ตากลมเหมือนวัวของเจียงโหย่วฉายจ้องไปข้างหน้า มืออวบอ้วนจ่อมีดเปื้อนเลือดไปที่ทุกคนในห้อง และตะโกนขึ้นอย่างโหดเหี้ยม “ใคร ใครรังแกแม่ข้า ?”
การกระทำอันอุกอาจของเจียงโหย่วฉายทำให้ทุกคนตกใจมาก
โจซื่อเองก็ตกใจเช่นกัน ตอนนี้ต่อให้นางจะกำลังทะเลาะกับคนอื่นอยู่ แต่นางก็ไม่กล้ายั่วยุเจียงโหย่วฉายที่ในมือถือมีดคม ๆ อยู่ในขณะนี้
โจซื่อกอดเจียงโหย่วฉายด้วยสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง “พี่ฉายลูกแม่ แม่ไม่เป็นอะไรเลย เจ้าไม่ต้องตกใจไป”
เจียงโหย่วฉายดิ้นให้หลุดจากโจซื่อ เขามองทุกคนในห้องอย่างน่ากลัวและเอ่ยกับโจซื่อว่า “ท่านแม่ ข้าเชือดกระต่ายอยู่ในลานบ้าน ถ้ามีคนรังแก ต้องตะโกนเรียกข้าเลยนะ”
โจซื่อรีบพยักหน้า “โถพี่ฉายลูกแม่ เจ้ารีบไปเล่นเถอะ ระวังอย่าให้บาดเจ็บล่ะ”
เจียงโหย่วฉายวิ่งออกไปพร้อมมีดที่เปื้อนเลือดเล่มนั้น
หลังจากที่เจียงโหย่วฉายวิ่งออกไปแล้ว เจียงเหลียนฮัวกุมหน้าอกตัวเองและเกือบล้มลงไปบนพื้น
นางตกใจมาก หัวใจแทบหยุดเต้น!
“แม่ ข้าคิดว่าคนที่บ้านตามใจโหย่วฉายเกินไป” เจียงเหลียนฮัวบ่นด้วยใจที่ยังหวาดกลัวไม่หาย
ถึงแม้ว่าหลีโผจื่อจะไม่ชอบลูกสะใภ้ แต่นางรักหลานชายเพียงคนเดียวคนนี้มากนัก แน่นอนว่านางได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจทันที
“เจ้าพูดอะไรน่ะ หลานชายของข้าเรียกว่ามีจิตใจเข้มแข็ง และข้าคิดว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีมาก พอได้แล้ว เจ้าไม่ต้องไปสนใจหลานชายของข้าแล้ว เขามีข้ากับปู่ของเขาให้เป็นห่วง ดีออกจะตาย เจ้าเอาเวลาไปนึกถึงเรื่องจินหวู่ดีกว่า จินหวู่ของเราเป็นเด็กดีขนาดนี้ ทำไมเจ้าถึงยังไม่รีบอุ้มหลานล่ะ ?”
ทำไมเจียงเหลียนฮัวจะไม่ร้อนใจ แต่ไม่ว่านางจะสู่ขอเมียให้ลูกชายกี่คน ก็ไม่มีเลยสักคนที่จะถูกอกถูกใจเขา ในที่สุดนางก็ชอบลูกสาวของซิ่วฉายที่เป็นคนยากจน แม้ว่าฐานะทางบ้านของฝ่ายนั้นจะแย่สักเล็กน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าเป็นครอบครัวของคนที่มีความรู้ เจียงเหลียนฮัวจึงจัดเตรียมของหมั้นมากมายอย่างมีความสุขและส่งไปให้ฝ่ายนั้น
แต่เจ้าเท้าเล็กที่หน้าไม่อายคนนั้นกลับรังเกียจที่ลูกชายของนางเป็นลูกของคนขายเนื้อสัตว์ จึงหนีตามคนรักไปในช่วงท้าย
นึกมาถึงเรื่องนี้ นางก็โมโหจนรู้สึกเจ็บที่หัวใจกับปอด
เจียงเหลียนฮัวอดไม่ได้ที่จะโมโหเฉียนจินหวู่ที่นั่งเงียบอยู่ด้านข้าง “ลูกชาย เจ้าพูดอะไรหน่อยสิ เจ้าชอบผู้หญิงแบบไหน แม่จะได้ไปหามาให้เจ้าดูตัวยังไงล่ะ”
เดิมทีเจียงเหลียนฮัวก็แค่พูดไปอย่างนั้น ไม่ได้หวังให้เฉียนจินหวู่ตอบคำตอบที่แน่นอนกับนางอยู่แล้ว เพราะก่อนหน้านี้นางเคยถามคำถามแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่เฉียนจินหวู่เอาแต่เดินหนีอย่างรำคาญทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ ตอนที่นางกำลังครุ่นคิดเรื่องวุ่น ๆ อยู่ในใจ จู่ ๆ หูพลันได้ยินลูกชายตัวเองตอบออกมา “ข้าต้องการแบบเจียงป่าวชิง”
คำพูดประโยคนี้ทำให้เจียงเหลียนฮัวตกใจจนถึงกับพูดไม่ออก นางคิดว่าตัวเองหูฝาด “ดะ… เดี๋ยว เจ้าบอกว่าอะไรนะไอ้ลูกชาย ?”
แต่เฉียนจินหวู่กลับพูดซ้ำอีกครั้ง “แม่ ข้ารู้สึกว่าหญิงอย่างเจียงป่าวชิงน่ะดีมากเลย หน้าตานางก็สวยมากเช่นกัน”
ทุกคนในห้องมองเฉียนจินหวู่อย่างตกตะลึง
เจียงเหลียนฮัวกุมหน้าอกตัวเอง หายใจหอบสักพักก่อนจะเดินเข้าไปตบไหล่เฉียนจินหวู่ “จินหวู่ ข้าคิด ๆ ดูแล้ว นี่เจ้าตั้งใจทำให้ข้าโมโหจนจะตายให้ได้เลยใช่ไหม ?!”
เฉียนเซียงเซียงเองก็ร้อนใจมาก นางดึงแขนเฉียนจินหวู่ “พี่ พี่พูดอะไรน่ะ ? ใช่ว่าพี่จะไม่รู้ว่าเจียงป่าวชิงมีพฤติกรรมเช่นไร ?! ใครก็เห็นว่านางเป็นตัวอัปมงคล เคยปัญญาอ่อนไร้ความสามารถ อีกอย่าง ตอนนี้นางบอกว่านางไม่ได้เป็นอะไรกับคุณชายคนนั้น นางคงถูกเขาเล่นจนเบื่อแล้วกระมังถึงได้หนีกลับมาแบบนี้ แต่พี่ พี่กลับทำเหมือนว่านางเป็นคนดีไปเสียได้”
เฉียนเซียงเซียงรู้สึกโมโหจัด ในสายตาของนาง พี่ชายนางจะต้องเป็นผู้นำในหมู่บ้านละแวกนี้อย่างแน่นอน แต่ทำไมเขากลับหูหนวกตาบอดไปชอบเจียงป่าวชิงนั่นได้ล่ะ
หลีโผจื่อก็เอ่ยขึ้นเช่นกัน “ใจเย็นก่อนนะจินหวู่ เจ้าหลงกลน้ำมันหมูหรือเปล่า ? เจียงป่าวชิงเป็นคนปัญญาอ่อนตั้งแต่เล็ก ใช่ว่าเจ้าจะไม่เคยเห็นท่าทางไม่รู้ความกับเนื้อตัวมอมแมมของนางสักหน่อย ตอนนี้นางอาจดูดีขึ้นแล้ว แต่เจ้าอย่าลืมสิ ถ้าหากว่าต่อไปพวกเจ้ามีลูกเป็นคนปัญญาอ่อนจะทำยังไง ? นี่ไม่เท่ากับว่าเจ้าทำให้แม่ของเจ้าร้อนใจจนจะอกแตกตายหรอกรึ ?”
โจซื่อไม่ได้พูดอะไร ทว่ารอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของนาง นางกำลังมองดูเรื่องน่าตลกขบขันของเจียงเหลียนฮัวอยู่ตรงนั้น
เฉียนจินหวู่พูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าคิดว่าหน้าตาน่ารักจิ้มล้มดีก็พอแล้ว เจียงป่าวชิงยิ่งอยู่ยิ่งสวยขึ้นเรื่อย ๆ นางดีมากเลยจริง ๆ”
เจียงเหลียนฮัวโมโหจนถึงกับต้องผลักเฉียนจินหวู่ออกไปข้างนอก “โฮ้ย! ไป ๆ ๆ เจ้ารีบออกไปเลย อย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีกนะ ไม่ได้ดั่งใจเลยจริง ๆ!”
เมื่อเฉียนจินหวู่ออกไปจากในห้อง เจียงเหลียนฮัวค่อยนั่งลงบนเก้าอี้ด้วยจิตใจห่อเหี่ยว “นี่ข้าทำบาปอะไรไว้กันแน่ ?!”
โจซื่อเบะปาก จงใจกล่อมเจียงเหลียนฮัว “ไอ้โยเหลียนฮัว! ข้าว่าลูกหลานมักมีบุญวาสนาของตัวเองกันทั้งนั้น เจ้าอย่าคิดว่าเจียงป่าวชิงไม่มีอะไรดีสิ อย่างน้อยเด็กนั่นมันก็มีจิตใจที่โหดเหี้ยม ไม่แน่พอแต่งเข้ามาในบ้านเจ้า นางอาจจะช่วยครอบครัวเจ้าหลอกเอาเงินคนอื่นได้เยอะก็ได้”
“พอได้แล้ว กี่โมงกี่ยามแล้วยังคิดอะไรมั่วซั่วอยู่อีก” หลีโผจื่อตะคอกอย่างรำคาญ “เหลียนฮัว ตอนนี้เจ้ารีบกลับไปสู่ขอเด็กสาวหน้าตาดี ๆ โหงวเฮ้งดี ๆ ให้จินหวู่สักสองสามคนเถอะ ข้าดูแล้วเขาคงจะลุ่มหลงกับใบหน้าของเด็กหญิงสารเลวนั่นเข้าให้แล้วล่ะ”
เจียงเหลียนฮัวบีบผ้าเช็ดหน้าในมือแน่น ได้แต่คิดอย่างปลงตกว่าดูเหมือนจะเหลือเพียงแค่วิธีนี้แล้ว
ทันใดนั้น เจียงเอ้อยาที่ไม่ได้พูดอะไรอยู่ด้านข้างกลับพูดขึ้นมาเอาตอนนี้ “ท่านแม่ ท่านย่า แต่ข้ามีความคิดเห็นอย่างหนึ่งเจ้าค่ะ”
โจซื่อรู้ว่าลูกสาวคนที่สองของนางมีเล่ห์เหลี่ยมเยอะ สายตานางชำเลืองมองเจียงเอ้อยาเล็กน้อย “ผู้ใหญ่เขาคุยกัน เจ้าจะออกหน้าออกตาพูดแทรกทำไม ไปไกล ๆ ก่อนเลยไป!”
นางไม่ยอมให้ลูกสาววางแผนให้เจียงเหลียนฮัวหรอก
แต่หลีโผจื่อกลับถูกเจียงเอ้อยาประจบจนชินแล้ว นางมองเห็นถึงความสำคัญของหลานสาวคนนี้จึงเอ่ยขึ้นว่า “อย่าไปฟังแม่เจ้า เอ้อยา ไหนเจ้าลองบอกมาซิว่าเจ้ามีความคิดเห็นอะไร ?”
เจียงเอ้อยาหลุบสายตาลงต่ำเพื่อปกปิดความริษยาในดวงตา และพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูเป็นธรรมชาติที่สุด จะได้เหมือนกับว่านางคิดใคร่ครวญเพื่อเฉียนจินหวู่อย่างจริงใจ
“อืม… พี่จินหวู่ชอบเจียงป่าวชิงเข้าแล้ว ถึงยังไงเราไม่อาจเปลี่ยนใจเขาได้ แต่ถ้าเราทำให้เจียงป่าวชิงแต่งกับใครก็ได้ออกไป มันก็ได้แล้วไม่ใช่รึเจ้าคะ ? ใคร ๆ ก็บอกว่าพ่อแม่เป็นคนตัดสินใจเรื่องการแต่งงานของลูกโดยถูกแนะนำจากแม่สื่ออีกที แต่พ่อแม่ของเจียงป่าวชิงไม่อยู่แล้ว เช่นนั้นท่านปู่กับท่านย่าถือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของนาง แบบนี้ข้าว่าสามารถคุมเรื่องการแต่งงานของนางได้เลยนะเจ้าคะ”
นี่เป็นอีกวิธีหนึ่ง แต่หลีโผจื่อกลับขัดขึ้นด้วยหน้านิ่วคิ้วขมวด “ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้ว่าพฤติกรรมของไอ้เท้าเล็กนั่นเป็นเช่นไร ขบถซะขนาดนั้น นางจะเชื่อฟังปู่ย่าของนางได้ยังไง ? ไม่มีทาง!”
เจียงเอ้อยาพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นต้องหาคนดี ๆ ให้นาง… ท่านย่าคิดว่าครอบครัวที่ข้าไปดูตัววันนี้เป็นยังไงรึเจ้าคะ ? ครอบครัวเขาหาเมียน้อย ไม่ต้องให้สินสอดทองหมั้น แต่กลับได้เงินกลับคืนมาตั้งมากมาย นี่ไม่เท่ากับว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวหรือไง ?”
ในความเห็นของเจียงเอ้อยา การแต่งงานหาเมียน้อยในครั้งนี้ยอดเยี่ยมมาก ที่นางหลีกทางเรื่องการแต่งงานให้เจียงป่าวชิงก็เป็นการบีบจมูกตัวเองอย่างหนึ่ง มิเช่นนั้น ถ้าการที่อีกฝ่ายไม่ชอบนาง แล้วต้องสูญเสียเงินห้าสิบตำลึงไป เจียงเอ้อยาจะยอมได้ที่ไหนกันล่ะ!
ตราบใดที่มีเงินห้าสิบตำลึงนี้ คนในบ้านจะต้องมอบข้อเสนอที่ดีให้นางอย่างแน่นอน ถึงตอนนั้นยังต้องกลัดกลุ้มเรื่องการแต่งงานอีกก็ไม่ใช่แล้ว
อย่าว่าแต่หลีโผจื่อเลย แม้แต่โจซื่อที่ถลึงตาใส่เจียงเอ้อยาตลอดเวลาเมื่อสักครู่นี้ก็ยังใจเต้นตูมตามเมื่อได้ฟัง
เงินตั้งห้าสิบตำลึงเชียวนะ! ใครเล่าจะไม่อยากครอบครอง
เจียงเหลียนฮัวได้ฟังก็ตบขาดังฉาด ก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแก้มฉีก “ไอ้โย! เอ้อยาของป้า แต่ก่อนข้าเข้าใจเจ้าผิดไป ไม่คิดว่าเจ้าจะฉลาดเช่นนี้ ดีมาก ครอบครัวนั้นเป็นครอบครัวดีที่หาได้ยาก เราแค่กล่อมให้เจ้าปัญญาอ่อนเจียงป่าวชิงนั่นยอมก็คงได้ หากว่าถูกพูดออกไป ใครต่างก็ต้องบอกว่าตระกูลเจียงของเราใจกว้าง การแต่งงานที่ดีเช่นนี้ไม่เก็บไว้ให้หลานสาวบ้านตัวเอง แต่กลับยกให้ ‘คนนอก’ อย่างเจียงป่าวชิงซะอย่างนั้น”
ทุกคนพากันบอกว่าดี จึงสุมหัวปรึกษาหารือเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานครั้งนี้ทันที ถึงขนาดเริ่มคุยกันแล้วว่าจะให้จ่ายเงินห้าสิบตำลึงนั้นอย่างไร