เจียงป่าวชิงเดินถือตะกร้าผักมาถึงในหมู่บ้าน มีหลายคนจ้องมองนางด้วยสายตาแปลก ๆ บ้างก็สังเกตนางอย่างละเอียด และมีบางคนซุบซิบนินทา มือไม้ก็ชี้มาที่นางอย่างไม่เกรงใจ พวกเขาเหมือนเพิ่งตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง
ไอ้ปัญญาอ่อนคนที่บังอาจตะกายขึ้นไปหาหนุ่มสูงศักดิ์ร่ำรวยคนหนึ่ง จริง ๆ แล้วนางก็หน้าตาไม่แย่เลย
ไม่อย่างนั้น ผู้สูงศักดิ์จะชอบสาวแบกฟืนในหมู่บ้านบนภูเขาแห่งนี้ได้อย่างไร ?
เมื่อก่อนคำว่า ‘ไอ้ปัญญาอ่อน’ มักติดอยู่บนตัวเจียงป่าวชิง เหล่าคนในชีหลี่โวมองเจียงป่าวชิงด้วยสายตาแตกต่างกันออกไป มีน้อยคนที่จะตระหนักได้ว่าไอ้ปัญญาอ่อนอย่างเจียงป่าวชิง ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานั้น นางเติบโตเป็นสาวงามรอวันผลิบานดั่งดอกไม้งดงามน่าอัศจรรย์ใจ
แม้เจียงป่าวชิงจะไม่ค่อยสนใจสายตาของผู้อื่น แต่สายตาสังเกตที่เต็มไปด้วยการประเมินค่าและสายตาไม่เป็นมิตรต่าง ๆ นานาที่รุมมองมา ยังคงทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย
‘มองอะไรกัน ?’ เจียงป่าวชิงพึมพำในใจ นางตัดสินใจว่าถ้าซื้อผักเสร็จแล้วจะรีบกลับบ้านทันที
ทว่าตอนที่ซื้อผัก ยายคนหนึ่งที่ตั้งแผงขายของเล็ก ๆ หรี่ตามองไปทางด้านหลังเจียงป่าวชิงจนนางรู้สึกแปลกใจต้องหันกลับไปมอง
ก็ไม่เห็นมีอะไรอยู่ข้างหลังนางนี่นา…
ยายขายผักแสยะยิ้ม ในปากนางแทบไม่มีฟันเหลือแล้ว “แม่สาวน้อย ทำไมวันนี้ไอ้หนุ่มร่ำรวยของเจ้าคนนั้นไม่มาด้วยกันกับเจ้าล่ะ ?”
เจียงป่าวชิงชะงักไป กว่าจะตอบสนองได้ว่ายายขายผักหมายถึงใคร เวลาก็ผ่านไปครู่ใหญ่
‘อา… จิตใจข้าไม่สงบแม้กระทั่งตอนออกมาซื้อผักหรือนี่ ?’ เจียงป่าวชิงคิด นางส่ายหน้าไล่ความคิดออกไปพลางตีหน้าขรึมแล้วพูดขึ้นเน้น ๆ “เขากลับไปแล้ว ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับเขาเจ้าค่ะยาย”
“อ้อ…” ยายขายผักมองเจียงป่าวชิงพลางพยักหน้าอย่างเห็นอกเห็นใจไปด้วย นางพูดขึ้นเสียงเบาว่า “ข้าว่าแล้ว ไม่ง่ายเลยที่คนฐานะอย่างเรา ๆ จะอยู่ร่วมกับพวกผู้สูงศักดิ์ร่ำรวยเหล่านั้น เจ้าเองก็เป็นเด็กน่าสงสารเช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็กลับมาใช้ชีวิตของเจ้าเถอะนะ”
เจียงป่าวชิงรู้สึกว่าความหมายในคำพูดนี้ค่อนข้างแปลกไปหน่อย ยายที่ขายผักพูดเหมือนว่านางถูกกงจี้ทิ้งอย่างนั้นแหละ
เจียงป่าวชิงแค่นยิ้มอย่างช่วยไม่ได้
ช่างเถอะ ใครจะพูดจะคิดอะไรก็ปล่อยให้พวกเขาพูดและคิดไป ใช่ว่านางจะเสียเปรียบอะไรสักหน่อย
เจียงป่าวชิงเลือกซื้อผัก หลังจากที่จ่ายเงินแล้ว ยายขายผักคนนั้นก็อดไม่ได้ที่จะหยิบผักชีหนึ่งกำมือและฟักเขียวหนึ่งลูกเพิ่มให้นาง “เอานี่ไปยายให้ สาวน้อยชีวิตอาภัพอย่างเจ้า เอากลับไปบำรุงร่างกายซะนะ”
ทันใดนั้นยายขายผักเหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ นางรีบกวักมือเรียกให้เจียงป่าวชิงขยับเข้ามาใกล้ ๆ
เจียงป่าวชิงขยับเข้าไปใกล้อย่างฉงนสงสัย ก็ได้ยินเสียงยายขายผักพูดกำชับอยู่ข้างหู “ถึงยังไงเจ้าก็ควรไปให้หมอดูอาการให้ทันเวลา ถ้าหากว่ามีเชื้อพันธุ์เหลืออยู่ในท้อง ท้องใหญ่นู่นเจ้าถึงจะรู้”
เปรี้ยง!
เจียงป่าวชิงเหมือนถูกฟ้าผ่าใส่เต็ม ๆ อะไรคือการมีเชื้อพันธุ์เหลืออยู่ในท้อง ?!
นี่ชาวบ้านชาวช่องพวกนี้คิดกันไปถึงไหนแล้ว ?
ยอม… เจียงป่าวชิงยอมแล้ว การพูดนินทาปากต่อปากนี่เลอะเทอะจริง ๆ
นางถือตะกร้าผักเดินกลับไป แต่เนื่องจากนางต้องไปซื้อไข่ไก่ที่บ้านของชาวบ้านที่เลี้ยงไก่ก่อนกลับ ซึ่งเส้นทางค่อนข้างอ้อมอยู่พอสมควร ตอนกลับจึงผ่านบ้านตระกูลเจียง
ตรงทางเข้าบ้านตระกูลเจียงมีเสียงเอะอะครึกโครม ฤดูกาลนี้หากว่าพูดตามหลักแล้ว บ้านไหนมีที่ดินต่างก็จะลงนาไปดูแลไร่นาของตัวเองกันทั้งนั้น แต่ทุกหมู่บ้านมักมีผู้ชายที่ว่างการว่างงานเสมอ ตอนนี้มีเหล่าชายที่ว่างการว่างงานยืนกันเต็มอยู่ตรงทางเข้าบ้านตระกูลเจียง และกำลังพากันมองดูเรื่องน่าตื่นเต้น
เสียงร้องไห้ของเจียงเหมยฮัวดังออกมาจากในลานบ้าน “ข้าไม่ไป ข้าไม่กลับไปกับเขาแน่!”
ต่อมาเป็นเสียงอุทานและเสียงเจียงเหลียนฮัวพูดกล่อม “น้องเล็ก เจ้ากลายเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว เจ้าอย่าเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้ ข้าเองก็เป็นคนมีประสบการณ์มาก่อน บ้านไหนต่างก็มีอุปสรรคกันทั้งนั้น มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผู้ชายจะโกรธและตบเราอย่างไม่ระวัง ดูเจ้าสิ หนีกลับมาแบบนี้คนอื่นมีแต่จะนินทาเปล่า ๆ พวกเขาต่างบอกว่าตระกูลเจียงของเราสั่งสอนลูกสาวไม่ดี แล้วแบบนี้ข้าจะกล้าออกจากบ้านได้ยังไง คนของตระกูลเจียงต่างเงยหัวไม่ขึ้นแล้วนะ!” พูดถึงตอนสุดท้าย เจียงเหลียนฮัวพร่ำบ่นเล็กน้อย
เจียงเหมยฮัวเอาแต่ร้องไห้ แต่ไม่ได้พูดถึงอย่างอื่น
หลีโผจื่อเบะปากอยู่ด้านข้าง “เหมยฮัว ข้าว่าที่พี่เจ้าพูดก็มีเหตุผล สามีเจ้าแค่ดื่มเหล้าเยอะ จะมีเรื่องอะไรได้อีกล่ะห๊ะ ? เจ้าก็ทำเป็นว่ากลับมาที่บ้านแม่แล้วพักอยู่นี่วันเดียวก็ได้แล้ว รีบกลับไปกับสามีเจ้าซะ!” พูดเสร็จ นางลงมือผลักลูกสาว
เมิ่งเถี่ยผู้เป็นสามีของเจียงเหมยฮัวยื่นมือออกมาทางเจียงเหมยฮัวโดยไม่พูดอะไร
เห็นมือข้างนั้น เจียงเหมยฮัวราวกับถูกปลุกความทรงจำที่น่ากลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน นางกรีดร้องเสียงแหลม วิ่งหนีไปโดยไม่สนใจทุกสิ่งอย่างรอบกาย
ไม่มีคนตามนางไปเลยสักคน หลีโผจื่อยังคงโบกมือด้วยความอับอาย นางรีบหันไปพูดประจบเมิ่งเถี่ยผู้เป็นลูกเขยอย่างเร็ว “พ่อลูกเขย ครั้งนี้เจ้ามาบ้านข้าข้าก็ยินดีต้อนรับ ดูสิเจ้านำสิ่งของมากมายมาฝากด้วย เกรงใจเจ้าจริง ๆ เจ้าไม่ต้องห่วง ลูกสาวของข้า ถึงตอนนั้นข้าจะกล่อมให้นางกลับไปใช้ชีวิตกับเจ้าให้ได้อย่างแน่นอน”
ท่านปู่เจียงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นอย่างไม่พอใจเช่นกัน “เจ้าเด็กบ้านี่ พอนางแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา มันทำให้ข้ากับแม่ของนางโมโหมากจริง ๆ เลี้ยงนางมาตั้งหลายปี ไม่คิดว่านางจะทำให้อับอายขายหน้าเช่นนี้! คอยดูเถอะถ้านางกลับมา ข้าจะสั่งสอนนางก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
……
เจียงเหมยฮัววิ่งออกไปด้วยจิตใจแหลกสลาย ไม่มีใครเป็นห่วงนางเลยสักคน
เจียงป่าวชิงเกิดความลังเลเล็กน้อย นางไม่อยากสนใจปัญหาของบ้านตระกูลเจียง แต่ทิศทางที่เจียงเหมยฮัววิ่งออกไปเมื่อสักครู่นั้น เห็นได้ชัดว่านางกำลังวิ่งไปที่แม่น้ำคราด
ประกอบกับหลังจากที่เจียงเหมยฮัวร้องไห้วิ่งออกไปแล้ว มีชายที่ว่างการว่างงานสองคนสบตากันอย่างประสงค์ร้ายและตามนางไป
เจียงป่าวชิงที่ดูอยู่ด้านข้างเห็นเหตุการณ์ได้อย่างชัดเจน
ความแค้นของนางกับบ้านตระกูลเจียงไม่ค่อยมีส่วนเกี่ยวข้องกับเจียงเหมยฮัว
วันนี้หากว่านางนิ่งดูดาย ยืนมองดูเจียงเหมยฮัวตกอยู่ในอันตรายเฉย ๆ แบบนั้นมันจะต่างอะไรกับสัตว์ล่ะ ?
เจียงป่าวชิงคลำกำไลข้อมือที่ใส่อยู่บนข้อมือซ้ายด้วยสีหน้าราบเรียบ ตั้งสติและเดินตามไป
โชคดีที่เจียงป่าวชิงไปคนเดียว ตอนที่นางไปถึง เจียงเหมยฮัวกำลังร้องไห้อยู่ตรงริมฝั่งแม่น้ำ ชายว่างการว่างงานสองคนที่อยู่ด้านหลังกำลังเดินเข้าไปใกล้นางอย่างมุ่งร้าย
เจียงป่าวชิงตะโกนออกไป “ป้าเล็กอย่าคิดสั้นนะเจ้าคะ อีกเดี๋ยวหัวหน้าหมู่บ้านก็พาคนมาที่นี่แล้ว!”
ชายผู้ว่างการว่างงานสองคนนั้นได้ยินคำว่า หัวหน้าหมู่บ้าน พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา
คนว่างการว่างงานไปวัน ๆ แบบนี้ ในยามปกติพวกเขาจะลักเล็กขโมยน้อย โดยทั่วไปแล้วหัวหน้าหมู่บ้านจะทำเป็นเห็นบ้างไม่เห็นบ้างและปล่อยผ่านไป ทว่าหากกระทำผิดกฎหมายแล้วถูกหัวหน้าหมู่บ้านจับได้ เกรงว่าต้องตกอยู่ในความลำบากไปอีกนาน
เจียงเหมยฮัวหันกลับมาอย่างงงงัน นางเห็นชายผู้ว่างการว่างงานสองคนวิ่งหลบหนีจากที่ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหลังนางพอดี
นางแต่งงานแล้ว ไม่ได้เป็นหญิงสาวไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบในตอนนั้นอีกแล้ว ชายว่างการว่างงานสองคนนี้แอบตามมาอยู่ใกล้ ๆ นางโดยไม่ให้สุ้มให้เสียง นางไม่จำเป็นต้องคาดเดาเลยว่าพวกเขาคิดจะทำอะไร
เจียงเหมยฮัวกำคอเสื้อของตัวเองแน่นอย่างไม่รู้ตัว แต่จากนั้นนางก็ปล่อยออกด้วยจิตใจอันแสนห่อเหี่ยวและก้มหน้าก้มตาร้องไห้ต่อ
จะย่ำยีหรือไม่ย่ำยี สำหรับนาง ไม่แน่มันอาจเป็นโอกาสให้นางตัดสินใจอย่างเด็ดขาดว่าจะฆ่าตัวตาย
เจียงป่าวชิงเดินมาตรงหน้าเจียงเหมยฮัวแล้วพูดขึ้นเสียงเบา “ข้าขู่ขวัญพวกเขาไปอย่างนั้นเอง หัวหน้าหมู่บ้านไม่รู้เรื่องนี้หรอกเจ้าค่ะ ป้าเล็กรีบกลับไปเถอะ ฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายังไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติ ถ้าพวกเขาย้อนกลับมามันจะไม่ดีเอาได้เจ้าค่ะ”
เจียงเหมยฮัวเงยหน้ามามอง ดวงตาที่ค่อนข้างบวมจากการร้องไห้จ้องมองเจียงป่าวชิง
นางนึกถึงตอนก่อนที่นางจะแต่งงาน มีเพียงเจียงป่าวชิงเท่านั้นที่กล่อมให้นางตรึกตรองดูดี ๆ ส่วนคนเป็นพ่อแม่และพี่สาวของนาง กลับเอาแต่ใจจดใจจ่อคิดแต่ว่าจะได้อะไรกลับมาหลังจากที่นางแต่งออกไป
เจียงเหมยฮัวยิ่งร้องไห้อย่างน่าเวทนามากกว่าเดิม