ตอนที่พ่อบ้านหวังใกล้ระเบิดอารมณ์ เขาก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงข้างนอกกำลังถามทางอย่างชัดเจน
“ท่านยายเจ้าคะ โรงเตี๊ยมของครอบครัวเหล่าหั่วอยู่แถวนี้หรือเปล่าเจ้าคะ ?”
โจซื่อกับหลีโผจื่อดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาในฉับพลัน พวกนางพูดกับพ่อบ้านหวังอย่างไว “มาแล้วจ้ะ หลานข้ามาแล้ว”
พ่อบ้านหวังแอบครุ่นคิดในใจว่าน้ำเสียงนั้นฟังดูนุ่ม ๆ ไม่แย่เลย… สีหน้าของเขาผ่อนคลายลงเล็กน้อย
คงเป็นเพราะได้การชี้แนะจากคุณยาย ไม่นานก็มีคนผลักประตูโรงเตี๊ยมชำรุดทรุดโทรมแห่งนี้เข้ามา
แสงแดดสีส้มอ่อนยามเที่ยงวันกระทบแผ่นหลังของเด็กสาว สะท้อนส่องกับเรือนผมดูสวยงามราวกับว่าเด็กสาวคนนี้คือนางฟ้าตัวน้อยที่กำลังอาบอยู่ในแสงอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้างามโดดเด่นของนางราวกับดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาสูงตระหง่านอยู่ในคลื่นสีมรกตส่องประกายระยิบระยับ
พ่อบ้านหวังตาค้างแทบจะในทันที ตาค้างให้กับเด็กสาวผู้มาใหม่คนนี้ที่เขาคิดว่านางคือคนที่เขายอมสละเวลามานั่งรออยู่นาน
เจียงเหมยฮัวรู้สึกดีใจแทบตัวลอย นางยืนขึ้นอย่างทำอะไรไม่ถูก “ป่าวชิง เจ้า… ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” เสียงของนางค่อนข้างกังวลใจ เพราะตอนที่นางอยู่กับเจียงป่าวชิง นางบอกเจียงป่าวชิงว่าให้มาในวันนี้เพื่อมารับการแสดงความขอบคุณต่อเจียงป่าวชิงจากนาง แต่ตอนนี้ แม่ของนางก็อยู่ พี่สะใภ้ก็อยู่ และหลานสาวก็อยู่ แม้แต่พ่อบ้านหวังที่นางไม่รู้จักสถานะของเขาก็ยังอยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
เจียงเหมยฮัวเป็นกังวล นางกลัวว่าเจียงป่าวชิงจะไม่พอใจ
เจียงป่าวชิงกวาดสายตามององค์ประกอบของสมาชิกที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างคร่าว ๆ และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะในใจ
สิ่งที่นางคาดเดาไว้นั้นไม่ผิดเลย
ครั้งนี้ก็คงเป็นความคิดเห่ย ๆ ที่ครอบครัวของหลีโผจื่อวางแผนขึ้นมาอีกแล้วจริง ๆ ด้วย ส่วนจะเป็นความคิดเห่ย ๆ อย่างไรนั้น เมื่อมองไปที่ชายวัยกลางคนผู้ซึ้งมาในชุดผ้าไหมนั่งอยู่ตรงกลางที่นั่ง และเห็นว่าในดวงตาของเขาเป็นประกายราวกับว่าพบเจอกับสินค้าล้ำค่า เจียงป่าวชิงก็สามารถเดาได้ใกล้เคียงกับสถานการณ์จริงแล้ว
นี่คงหนีไม่พ้นเรื่องเมียน้อยอะไรนั่น เห็นทีว่าหลีโผจื่อกับโจซื่อยังไม่ล้มเลิกความคิดสินะ
แต่ในเมื่อเจียงป่าวชิงมาถึงนี่แล้ว นางก็จะไม่กลัวอะไรทั้งนั้น หากว่านางแก้ไขปัญหานี้อย่างตรงไปตรงมา เกรงว่าหลีโผจื่อกับโจซื่อจะคิดแผนชั่วอะไรมาทำให้หงุดหงิดอีก
เจียงป่าวชิงพยักหน้าทักทายผู้คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มก่อนจะนั่งลงอย่างนุ่มนวล
ยังไม่ทันได้พูดอะไร ท่าทีของการเผชิญหน้าอย่างสงบทำให้หลีโผจื่อกับโจซื่ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจในใจ พวกนางแอบสบตากันอย่างคนซ่อนเร้นเรื่องลับ ๆ
หรือว่าเจ้าเท้าเล็กนี่คิดได้แล้วและตั้งใจมายอมแพ้
เจียงเหมยฮัวพูดตะกุกตะกัก “ป่าวชิง จะ… เจ้าจะกินอะไร ? ไหน ๆ เจ้าก็มาถึงแล้ว สั่งอาหารมาสักสองสามอย่างก่อนก็ได้นะ”
เจียงเอ้อยาชิงพูดขึ้นมาก่อน “น้องป่าวชิงผ่านชีวิตยากลำบากมาตั้งหลายปี นางกินอะไรได้หมดแหละ แม้แต่รำข้าวนางยังกินได้เลย แน่นอนว่านางไม่เลือกกินหรอกจ้ะ ให้พ่อบ้านหวังสั่งก่อนดีกว่านะ”
พ่อบ้านหวังรู้สึกพึงพอใจต่อความปราดเปรียวของเจียงเอ้อยามาก เขาส่งสายตาพึงพอใจให้เจียงเอ้อยา
เจียงเอ้อยาดีใจจนเนื้อเต้น
เจียงป่าวชิงยกยิ้มมุมปากพลางมองดูพวกนางราวกับกำลังดูละครเรื่องที่น่าเบื่อหน่าย แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
พ่อบ้านหวังสั่งอาหารสองสามอย่างตามอำเภอใจ ทันทีที่โจซื่อกับหลีโผจื่อได้ฟังชื่ออาหารเหล่านั้น พวกนางก็รู้สึกเหมือนเลือดกำลังหยดอยู่ในใจเพราะสิ่งที่สั่งทั้งหมดคืออาหารชั้นดีราคาแพงลิบลิ่ว
และเมื่อเมียของเหล่าหั่วได้ฟังชื่ออาหารที่สั่ง สองตาของนางเป็นประกายทันที วันนี้ถือเป็นวันดีที่จะได้ขายอาหารแพง ๆ
ทว่าสำหรับโจซื่อ นางหวังว่าวันนี้เจียงป่าวชิงจะสามารถทำให้พ่อบ้านถูกใจนางได้ ไม่อย่างนั้น…
ดวงตาของโจซื่อดุดันขึ้นทันที จะต้องไม่มีคำว่าไม่อย่างนั้น แผนการนี้ของนางไม่มีช่องว่างให้เติมคำว่าไม่สำเร็จ
หลังจากที่พ่อบ้านหวังสั่งอาหารเสร็จ สายตาของเขาเหมือนแนบติดอยู่บนตัวเจียงป่าวชิง เขาจ้องอยู่สักครู่ก็เอ่ยถามยิ้ม ๆ “สาวน้อย เจ้าชื่ออะไรรึ ?”
เจียงป่าวชิงเลิกคิ้ว แสร้งทำเป็นเดาสถานะของพ่อบ้านหวังไม่ออก “เอ่อ… คนผู้นี้คือ ?”
เจียงเอ้อยาจึงรีบพูดขึ้นทันที “บอกไปแล้วเจ้าจะตกใจ เจ้าเคยได้ยินร้านขายเครื่องเงินไท่เฟิงที่อยู่ที่อำเภอฉือเจียหรือเปล่าล่ะ ? ท่านผู้นี้คือพ่อบ้านของตระกูลตงที่เปิดร้านขายเครื่องเงินไท่เฟิงยังไงเล่า!”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้นยิ้ม ๆ “พ่อบ้านคนนี้ไม่ได้ทำให้ข้าตกใจ แต่ท่าทางแอบอ้างบารมีผู้อื่นของพี่เอ้อยาเกือบทำให้ข้าตกใจแล้วจริง ๆ”
เจียงเอ้อยาหน้าแดงก่ำ นางเกือบตบโต๊ะแล้วลุกขึ้นยืนด้วยอารมณ์โกรธ “ป่าวชิง! เจ้า!”
แต่นางกลับถูกโจซื่อหยิกขาอย่างแรงจนต้องส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ซ้ำร้ายยังถูกหลีโผจื่อถลึงตาใส่อย่างเหี้ยมโหดอีก โดนไปขนาดนี้นางไม่มีแรงจะกำเริบเสิบสานแล้ว
พ่อบ้านหวังพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ข้าแซ่หวัง ไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอก สาวน้อย ตอนนี้เจ้าบอกชื่อเจ้าได้อย่างสบายใจแล้วใช่ไหม ?”
เจียงป่าวชิงบอกชื่อตัวเองด้วยสีหน้าราบเรียบ ซึ่งพ่อบ้านหวังก็ยังคงพยักหน้ายิ้ม ๆ “อื้ม ชื่อเจ้าไพเราะมาก สาวน้อย แล้วปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่แล้วหรือ ?”
เจียงป่าวชิงมองเจียงเหมยฮัว “ท่านป้าเล็ก ที่ป้าให้ข้ามาที่นี่วันนี้ก็เพื่อแสดงความขอบคุณข้า แต่ป้าไม่ได้บอกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้ามีอะไรให้ซักถามอย่างนั้นรึ ?”
เจียงเหลียนฮัวรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย แต่นางขี้ขลาดจนชินแล้วจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปมองหลีโผจื่อเพื่อขอความช่วยเหลือ “แม่…”
หลีโผจื่อชักสีหน้าทันที “นี่ไอ้เท้าเล็ก เอ่อ… เจียงป่าวชิง ทำไมล่ะ ? พ่อบ้านหวังก็ถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของเจ้าเช่นกัน เขาถามเจ้านิดหน่อยแล้วมันจะทำไม ? จะพูดจาอะไรเจ้าก็ให้ความเคารพหน่อยเถอะ”
เจียงป่าวชิงถากถาง “ทำไมเจ้าคะท่านย่าสอง ? มีคนมากมายในโลกนี้ที่อายุมากกว่าข้า ทุกคนก็ต้องถือว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ของข้าอย่างนั้นสิ ระหว่างทางถ้ามีคนถามข้าว่าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่ ข้าก็ต้องตอบกลับไปอย่างละเอียดด้วยความเคารพทุกครั้งอย่างนั้นสิ ?”
หลีโผจื่ออยากเด็ดหัวเจียงป่าวชิงแล้วกดลงบนโต๊ะให้รู้แล้วรู้รอด แต่ตอนนี้อยู่ต่อหน้าพ่อบ้านหวัง นางไม่เพียงแต่ตบตีเจียงป่าวชิงไม่ได้ แม้แต่ก่นด่านางก็ทำไม่ได้ด้วยซ้ำ นางทำได้เพียงอดกลั้นอยู่ในใจและรู้สึกโมโหจนเครื่องในของนางกำลังสั่นคลอน
เจียงป่าวชิงก้มหน้ายิ้ม ๆ พลางค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วหันไปพูดกับเจียงเหมยฮัว “ท่านป้าเล็ก น้ำใจของป้าข้ารับไว้แล้ว แต่ข้าคิดว่าวันนี้ยังไม่ใช่โอกาสดีที่จะรวมตัวกันสักเท่าไหร่ เดิมทีที่ข้ามาที่นี่ก็เพราะข้าอยากมาบอกป้าว่าไม่จำเป็นต้องเปลืองเงิน ข้ารับน้ำใจของป้าไว้แล้ว และข้าขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ”
พูดเสร็จ นางก็ไม่รอให้เจียงเหมยฮัวได้พูดเหนี่ยวรั้ง เลือกที่จะจากไปโดยไม่บอกกล่าวอะไรเพิ่มอีก
โจซื่อก่นด่าเจียงป่าวชิงในใจอย่างโหดเหี้ยม ‘อะไรคือไม่จำเป็นต้องเปลืองเงิน ? ไอ้เท้าเล็กที่จิตใจโฉดชั่วอย่างเจ้าจงใจให้พ่อบ้านหวังสั่งอาหารราคาแพงเสร็จก่อนแล้วถึงจะเสแสร้งพูดว่ารับน้ำใจไว้แล้ว!’
ณ ที่แห่งนั้นตกอยู่ในความเงียบทันที
เป็นเสียงหัวเราะของพ่อบ้านหวังที่ทำลายความเงียบอันแปลกประหลาดนี้ “ฮ่า ๆ ๆ ไม่เลว ไม่เลวเลย ข้าไม่เห็นเด็กผู้หญิงที่ดุดันและมีนิสัยเฉพาะตัวแบบนี้มานานแล้ว”
หลีโผจื่อกำลังจะก่นด่าถึงบรรพบุรุษรุ่นที่สิบแปดของเจียงป่าวชิงในใจ แต่จู่ ๆ นางกลับได้ยินพ่อบ้านหวังพูดชมเจียงป่าวชิงเอาในตอนนี้
นางตกตะลึงทันที
พ่อบ้านหวังมองโจซื่ออย่างชื่นชม “ดี ๆ ๆ สาวน้อยที่คุณนายโจแนะนำให้ข้าในครั้งนี้ไม่แย่เลยจริง ๆ หน้าตาสวยงาม น่ารักจิ้มลิ้ม อีกทั้งยังบุคลิกดี แม้ไม่ค่อยมีมารยาทสักเท่าไหร่แต่กลับมีนิสัยเฉพาะตัวที่น่าสนใจ ข้าคิดว่านางได้รับคัดเลือกแน่นอน แต่ดูจากท่าทางของนางแล้ว เหมือนนางจะไม่ค่อยรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังของเรื่องนี้สักเท่าไหร่เลย ? นี่หรือว่า…”
โจซื่อพยายามอดกลั้นหัวใจอันลิงโลดที่ใกล้กระโดดออกมาจากหน้าอก นางอดกลั้นความดีใจจนน้ำเสียงของนางถึงกับเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไม่เป็นไรจ้ะ ไม่เป็นไร นี่ไม่ใช่ปัญหาเลย ท่านพ่อบ้านไม่ต้องห่วง ครอบครัวของเราจะกลับไปโน้มน้าวนางให้ดี ๆ เลยจ้ะ”
พ่อบ้านหวังพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
โจซื่อกับหลีโผจื่อดีใจมาก แม้เจียงเอ้อยาจะรู้สึกเศร้าเล็กน้อย แต่นางก็ตื่นเต้นดีใจเช่นกันที่ครอบครัวของนางกำลังจะได้รับเงินห้าสิบตำลึง มีเพียงเจียงเหมยฮัวคนเดียวที่ยังคงไม่เข้าใจในสถานการณ์ นางมองคนนี้ทีคนนั้นที และอ้าปากเตรียมพูดแต่กลับไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
เป็นโจซื่อที่เห็นท่าทางของเจียงเหมยฮัว นางกำลังอารมณ์ดีจึงเป็นฝ่ายบอกเจียงเหมยฮัวด้วยตัวเอง “นี่… บ้านเราคุยเรื่องการแต่งงานที่ดีให้กับเจียงป่าวชิง ต่อไปนางจะได้เสพสุขแล้วล่ะนะ”
การแต่งงานอย่างนั้นรึ ?
สายตาของเจียงเหมยฮัวไปหยุดที่พ่อบ้านหวังผู้มีสง่าราศีพลางครุ่นคิดด้วยความตื่นตระหนก มันคือสิ่งที่พ่อบ้านหวังที่ดูยอดเยี่ยมคนนี้พูดถึง “การได้รับคัดเลือก” อะไรนั่นหรือเปล่า ?
ตกลงว่ามันคืออะไรกันแน่
ริมฝีปากของเจียงเหมยฮัวขยับเล็กน้อย แต่สุดท้ายนางก็ไม่ได้ถามอะไรทั้งนั้น