของเจียงหยุนชานกับเจียงป่าวชิงมีไม่มากนัก ทั้งสองคนจัดเก็บห่อสัมภาระเพียงแค่ห่อเดียวเสร็จก็ขึ้นไปนั่งบนรถม้า
ตอนที่รถม้าค่อย ๆ เคลื่อนที่ เจียงป่าวชิงรู้สึกเจ็บหัวใจราวกับมีคนเอาเข็มมาแทงอย่างไรอย่างนั้น นางหลับตาลง พยายามไม่ให้ตัวเองคิดถึงกงจี้ ทว่าตอนที่เดินทางมาถึงครึ่งทาง ระหว่างเส้นทางจากอำเภอฉือเจียกลับไปที่ชีหลี่โว รถม้ากลับหยุดลง
เจียงป่าวชิงรู้สึกฉงนสงสัยมากพอตัวจึงเลิกม่านหน้าต่างรถม้าเพื่อมองว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น
นางเห็นกงจี้ขี่ม้าตรงมา เขาถือบังเหียนไว้ในมือ ควบม้ามาขวางอยู่ตรงหน้ารถม้าที่นางนั่งอยู่ข้างใน
คนบังคับรถม้าเป็นคนที่กงจี้จัดหามา เขาเห็นสถานการณ์นี้ก็ไม่กล้าไปต่อเป็นธรรมดา
เจียงหยุนชานเองก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน เขามองจากในตัวรถแล้วพูดขึ้นอย่างแปลกใจ “นั่นคุณชายกงหนิ ? หรือว่าเขาจะมีธุระอะไร”
น้ำเสียงเย็นชาของกงจี้ดังมาจากด้านนอก “เจียงป่าวชิง เจ้าลงมานี่หน่อย”
เจียงป่าวชิงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะบอกเจียงหยุนชานว่าให้เขารอสักครู่ เสร็จแล้วนางก็ค่อยออกไปจากรถม้าอย่างช้า ๆ
เจียงป่าวชิงยืนอยู่ข้างรถม้า สายตามองกงจี้ สีหน้าก็เย็นชาอย่างยิ่งยวด “คุณชายกงมีธุระอะไรรึ ?”
กงจี้พลิกตัวลงจากม้าแล้วเดินก้าวยาว ๆ มาทางเจียงป่าวชิง เขาดึงข้อมือของนาง ทำให้ร่างบางเขยื้อนเซมายืนข้าง ๆ ตัวเอง
นี่เป็นครั้งแรกที่ใบหน้าหล่อเหลาของกงจี้แสดงสีหน้าเคร่งขรึมมากขนาดนี้ ดวงตาของเขาจับจ้องมองเจียงป่าวชิงนิ่ง ๆ “เจียงป่าวชิง ข้าจะถามเจ้าว่าเจ้ายอมไปกับข้าหรือไม่ ?”
ประโยคคำถามประโยคเดียวทำให้เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าอวัยวะภายในของตัวเองเหมือนกำลังถูกเผาไหม้
ไปกับเขา ไปกับเขาในสถานะอะไรกัน ?
เจียงป่าวชิงก้มหน้า มือกำแน่นเสียจนเล็บแทบจะฝังเข้าไปในเนื้อบนฝ่ามืออยู่แล้ว
“คุณชายกงไม่รักษาคำพูดเลยรึ ? เจ้ารับปากกับข้าว่าวันที่ขาของเจ้าหายดีแล้ว ก็จะเป็นช่วงเวลาที่เราไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกันอีก ทำไมตอนนี้ถึงได้กลับคำล่ะ ?”
เจียงป่าวชิงพยายามทำให้เสียงของตัวเองดูเย็นชา
ท่าทางเตรียมป้องกันตัวเองของนางทำให้กงจี้รู้สึกเหมือนมีคนเอาค้อนมาทุบหัวใจของเขาแรง ๆ เขากัดฟันแน่น แต่แล้วก็เอ่ยถามนางว่า “เจียงป่าวชิง ที่เจ้าคิดว่าข้าอยากพาเจ้าไปด้วยก็เพื่อต้องการใช้ประโยชน์จากเจ้ารึ ? ในหัวใจของเจ้า เจ้าเห็นข้าเป็นคนเช่นนั้นรึ ?”
เจียงป่าวชิงพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงใจก่อนจะเอ่ยถามกงจี้ “ถ้าอย่างนั้น ที่คุณชายกงอยากพาข้าไปด้วยคือเพื่ออะไร ? ข้าเป็นแค่หญิงสาวชนบทที่ต่างกับคุณชายกงราวฟ้ากับดิน ถ้าข้าไปกับคุณชายกงจะสามารถให้ผลประโยชน์อะไรได้ ?” ขนตาของเจียงป่าวชิงสั่นคลอนเล็กน้อย แต่นางก็บังคับให้ตัวเองพูดคำตอบสุดท้ายออกไปจนได้ “เฮ้อ… ไม่ว่าจะยังไง ข้าก็ไม่ยอมทั้งนั้น”
ไม่ยอมทั้งนั้น!
กงจี้เงยหน้าหัวเราะอย่างเย็นชา “ได้ เจียงป่าวชิง เจ้าดีมากจริง ๆ”
ขนาดเขาหยิ่งในศักดิ์ศรี ไม่ยอมใครง่าย ๆ แต่ก็ยังมาถามนางถึงที่ขนาดนี้ เจียงป่าวชิงยังปฏิเสธเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่ยอมงอกระดูกสันหลังเพื่อขอร้องนางอีกแล้ว
“เจียงป่าวชิง ไม่มีวันที่เราจะได้เจอกันอีกตลอดชั่วชีวิตนี้” กงจี้มองเจียงป่าวชิงที่ยืนอยู่ข้างทางอย่างลึกซึ้ง เขาพลิกตัวขึ้นม้า สะบัดบังเหียน ควบม้าออกไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
ไม่มีวันที่เราจะได้เจอกันอีกตลอดชั่วชีวิตนี้…
เจียงป่าวชิงมองแผ่นหลังของกงจี้ที่ค่อย ๆ หายไปจากขอบฟ้า ผ่านไปสักครู่ นางอ้าปากสำลักพ่นเลือดออกมาจากในปากอย่างน่าเวทนา
เจียงป่าวชิงตกใจที่ตัวเองเป็นแบบนี้ทว่าก็พยายามดึงสติกลับมา นางหัวเราะเสียงเบาและใช้แขนเสื้อเช็ดเลือดที่ติดอยู่ตรงขอบปากอย่างไม่ใส่ใจ
นางรู้ดีว่าการจากไปของกงจี้คงเป็นการแยกจากกันชั่วนิจนิรันดร์
ไม่มีวันที่เขากับนางจะได้เจอกันอีกตลอดชั่วชีวิตนี้
เมื่อเจียงหยุนชานที่มองจากหน้าต่างรถเห็นว่าเจียงป่าวชิงอาเจียนเป็นเลือด เขาหน้าถอดสีรีบลงจากรถอย่างตกใจ และรีบเข้าไปพยุงเจียงป่าวชิงโดยไม่สนใจถามเลยว่าเมื่อสักครู่กงจี้มีธุระอะไร ตอนนี้เขาร้อนรนมาก “ป่าวชิง! นี่เจ้า…”
เจียงป่าวชิงโบกมือไปมา แม้ตอนนี้นางจะรู้สึกเจ็บเหมือนมีคนใช้มีดคว้านหัวใจออกมา แต่นางยังคงปลอบเจียงหยุนชานด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย “พี่ นี่เป็นเรื่องดี ก่อนหน้านี้เรื่องกลัดกลุ้มอัดแน่นอยู่ในอกของข้า ประกอบกับพื้นฐานร่างกายที่เคยอ่อนแอมาก่อน สภาพข้าจึงเป็นอย่างที่เห็น ตอนนี้ข้าอาเจียนออกมาแล้วก็รู้สึกดีขึ้น มันน่าจะไม่เป็นอันตรายใด ๆ แล้วเจ้าค่ะ”
เจียงหยุนชานเชื่อใจเจียงป่าวชิง เมื่อเขาได้ฟังที่เจียงป่าวชิงพูด และสีหน้าของนางก็ดูเหมือนจริงจังเขาจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก แต่เมื่อนึกถึงท่าทางของนางกับกงจี้เมื่อสักครู่ เขาก็รู้สึกไม่สบายใจ “ป่าวชิง แต่เจ้ากับคุณชายกง…”
ตอนนี้เจียงป่าวชิงไม่สามารถทนฟังคนอื่นพูดคำว่า กง ได้ หัวใจของนางเหมือนถูกย่ำยี มันว่างเปล่าโหวงเหวงแปลก ๆ เจียงป่าวชิงเงยหน้ามองเจียงหยุนชานอย่างงุนงง ผ่านไปสักครู่นางก็พูดขึ้นยิ้ม ๆ “ไม่มีอะไร เรื่องมันผ่านมาแล้วเจ้าค่ะ”
ก่อนหน้านี้เจียงหยุนชานเองก็เคยมีอารมณ์รัก เขารู้ว่าคำว่า ความรัก ทำร้ายคนมานักต่อนักแล้ว ตอนที่ฝูฉูบอกว่านางไม่ได้รู้สึกกับเขาแบบคนรัก เขาก็เจ็บปวดใจมาก ตอนนี้เมื่อมาเห็นน้องสาวเผยสีหน้าแบบนี้ออกมาให้เห็น เขารู้สึกเหมือนมีอะไรมากระทบอยู่ในใจของเขา เขาทั้งรู้สึกหวาดกลัวและอยากตำหนิตัวเอง
เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าน้องสาวมีความผูกพันกับคุณชายกงผู้ลึกลับคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว คงถือว่านี่เป็นเรื่องที่ดี
คุณชายกงคนนั้นเสมือนอยู่สูงกว่าพวกเขามากจริง ๆ
เจียงหยุนชานรู้สึกสงสารเจียงป่าวชิงจับใจ เขาตัดสินใจว่าจะไม่พูดถึงกงจี้อีกพลางตั้งสติ รีบช่วยประคองน้องสาวไปขึ้นรถม้า “ป่าวชิง ช่วงนี้เจ้าคงเหนื่อยมาก อีกไม่ไกลก็ถึงบ้านแล้ว กลับถึงบ้านก็พักผ่อนให้มาก ๆ ล่ะ”
เจียงป่าวชิงพยักหน้า ไม่รู้ทำไมหลังจากขึ้นมาบนรถม้าแล้ว นางถึงรู้สึกเหนื่อยล้ามาก ผ่านไปไม่นานก็ผล็อยหลับไป
ตอนที่นางตื่นขึ้นมา หมอนบนที่นั่งรถม้าเปียกชื้นไปด้วยน้ำตา
เจียงป่าวชิงไม่ชอบร้องไห้เอาเสียเลย ที่ผ่านมาเวลาเจอความทุกข์อะไร แม้ในใจจะรู้สึกเจ็บจนชาแล้ว นางก็ไม่หลั่งน้ำตาแสดงความอ่อนแอเลยสักครั้ง
ในความฝัน นางไม่จำเป็นต้องดื้อรั้นเช่นนี้ และสามารถร้องไห้ได้อย่างสบายใจ
แน่นอนว่าเจียงหยุนชานเห็นว่าน้องสาวหลั่งน้ำตาในความฝันอย่างไร ตลอดทาง ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความทุกข์เช่นกัน
สองพี่น้องลงจากรถม้าด้วยดวงตาบวมช้ำ
คนบังคับรถม้ากล่าวลาสองพี่น้องอย่างเกรงใจและสะบัดแส้ม้าจากไป
ในความคิดของเขา เขาคิดว่าแม่นางเจียงคนนี้ช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเลยจริง ๆ สถานะของนายท่านของเขาสูงศักดิ์มากและนายท่านอุตส่าห์ปฏิบัติต่อนางอย่างจริงใจ แต่ทำไมนางกลับใจดำได้ถึงเพียงนี้ ?
ผู้หญิงนี่ช่างเป็นเพศที่คาดเดาได้ยากจริง ๆ
……
เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานยืนอยู่ตรงหน้าบ้าน เจ้าเสี่ยวหวงกับเจ้าเสี่ยวป๋ายถูกพามาส่งไว้ในลานบ้านตั้งนานแล้ว และตอนนี้พวกมันกำลังวิ่งเล่นกันอย่างดีใจอยู่ในลานบ้าน
เจียงหยุนชานเอ่ยชมในใจว่าคนของคุณชายกงทำงานได้อย่างรอบคอบมาก ช่วงที่พวกเขาสองพี่น้องพักอยู่ในตัวอำเภอ หลังจากที่คนของกงจี้หาเจ้าเสี่ยวหวงกับเจ้าเสี่ยวป๋ายเจอแล้ว พวกเขาก็ช่วยดูแลพวกมันให้ และตอนนี้ยังพาพวกมันมาส่งที่นี่ล่วงหน้าอีกด้วย
เขาอยากพูดชมกงจี้ แต่เขารู้ว่าพูดถึงกงจี้ไม่ได้อีกแล้ว คำพูดชื่นชมจึงเปลี่ยนกลายไปเป็นพูดเร่งให้เจียงป่าวชิงเข้าไปพักผ่อนแทน
“ป่าวชิง เจ้ารีบไปนอนอีกสักหน่อยเถอะ อีกประเดี๋ยวข้าจะไปซื้อผัก ถึงยังไงนี่ก็คือบ้านของเรา”