แม่สาวเข็มเงิน – ตอนที่ 270 คนที่อยู่บนเตียงคือใคร

ตอนนี้เจียงหยุนชานยังคงรู้สึกสติเลอะเลือนอยู่บ้างเล็กน้อย เขาจำไม่ค่อยได้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เขาจะหมดสติไป เมื่อได้ฟังที่เจียงเอ้อยาพูด เขาก็คิดว่าตัวเองพักผ่อนไม่เพียงพอจริง ๆ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

ถึงอย่างไร สิ่งของที่เฉียนจินหวู่เตรียมไว้คือยาสลบคุณภาพต่ำที่ซื้อมาจากแม่เฒ่ากัว ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อร่างกายและหยาบมากเช่นกัน

เจียงหยุนชานนวดศีรษะเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมาจากบนพื้น แต่จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไปทันที “พี่เอ้อยา ตอนนี้กี่โมงแล้ว น้องอาซิ่งไปกับขบวนรับเจ้าสาวแล้วหรือยัง ?”

เจียงเอ้อยาไม่ค่อยชอบหวังอาซิ่งสักเท่าไหร่ นางรู้สึกว่าหวังอาซิ่งทำอะไรก็มักจะหดศีรษะกลัวไปซะทุกเรื่อง นางเบะปากเล็กน้อย “ไปตั้งนานแล้ว… เหอะ! แต่งออกไปเร็วขนาดนี้ ไม่รู้ว่านางขาดผู้ชายถึงขนาดไหนกันนะ”

หลังจากที่เจียงหยุนชานได้ยินว่าหวังอาซิ่งออกเรือนไปแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แต่พอได้ยินเจียงเอ้อยาพูดเช่นนี้ เขาพูดแก้ให้ถูกต้องอย่างตั้งใจ “พี่เอ้อยา พี่พูดแบบนี้มันออกจะใจดำเกินไปหน่อย น้องอาซิ่งนางเชื่อฟังคำสั่งของครอบครัวจึงต้องแต่งงานเร็วอย่างที่เห็น”

เจียงเอ้อยาได้ยินเจียงหยุนชานบอกว่านางใจดำ สีหน้านางพลันเปลี่ยนไปเป็นบูดบึ้ง แต่เมื่อนางนึกถึงแผนการข้างหลังจึงข่มกลั้นอารมณ์ไว้ เจียงเอ้อยาพูดในใจอย่างโหดเหี้ยมว่าตอนนี้ยอมให้เจ้าไปก่อน อีกเดี๋ยวก็จะถึงตอนที่เจ้าเสียใจแล้วล่ะ

เจียงเอ้อยาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างเสียมิได้ “นี่… หยุนชาน เจ้าออกมานานแล้ว ควรกลับไปได้แล้วนะ”

“แย่แล้ว” เจียงหยุนชานร้อนรน “ป่าวชิงต้องร้อนใจแน่ถ้าหาข้าไม่เจอ ข้าต้องรีบไปหานาง”

เจียงหยุนชานอดกลั้นอาการเวียนศีรษะเอาไว้แล้วงฝืนเดินออกไปจากในห้องด้วยท่าทางใจร้อน

เจียงเอ้อยารู้สึกภูมิใจที่เจียงหยุนชานหลงกล นางรีบโผเข้าไปดึงเขาไว้ “ไอ้ยา! หยุนชาน ดูเจ้าสิ ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรงก็อย่าฝืนเลย ข้าจะช่วยเจ้าตามหาน้องสาวเจ้าด้วยกันเอง”

เจียงเอ้อยากับเจียงหยุนชานเดินออกจากห้องด้วยกัน

ตอนที่เดินผ่านห้องดินเหนียวห้องนั้น เจียงเอ้อยายังคงรู้สึกหวาดหวั่น นางกลัวว่าการเคลื่อนไหวที่เฉียนจินหวู่ทำอยู่จะเสียงดังจนเกินไปจนทำให้เจียงหยุนชานสงสัย แต่โชคดีที่ไม่ได้มีเสียงอะไรดังออกมา เจียงเอ้อยาจึงคิดว่าเฉียนจินหวู่รู้งานอยู่พอสมควร

ขณะนี้ งานเลี้ยงรับประทานอาหารร่วมกันในงานแต่งของบ้านหวังอาซิ่งก็ใกล้จะเสร็จแล้ว พวกชาวบ้านจึงพากันออกมาจากในบ้านของหวังอาซิ่ง เจียงหยุนชานมองดูอยู่ด้านข้างสักครู่ เขาไม่พบร่างของเจียงป่าวชิงก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปขวางชาวบ้านหญิงวัยน้าคนหนึ่งและเอ่ยถาม “น้า เอ่อ… น้าเห็นน้องสาวข้าไหมขอรับ ?”

“ไม่เห็นนะ ทำไมรึ ?”

“ไม่มีอะไรขอรับ น้ากลับไปก่อนเถอะ”

หลังจากที่ถามแบบนี้อยู่หลายครั้งก็มีหญิงวัยป้าที่มีน้ำใจสองสามคนบอกว่าจะช่วยเขาตามหาเจียงป่าวชิง ไป ๆ มา ๆ ผู้ชายที่ไม่มีอะไรทำสองสามคนและพวกเด็ก ๆ ที่ว่างก็มาช่วยโดยบอกว่าจะช่วยเจียงหยุนชานตามหาด้วยเช่นกัน

เจียงเอ้อยาเห็นว่ามีคนเพียงพอแล้ว มีคนดูเยอะขนาดนี้ เมื่อถึงตอนนั้น เรื่องนั้นก็จะเป็นเช่นนั้นและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต่อให้เจียงป่าวชิงจะมีสักสิบลิ้น นางก็คงแก้ตัวไม่ได้อย่างแน่นอน

เจียงเอ้อยาตบศีรษะตัวเองเบา ๆ “ไอ้ยา! ข้านึกอะไรได้แล้ว ตอนที่ข้าออกมาข้าเห็นประตูของห้องที่พวกเจ้าเคยอยู่ก่อนหน้านี้ปิดอยู่ เจียงป่าวชิงคงไม่ได้นอนหลับอยู่ข้างในใช่ไหม ?”

เจียงหยุนชานหาเจียงป่าวชิงไม่เจอเขาจึงรู้สึกร้อนใจมาก เดิมทีเขาอยากกลับไปดูที่บ้าน ไม่แน่ป่าวชิงอาจจะกลับบ้านแล้วก็ได้ แต่พอได้ฟังที่เจียงเอ้อยาพูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกลังเลใจเล็กน้อย

ป่าวชิงของเขาไม่ใช่คนแบบนั้น

แต่เมื่อมองดูผู้คนมากมายที่มาช่วยเขาหาน้องสาวอย่างมีน้ำใจแล้ว เจียงหยุนชานจึงคิดว่าไปดูสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร

คนกลุ่มใหญ่พากันเข้าไปในบ้านตระกูลเจียง

เจียงเอ้อยานำหน้า นางทุบประตูห้องดินเหนียวที่ปิดอยู่ “ป่าวชิง พี่ชายเจ้ามาหาเจ้า เจ้าอยู่ข้างในหรือเปล่า ?”

ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใด ๆ

เจียงเอ้อยาหัวเราะเยาะในใจ เหอะ ถ้าเจียงป่าวชิงตื่นอยู่ในขณะนี้ นางคงจะอยากมุดลงไปใต้ดินเต็มทน ใครมันจะกล้าส่งเสียงอะไรซะที่ไหนล่ะ

เจียงเอ้อยาหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ข้าได้ยินเสียงใครขยับอยู่ข้างใน แต่ไม่มีคนขานรับ คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม ?”

เจียงเอ้อยาพูดมาเช่นนี้ เจียงหยุนชานก็เป็นกังวลอย่างมาก เขาเดินขึ้นไปทุบประตูและส่งเสียงเรียก “ป่าวชิง เจ้าอยู่ในนั้นไหม ?”

ไม่มีคนขานรับ

เจียงเอ้อยาลองผลักประตูเบา ๆ แต่“เปิดไม่ออก กลอนประตูข้างในถูกใส่ไว้อยู่”

“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่ามีคนอยู่ข้างในจริง ๆ ส่วนที่ไม่ตอบ บางทีอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้” ชายสองสามคนพูดขึ้น “งั้นเราผลักประตูเข้าไปเลยเถอะ”

ประตูชำรุดของห้องดินเหนียวจะแข็งแรงสักเท่าไหร่กัน ผู้ชายเหล่านั้นช่วยกันออกแรงทั้งผลักทั้งถีบ จนในที่สุด บานประตูก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเล็กน้อยและพังล้มลงไป

ตอนนี้ทุกคนต่างไม่มีแก่ใจมาสนใจบานประตู พวกเขาต่างมองไปที่บนเตียงภายในห้องอย่างตกตะลึง

หลังจากที่เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานย้ายออกไป ห้องดินเหนียวห้องนี้กลายเป็นห้องเก็บของของตระกูลเจียง ภายในมีของกระจุกกระจิกมากมายวางระเกะระกะซึ่งบดบังสายตาของผู้คนโดยสิ้นเชิง

มีแค่บนเตียงหลังนี้เท่านั้นที่พื้นที่บางส่วนได้รับการจัดเก็บแล้ว ทว่าไม่ใช่แค่นั้น นอกจากนี้ยังมีคนสองคนที่แขนขาของพวกเขากำลังทับซ้อนกันอยู่บนเตียงอีกด้วย

เจียงเอ้อยากรีดร้องทันที “เฉียนจินหวู่! ป่าวชิง ทำไมพวกเจ้าถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ลง ?!”

เจียงหยุนชานเห็นแค่ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนอนคว่ำอยู่ร่างของตัวผู้หญิงคนหนึ่ง เขายังมองไม่ชัดก็ได้ยินเจียงเอ้อยากรีดร้องชื่อของเจียงป่าวชิงเสียแล้ว

ขณะนี้ในหัวของเจียงหยุนชานเหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น แต่สิ่งที่เขาคิดคือเจียงป่าวชิงจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน หรือว่าป่าวชิงจะถูกบังคับรังแก

เจียงหยุนชานไม่ยอมเสียเวลายืนคิดอีกแล้ว เขาผลักผู้คนที่กำลังเบียดเพื่อแทรกไปด้านหน้าและวิ่งมาตรงหน้าเตียง ทว่าเมื่อลองมองดูอย่างละเอียดแล้ว หินก้อนใหญ่ในใจของเขาก็เหมือนถูกยกออกจากอกอย่างสิ้นเชิง

“นี่ไม่ใช่เจียงป่าวชิง!” เขาโพล่งออกมา

เจียงหยุนชานพูดเน้นอีกครั้งด้วยเสียงอันดัง “นี่ไม่ใช่เจียงป่าวชิง!”

เจียงเอ้อยาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะเยาะ “เหอะ ๆ หยุนชาน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กล้าเชื่อว่าเจียงป่าวชิงจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลง แต่ความจริงอยู่ตรงหน้านี่แล้วไง…”

เจียงหยุนชานพูดขัดจังหวะเจียงเอ้อยา “เจ้าลองดูดี ๆ สิว่านี่คือใคร”

เจียงเอ้อยาชักเริ่มสงสัย นางก้าวเข้าไปดูอย่างละเอียดและรู้สึกคุ้นเคยกับเสื้อผ้าของผู้หญิงคนที่ถูกผู้ชายกดทับอยู่ใต้ร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ

เดี๋ยว!

เจียงเอ้อยาเบิกตากว้างทันที

นี่ไม่ใช่เจียงป่าวชิง นี่… นี่คือเฉียนเซียงเซียง!

เจียงเอ้อยาก้าวถอยหลังอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่ใช่ เจียงป่าวชิงล่ะ ?! แล้วเจียงป่าวชิงล่ะ ?!”

ทันใดนั้นเอง เสียงที่ค่อนข้างสบายอกสบายใจดังมาจากทางด้านหลังของทุกคน “ไหนใครกำลังเรียกข้า ?”

เมื่อทุกคนหันกลับไปมองก็เห็นว่าเจียงป่าวชิงกำลังเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยใบหน้าสงสัย

ห้องเล็กมาก เมื่อคนเยอะเช่นนี้มันจึงค่อนข้างเบียดไปหน่อย

เจียงเอ้อยาหน้าเสีย นางพูดแทบไม่เป็นคำ “ไม่… ทำไมเจ้า ? จะเป็นไปได้ยังไง…”

“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ?” เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วพลางเดินไปที่ข้างกายเจียงหยุนชาน นางจับข้อมือเจียงหยุนชานและจับชีพจรให้เขาด้วยสีหน้าราบเรียบ

สภาพชีพจรค่อนข้างสับสนวุ่นวาย เห็นได้ชัดว่าได้รับผลกระทบจากยาคุณภาพต่ำ (ตม)

ความเกลียดชังปรากฏบนใบหน้าของเจียงป่าวชิง

ทว่าเจียงหยุนชาน ทันทีที่เห็นน้องสาว เขาก็โล่งอกอย่างที่สุด “ป่าวชิง เจ้าไปไหนมา ?”

เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “ข้าเดินเล่นอยู่ข้างนอก แต่อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังมากมาจากทางนี้ข้าเลยมาดูจ้ะ”

เจียงเอ้อยาหน้าดำคร่ำครึ บิดเบี้ยวจนดูไม่ได้

“คนที่อยู่บนเตียงคือใครกัน ?”

“หืม ? เหมือนจะเป็นหลานของตระกูลเจียงที่ครอบครัวแซ่เฉียนนะ”

“นางช่างไร้ยางอายจริง ๆ กลางวันแสก ๆ กลับทำเรื่องแบบนี้ได้ลง”

“จุ๊ ๆ เจ้าลืมไปแล้วหรือ ? ไม่ใช่ว่าหลานสาวคนโตของตระกูลเจียงเมื่อก่อนก็เคยถูกคนจับว่าเล่นชู้ในตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้เช่นกันหรอกรึ ?”

ทุกคนต่างพากันวิพากวิจารณ์อย่างคึกคัก แทบไม่มีใครยอมกลับบ้าน ซึ่งเสียงวิพากวิจารณ์ของทุกคนดังเกินไป คนสองคนที่หมดสติอยู่บนเตียงจึงค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาอย่างช้า ๆ

แม่สาวเข็มเงิน

แม่สาวเข็มเงิน

Status: Ongoing
–เจียงป่าวชิง– ผู้สืบทอดรุ่นที่สี่สิบห้าแห่งตระกูลเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องการฝังเข็ม ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทว่าแทนที่จะได้ไปฟังคำพิพากษาในยมโลก แต่โชคชะตากลับพัดพาให้วิญญาณของเธอไปเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวปัญญาอ่อนในชนบทแสนห่างไกล ไกลแสนไกลเสียจนความเจริญ ความศิวิไลซ์ กระทั่งความรู้ก็ไม่สามารถเข้าถึงได้ หมู่บ้านเล็ก ๆ ในชนบท….นิสัยเลวทรามสะเทือนขวัญของผู้คน…. ญาติพี่น้องร่วมตระกูลที่เห็นแก่ตัวและหวังแต่ผลประโยชน์ เด็กสาวอ่อนแอและพี่ชายเพียงหนึ่งเดียวจะรักษาชีวิตให้รอดปลอดภัย จากสถานการณ์ที่ไม่ต่างจากถูกรายล้อมด้วยฝูงหมาป่าแสนชั่วร้ายได้อย่างไร?หมาป่าที่จ้องมองด้วยสายตาหิวกระหาย เตรียมพร้อมฉีกทึ้งเนื้อหนัง ขย่ำเหยื่อตัวน้อย ๆอย่างพวกนางลงท้องทุกเวลา นางจะเปลี่ยนคมมีดให้เป็นเข็ม และใช้ปลายเข็มที่มีกระหน่ำแทง จนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกแสนบิดเบี้ยวใบนี้กลับกลายเป็นสิ่งวิจิตรตระการตา “……แต่ว่า คุณชายที่ป่วยคนนั้นน่ะ มาทางนี้ก่อนสิเจ้าคะ ข้าว่า…เรามาสะสางบัญชีที่ติดค้างไว้กันก่อนดีกว่า ! ……”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset