ตอนนี้เจียงหยุนชานยังคงรู้สึกสติเลอะเลือนอยู่บ้างเล็กน้อย เขาจำไม่ค่อยได้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เขาจะหมดสติไป เมื่อได้ฟังที่เจียงเอ้อยาพูด เขาก็คิดว่าตัวเองพักผ่อนไม่เพียงพอจริง ๆ ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
ถึงอย่างไร สิ่งของที่เฉียนจินหวู่เตรียมไว้คือยาสลบคุณภาพต่ำที่ซื้อมาจากแม่เฒ่ากัว ซึ่งมีผลกระทบอย่างมากต่อร่างกายและหยาบมากเช่นกัน
เจียงหยุนชานนวดศีรษะเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นมาจากบนพื้น แต่จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ สีหน้าของเขาจึงเปลี่ยนไปทันที “พี่เอ้อยา ตอนนี้กี่โมงแล้ว น้องอาซิ่งไปกับขบวนรับเจ้าสาวแล้วหรือยัง ?”
เจียงเอ้อยาไม่ค่อยชอบหวังอาซิ่งสักเท่าไหร่ นางรู้สึกว่าหวังอาซิ่งทำอะไรก็มักจะหดศีรษะกลัวไปซะทุกเรื่อง นางเบะปากเล็กน้อย “ไปตั้งนานแล้ว… เหอะ! แต่งออกไปเร็วขนาดนี้ ไม่รู้ว่านางขาดผู้ชายถึงขนาดไหนกันนะ”
หลังจากที่เจียงหยุนชานได้ยินว่าหวังอาซิ่งออกเรือนไปแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แต่พอได้ยินเจียงเอ้อยาพูดเช่นนี้ เขาพูดแก้ให้ถูกต้องอย่างตั้งใจ “พี่เอ้อยา พี่พูดแบบนี้มันออกจะใจดำเกินไปหน่อย น้องอาซิ่งนางเชื่อฟังคำสั่งของครอบครัวจึงต้องแต่งงานเร็วอย่างที่เห็น”
เจียงเอ้อยาได้ยินเจียงหยุนชานบอกว่านางใจดำ สีหน้านางพลันเปลี่ยนไปเป็นบูดบึ้ง แต่เมื่อนางนึกถึงแผนการข้างหลังจึงข่มกลั้นอารมณ์ไว้ เจียงเอ้อยาพูดในใจอย่างโหดเหี้ยมว่าตอนนี้ยอมให้เจ้าไปก่อน อีกเดี๋ยวก็จะถึงตอนที่เจ้าเสียใจแล้วล่ะ
เจียงเอ้อยาเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอย่างเสียมิได้ “นี่… หยุนชาน เจ้าออกมานานแล้ว ควรกลับไปได้แล้วนะ”
“แย่แล้ว” เจียงหยุนชานร้อนรน “ป่าวชิงต้องร้อนใจแน่ถ้าหาข้าไม่เจอ ข้าต้องรีบไปหานาง”
เจียงหยุนชานอดกลั้นอาการเวียนศีรษะเอาไว้แล้วงฝืนเดินออกไปจากในห้องด้วยท่าทางใจร้อน
เจียงเอ้อยารู้สึกภูมิใจที่เจียงหยุนชานหลงกล นางรีบโผเข้าไปดึงเขาไว้ “ไอ้ยา! หยุนชาน ดูเจ้าสิ ร่างกายเจ้ายังไม่แข็งแรงก็อย่าฝืนเลย ข้าจะช่วยเจ้าตามหาน้องสาวเจ้าด้วยกันเอง”
เจียงเอ้อยากับเจียงหยุนชานเดินออกจากห้องด้วยกัน
ตอนที่เดินผ่านห้องดินเหนียวห้องนั้น เจียงเอ้อยายังคงรู้สึกหวาดหวั่น นางกลัวว่าการเคลื่อนไหวที่เฉียนจินหวู่ทำอยู่จะเสียงดังจนเกินไปจนทำให้เจียงหยุนชานสงสัย แต่โชคดีที่ไม่ได้มีเสียงอะไรดังออกมา เจียงเอ้อยาจึงคิดว่าเฉียนจินหวู่รู้งานอยู่พอสมควร
ขณะนี้ งานเลี้ยงรับประทานอาหารร่วมกันในงานแต่งของบ้านหวังอาซิ่งก็ใกล้จะเสร็จแล้ว พวกชาวบ้านจึงพากันออกมาจากในบ้านของหวังอาซิ่ง เจียงหยุนชานมองดูอยู่ด้านข้างสักครู่ เขาไม่พบร่างของเจียงป่าวชิงก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปขวางชาวบ้านหญิงวัยน้าคนหนึ่งและเอ่ยถาม “น้า เอ่อ… น้าเห็นน้องสาวข้าไหมขอรับ ?”
“ไม่เห็นนะ ทำไมรึ ?”
“ไม่มีอะไรขอรับ น้ากลับไปก่อนเถอะ”
หลังจากที่ถามแบบนี้อยู่หลายครั้งก็มีหญิงวัยป้าที่มีน้ำใจสองสามคนบอกว่าจะช่วยเขาตามหาเจียงป่าวชิง ไป ๆ มา ๆ ผู้ชายที่ไม่มีอะไรทำสองสามคนและพวกเด็ก ๆ ที่ว่างก็มาช่วยโดยบอกว่าจะช่วยเจียงหยุนชานตามหาด้วยเช่นกัน
เจียงเอ้อยาเห็นว่ามีคนเพียงพอแล้ว มีคนดูเยอะขนาดนี้ เมื่อถึงตอนนั้น เรื่องนั้นก็จะเป็นเช่นนั้นและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ต่อให้เจียงป่าวชิงจะมีสักสิบลิ้น นางก็คงแก้ตัวไม่ได้อย่างแน่นอน
เจียงเอ้อยาตบศีรษะตัวเองเบา ๆ “ไอ้ยา! ข้านึกอะไรได้แล้ว ตอนที่ข้าออกมาข้าเห็นประตูของห้องที่พวกเจ้าเคยอยู่ก่อนหน้านี้ปิดอยู่ เจียงป่าวชิงคงไม่ได้นอนหลับอยู่ข้างในใช่ไหม ?”
เจียงหยุนชานหาเจียงป่าวชิงไม่เจอเขาจึงรู้สึกร้อนใจมาก เดิมทีเขาอยากกลับไปดูที่บ้าน ไม่แน่ป่าวชิงอาจจะกลับบ้านแล้วก็ได้ แต่พอได้ฟังที่เจียงเอ้อยาพูดแบบนี้ เขาก็รู้สึกลังเลใจเล็กน้อย
ป่าวชิงของเขาไม่ใช่คนแบบนั้น
แต่เมื่อมองดูผู้คนมากมายที่มาช่วยเขาหาน้องสาวอย่างมีน้ำใจแล้ว เจียงหยุนชานจึงคิดว่าไปดูสักหน่อยก็ไม่เห็นจะเป็นอะไร
คนกลุ่มใหญ่พากันเข้าไปในบ้านตระกูลเจียง
เจียงเอ้อยานำหน้า นางทุบประตูห้องดินเหนียวที่ปิดอยู่ “ป่าวชิง พี่ชายเจ้ามาหาเจ้า เจ้าอยู่ข้างในหรือเปล่า ?”
ไม่มีเสียงเคลื่อนไหวใด ๆ
เจียงเอ้อยาหัวเราะเยาะในใจ เหอะ ถ้าเจียงป่าวชิงตื่นอยู่ในขณะนี้ นางคงจะอยากมุดลงไปใต้ดินเต็มทน ใครมันจะกล้าส่งเสียงอะไรซะที่ไหนล่ะ
เจียงเอ้อยาหันหน้ากลับมาด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ข้าได้ยินเสียงใครขยับอยู่ข้างใน แต่ไม่มีคนขานรับ คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหม ?”
เจียงเอ้อยาพูดมาเช่นนี้ เจียงหยุนชานก็เป็นกังวลอย่างมาก เขาเดินขึ้นไปทุบประตูและส่งเสียงเรียก “ป่าวชิง เจ้าอยู่ในนั้นไหม ?”
ไม่มีคนขานรับ
เจียงเอ้อยาลองผลักประตูเบา ๆ แต่“เปิดไม่ออก กลอนประตูข้างในถูกใส่ไว้อยู่”
“ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่ามีคนอยู่ข้างในจริง ๆ ส่วนที่ไม่ตอบ บางทีอาจเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ได้” ชายสองสามคนพูดขึ้น “งั้นเราผลักประตูเข้าไปเลยเถอะ”
ประตูชำรุดของห้องดินเหนียวจะแข็งแรงสักเท่าไหร่กัน ผู้ชายเหล่านั้นช่วยกันออกแรงทั้งผลักทั้งถีบ จนในที่สุด บานประตูก็ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดเล็กน้อยและพังล้มลงไป
ตอนนี้ทุกคนต่างไม่มีแก่ใจมาสนใจบานประตู พวกเขาต่างมองไปที่บนเตียงภายในห้องอย่างตกตะลึง
หลังจากที่เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานย้ายออกไป ห้องดินเหนียวห้องนี้กลายเป็นห้องเก็บของของตระกูลเจียง ภายในมีของกระจุกกระจิกมากมายวางระเกะระกะซึ่งบดบังสายตาของผู้คนโดยสิ้นเชิง
มีแค่บนเตียงหลังนี้เท่านั้นที่พื้นที่บางส่วนได้รับการจัดเก็บแล้ว ทว่าไม่ใช่แค่นั้น นอกจากนี้ยังมีคนสองคนที่แขนขาของพวกเขากำลังทับซ้อนกันอยู่บนเตียงอีกด้วย
เจียงเอ้อยากรีดร้องทันที “เฉียนจินหวู่! ป่าวชิง ทำไมพวกเจ้าถึงทำเรื่องแบบนี้ได้ลง ?!”
เจียงหยุนชานเห็นแค่ว่ามีผู้ชายคนหนึ่งนอนคว่ำอยู่ร่างของตัวผู้หญิงคนหนึ่ง เขายังมองไม่ชัดก็ได้ยินเจียงเอ้อยากรีดร้องชื่อของเจียงป่าวชิงเสียแล้ว
ขณะนี้ในหัวของเจียงหยุนชานเหมือนถูกฟ้าผ่าอย่างไรอย่างนั้น แต่สิ่งที่เขาคิดคือเจียงป่าวชิงจะไม่ทำเรื่องแบบนี้อย่างแน่นอน หรือว่าป่าวชิงจะถูกบังคับรังแก
เจียงหยุนชานไม่ยอมเสียเวลายืนคิดอีกแล้ว เขาผลักผู้คนที่กำลังเบียดเพื่อแทรกไปด้านหน้าและวิ่งมาตรงหน้าเตียง ทว่าเมื่อลองมองดูอย่างละเอียดแล้ว หินก้อนใหญ่ในใจของเขาก็เหมือนถูกยกออกจากอกอย่างสิ้นเชิง
“นี่ไม่ใช่เจียงป่าวชิง!” เขาโพล่งออกมา
เจียงหยุนชานพูดเน้นอีกครั้งด้วยเสียงอันดัง “นี่ไม่ใช่เจียงป่าวชิง!”
เจียงเอ้อยาอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงหัวเราะเยาะ “เหอะ ๆ หยุนชาน ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กล้าเชื่อว่าเจียงป่าวชิงจะทำเรื่องแบบนี้ได้ลง แต่ความจริงอยู่ตรงหน้านี่แล้วไง…”
เจียงหยุนชานพูดขัดจังหวะเจียงเอ้อยา “เจ้าลองดูดี ๆ สิว่านี่คือใคร”
เจียงเอ้อยาชักเริ่มสงสัย นางก้าวเข้าไปดูอย่างละเอียดและรู้สึกคุ้นเคยกับเสื้อผ้าของผู้หญิงคนที่ถูกผู้ชายกดทับอยู่ใต้ร่างมากขึ้นเรื่อย ๆ
เดี๋ยว!
เจียงเอ้อยาเบิกตากว้างทันที
นี่ไม่ใช่เจียงป่าวชิง นี่… นี่คือเฉียนเซียงเซียง!
เจียงเอ้อยาก้าวถอยหลังอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่ใช่ เจียงป่าวชิงล่ะ ?! แล้วเจียงป่าวชิงล่ะ ?!”
ทันใดนั้นเอง เสียงที่ค่อนข้างสบายอกสบายใจดังมาจากทางด้านหลังของทุกคน “ไหนใครกำลังเรียกข้า ?”
เมื่อทุกคนหันกลับไปมองก็เห็นว่าเจียงป่าวชิงกำลังเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยใบหน้าสงสัย
ห้องเล็กมาก เมื่อคนเยอะเช่นนี้มันจึงค่อนข้างเบียดไปหน่อย
เจียงเอ้อยาหน้าเสีย นางพูดแทบไม่เป็นคำ “ไม่… ทำไมเจ้า ? จะเป็นไปได้ยังไง…”
“ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ล่ะ ?” เจียงป่าวชิงเลิกคิ้วพลางเดินไปที่ข้างกายเจียงหยุนชาน นางจับข้อมือเจียงหยุนชานและจับชีพจรให้เขาด้วยสีหน้าราบเรียบ
สภาพชีพจรค่อนข้างสับสนวุ่นวาย เห็นได้ชัดว่าได้รับผลกระทบจากยาคุณภาพต่ำ (ตม)
ความเกลียดชังปรากฏบนใบหน้าของเจียงป่าวชิง
ทว่าเจียงหยุนชาน ทันทีที่เห็นน้องสาว เขาก็โล่งอกอย่างที่สุด “ป่าวชิง เจ้าไปไหนมา ?”
เจียงป่าวชิงพูดขึ้น “ข้าเดินเล่นอยู่ข้างนอก แต่อยู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงดังมากมาจากทางนี้ข้าเลยมาดูจ้ะ”
เจียงเอ้อยาหน้าดำคร่ำครึ บิดเบี้ยวจนดูไม่ได้
“คนที่อยู่บนเตียงคือใครกัน ?”
“หืม ? เหมือนจะเป็นหลานของตระกูลเจียงที่ครอบครัวแซ่เฉียนนะ”
“นางช่างไร้ยางอายจริง ๆ กลางวันแสก ๆ กลับทำเรื่องแบบนี้ได้ลง”
“จุ๊ ๆ เจ้าลืมไปแล้วหรือ ? ไม่ใช่ว่าหลานสาวคนโตของตระกูลเจียงเมื่อก่อนก็เคยถูกคนจับว่าเล่นชู้ในตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้เช่นกันหรอกรึ ?”
ทุกคนต่างพากันวิพากวิจารณ์อย่างคึกคัก แทบไม่มีใครยอมกลับบ้าน ซึ่งเสียงวิพากวิจารณ์ของทุกคนดังเกินไป คนสองคนที่หมดสติอยู่บนเตียงจึงค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมาอย่างช้า ๆ