สำหรับคนที่อาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคน ความคิดของเจียงป่าวชิงเรื่องที่ “อาจจะเกิดน้ำท่วม” เป็นเรื่องที่ทำให้ตื่นตะลึงอยู่ไม่น้อย
ภรรยาของเจียงเหล่าหวู่พูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มจากด้านข้าง “ป่าวชิง เจ้ายังเล็กคงไม่เคยเจอกับเรื่องแบบนี้มาก่อนถึงได้พูดให้สถานการณ์มันดูเกินจริงไปหน่อย นี่ไม่ใช่เรื่องที่น่าเป็นห่วงอะไร ถึงแม้ว่าฝนตกหนักเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก แต่แม่น้ำคราดของเรานั้นยอดเยี่ยมมาก เจ้าทำใจให้สบายเถอะ”
ภรรยาของเจียงเหล่าหวู่ไม่แยแสต่อเรื่องน้ำท่วม นางครุ่นคิดในใจว่าสามีของนางมักพูดชมเด็กคนนี้บ่อย ๆ แต่สำหรับนาง นี่ก็แค่เด็กที่ไม่ค่อยได้เห็นโลกมากนักและรู้สึกสับสนเมื่อต้องพบกับเหตุการณ์ใหญ่โตเท่านั้นเอง
เจียงป่าวชิงไม่สามารถเกลี้ยกล่อมครอบครัวของเจียงเหล่าหวู่ได้จึงไม่พูดอะไรอีก ทำเพียงเตือนอีกสักหน่อยเท่านั้น “ปู่ห้าเจ้าคะ ถ้าหากว่ามีอะไรผิดปกติ พวกท่านต้องรีบไปจากที่นี่เลยนะเจ้าคะ”
ภรรยาของเจียงเหล่าหวู่เบะปาก นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่เจียงเหล่าหวู่กลับถลึงตาใส่นางและตอบรับเจียงป่าวชิงเสียก่อน
ท้ายสุด เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานก็ฝ่าฝนออกไปจากที่นี่
ภรรยาของเจียงเหล่าหวู่เบะปากอยู่ด้านหลังของเขาพลางเอ่ย “เหอะ! นางเด็กเกินไป ไม่ค่อยได้เห็นโลกมากนัก ก็แค่ฝนตกธรรมดา ๆ นี่มีอะไรให้ต้องหลบกันล่ะ”
เจียงเหล่าหวู่ถลึงตาใส่ภรรยาตัวเองอีกครา “เอาล่ะ เจ้าหยุดพูดได้แล้ว เด็กมันหวังดีก็เลยมาเตือนเท่านั้นเอง เจ้าจะอะไรนักหนา”
ภรรยาของเจียงเหล่าหวู่เบะปากซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่สุดท้ายนางก็เลิกสนใจและหมุนตัวหันกลับไปทำงานต่อ
……
การอาศัยอยู่บนภูเขาท่ามกลางพายุฝนเช่นนี้มันอันตรายจริง ๆ หากว่าเกิดน้ำป่าไหลหลาก อย่าว่าแต่ชีหลี่โวเลย คาดว่าหมู่บ้านละแวกนี้ก็คงหนีไม่พ้นเช่นกัน
หากเจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานอยากออกไปจากเขตภูเขาแห่งนี้ วิธีที่เร็วที่สุดคือข้ามแม่น้ำไป แต่พวกเขาทั้งสองยังคงจดจำอันตรายในแม่น้ำได้อย่างชัดเจนจึงทำใจยอมเสี่ยงไม่ได้จริง ๆ
ทั้งสองเดินไปตามแม่น้ำท่ามกลางสายฝนเป็นเวลานานจนเปียกโชกไปทั้งตัว ไม่นานสายตาพวกเขาพลันเหลือบไปเห็นสะพานข้ามแม่น้ำอย่างเลือนรางท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำเทลงมา
เจียงป่าวชิงจำได้ว่ามีครั้งหนึ่งตอนที่นางข้ามแม่น้ำเพื่อไปยังอำเภอ สะพานมันรับน้ำหนักมากไปประกอบกับความเก่าโทรมจึงพังลงมา เบื้องหน้าพวกเขาคือสะพานใหม่ที่เพิ่งสร้างขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา แต่เนื่องจากปัญหาต่าง ๆ เช่นเงินทุน กำลังคน และไหนจะเวลาอันกระชั้นชิด สะพานจึงถูกสร้างอย่างเรียบง่ายมาก พื้นสะพานแทบจะเรียกได้ว่าปูด้วยท่อนไม้ดูไม่แข็งแรง จะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่อยู่รอมร่อท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำเช่นนี้
เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานเดินฝ่าฝนมาถึงด้านหน้าถึงจะเห็นว่ามีผู้คนสองสามคนอยู่บนพื้นสะพาน พวกเขากำลังจับเชือกด้านข้างของสะพานและพยายามรักษาสมดุลจากการแกว่งของสะพาน
เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานหันมองหน้าสบตากัน
เจียงหยุนชานตั้งสติและพูดขึ้นก่อน “ป่าวชิง ข้าจะไปก่อน ถ้าหากว่าไม่เป็นอะไรเจ้าค่อยตามมาตกลงไหม ?”
ใบหน้าที่เปียกไปด้วยน้ำฝนของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
เจียงป่าวชิงยิ้มให้พี่ชายแล้วยื่นมือไปเกี่ยวแขนเขา “พี่ เราจะแยกกันทำไม ? เราสองคนต้องไม่เป็นอะไรสิ… ไปข้ามสะพานด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ”
เจียงหยุนชานยังอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เจียงป่าวชิงกลับฉุดดึงแขนของเขาให้เดินไปข้างหน้า ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูด
เจียงหยุนชานได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ว่าน้องสาวของเขาคนนี้เป็นคนดื้อรั้นคนหนึ่ง เขาลอบถอนหายใจเงียบ ๆ และทั้งสองคนก็ก้าวไปยืนบนสะพานกันจนได้
เจียงหยุนชานอยู่ข้างหน้า เขาจับเชือกและค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
เจ้าลูกสุนัขทั้งสองตัวที่อยู่ในตะกร้าด้านหลังเขาเหมือนจะรู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาอันตราย พวกมันจึงอยู่นิ่ง ๆ ในตะกร้าอย่างว่านอนสอนง่าย ไม่ขยับตัวแม้เพียงนิด
เจียงป่าวชิงตามอยู่ด้านหลังเจียงหยุนชาน มือเล็กจับเชือกอย่างมันคงและค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวังเช่นกัน
แต่ตอนที่ทั้งสองคนเดินอย่างระมัดระวังไปจนถึงช่วงกลางสะพานที่ข้างใต้เป็นแม่น้ำไหลเชี่ยว ทันใดนั้น ม้าสองตัววิ่งออกมาจากฝั่งตรงข้ามอย่างกะทันหัน มันพุ่งขึ้นมาบนสะพานราวกับสายลมฉิว
ม้าตัวหนึ่งวิ่งอยู่ด้านหน้า แต่คนที่อยู่บนม้าตัวด้านหลังไล่ตามและตะโกนท่ามกลางสายฝนไปด้วย “หยุนชานช้าหน่อย! อันตรายเกินไป!”
คนที่อยู่บนหม้าตัวด้านหน้าพ่นลมออกจากจมูกดังพรืด ง้างแขนเฆี่ยนก้นม้าอย่างแรงราวกับกำลังประท้วงอย่างไรอย่างนั้น ม้ารู้สึกเจ็บจึงวิ่งไปข้างหน้าอย่างหุนหันพลันแล่น
แต่สะพานไม้นี้ เดิมทีมันก็อยู่ท่ามกลางลมฝนกระหน่ำอยู่แล้ว มาเจอเข้ากับเหตุการณ์นี้เพิ่มเติมเข้าไป มันจึงแกว่งไกวไหวเอนราวกับจะพังทลายลงมาอย่างไรอย่างนั้น
เจียงป่าวชิงกับเจียงหยุนชานตกใจรีบยึดเชือกด้านข้างสะพานไว้แน่นเพื่อรักษาสมดุลการยืนให้มันคง แต่ในขณะนี้ บนสะพานไม่ได้มีเพียงสองพี่น้อง ยังมีคนอื่น ๆ อีก ทั้งเด็กเล็กที่อายุเจ็ดแปดขวบกับชายชราที่เหมือนจะเป็นปู่ของเด็กคนนั้น
เมื่อม้าที่เร็วปานลมวิ่งมาบนสะพานทำให้สะพานส่ายไปมาเช่นนี้ ชายชราคนนั้นจับเชือกไม่แน่นจึงพลัดตกลงไปในแม่น้ำคราดที่ไหลเชี่ยว ทันใดนั้น ร่างอันแก่ชราถูกคลื่นใหญ่กลืนไปอย่างน่าเวทนาทันที น่าเศร้าที่ไม่เห็นร่องรอยของเขาอีกเลย
เด็กที่เขาพามาด้วยทรุดตัวลงนอนคว่ำหน้าและร้องไห้จ้าอยู่บนพื้นสะพาน เสียงร้องปนกับเสียงฝน ฟังดูแล้วดูน่าเวทนาเหลือเกิน
สะพานยังคงไหวเอนไม่ปรานีจนเด็กตัวน้อยนิดใกล้ตกลงไปในแม่น้ำแล้วเช่นกัน เจียงหยุนชานทนดูไม่ไหว เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าตอนนี้ผู้หญิงขี่ม้าตัวที่อยู่ด้านหน้าใกล้จะพุ่งมาถึงตรงหน้าแล้ว เจียงหยุนชานรีบอุ้มเด็กน้อยที่กำลังจะตกลงไปในแม่น้ำขึ้นมา มือแกร่งคว้าจับเชือกไว้อย่างแน่นหนา
ทว่า… ผู้หญิงขี่ม้าผ่านข้างกายเจียงหยุนชานด้วยความเร็วที่ไวปานลมพายุทำให้ร่างของเจียงหยุนชานแก่งไปมาตามแรงสะเทือนของสะพานและปลิวตกลงไปในที่สุด
“ม่ายยย!” เจียงป่าวชิงเบิกตากว้างฉับพลัน ปากก็ส่งเสียงร้องที่ไม่ได้เห็นบ่อยอย่างลืมตัว สายตาตระหนกมองเจียงหยุนชานที่โอบเด็กน้อยในอ้อมแขนตกลงไปในแม่น้ำคราดด้วยกัน
ลมแรงและคลื่นสูงซัดสาดราวกับสัตว์ประหลาดอ้าปากกลืนกินเจียงหยุนชานกับเด็กน้อยคนนั้นลงไป
ไม่มีร่องรอยของพวกเขาอีกต่อไป…
มุมปากของเจียงหยุนชานยังมีคราบเลือดติดอยู่เลย
ภาพเหตุการณ์นี้จะกลายเป็นฝันร้ายของเจียงป่าวชิงตลอดหลายปี
……
เจียงป่าวชิงตาแดงก่ำ ณ ตอนนี้ผู้หญิงขี่ม้าคนนั้นดึงบังเหียนม้าและกำลังหันกลับมามองทางนี้
ในหัวใจของเจียงป่าวชิงเต็มไปด้วยความคิดเดียว
ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
เจียงป่าวชิงปล่อยเชือก มือก็ลูบคลำเข็มเงินบนข้อมือซ้ายและพุ่งร่างไปหาผู้หญิงคนนั้น แต่นางยังไม่ทันได้สะบัดเข็มเงินออกไป เสียงฟ้าร้องก็ดังสนั่นไปทั่วท้องฟ้า ม้าตกใจมากจนดิ้นอย่างแรงและสะบัดร่างผู้หญิงที่ขี่หลังมันอยู่ออกไป
ผู้หญิงคนนั้นกรีดร้อง แต่ในตอนที่ร่างกายของนางยังไม่ได้ตกลงไปในแม่น้ำ เงาสีดำก็กระโดดออกมาถีบลงไปบนไหล่ของเจียงป่าวชิงเพื่อยันร่างพุ่งไปหาผู้หญิงคนนั้นอย่างคล่องแคล่วและดึงร่างนางคนนั้นไว้กลางอากาศ
เจียงป่าวชิงเสียการทรงตัว สุดท้ายร่างเล็กก็ถูกแกว่งตกจากสะพาน
ก่อนที่นางจะตกลงไป ตอนนี้มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่นางทำคือสะบัดเข็มเงินทั้งหมดในมือไปที่สองคนนั้น
ตายซะเถอะ มาตายด้วยกันทั้งหมดนี่แหละ!
สายตาพร่ามัวด้วยน้ำตาแห่งความแค้น หูเจียงป่าวชิงได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนสองเสียง และตอนที่นางตกลงไปในแม่น้ำเชี่ยวกรากเย็นยะเยือก ก็เห็นว่าสองคนนั้นตกลงไปในแม่น้ำแทบจะพร้อมกับนาง
กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวแบบนี้ แม้เจียงป่าวชิงจะว่ายน้ำเก่งและสามารถตะเกียกตะกายในน้ำได้มากเพียงใด นางก็ไม่สามารถตีเสมอกับความพิโรธโหดร้ายน่าสะพรึงกลัวของแรงน้ำตามธรรมชาติได้ ยิ่งไปกว่านั้น ที่ไอ้คนคนนั้นออกแรงถีบเต็มกำลังเมื่อสักครู่ ยังทำให้กระดูกสะบักของนางแตกด้วย
แม่น้ำที่ไหลเชี่ยวเย็นยะเยือกกับไหล่อันเจ็บปวดรวดร้าว เจียงป่าวชิงไม่สามารถดิ้นรนอะไรได้เลย
ก่อนที่ความมืดจะกลืนกินเจียงป่าวชิง มีเพียงภาพของคนคนเดียวเท่านั้นที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของนางอย่างเลือนราง
ชายหนุ่มเย่อหยิ่งรูปโฉมงดงามคนนั้นกำลังหันกลับมายิ้มให้นาง
เจียงป่าวชิงค่อย ๆ หลับตาลงอย่างช้า ๆ นางถูกความมืดที่หาที่สุดไม่ได้กลืนกินไปโดยสิ้นเชิง