กู่ฟู่กุ้ยสบถคำหยาบโลนไม่น่าฟัง สีหน้าของเขาเปลี่ยนกลายเป็นเคร่งขรึมโดยพลัน ต้องบอกเลยว่าใบหน้าที่มีรอยแผลเป็นของเขานั้นน่ากลัวมากในยามที่เขาทำหน้าเย็นชา
“ชิงหมาเกิด ถุย!” กู่ฟู่กุ้ยถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างโหดเหี้ยม “รีบพาข้าไป น้องเจียงอยู่ที่นี่ด้วย ไม่แน่อาจจะยังมีโอกาสรอดก็ได้”
ชายผู้มารายงานข่าวคนนั้นรีบนำทางไปอย่างรวดเร็ว แต่เขายังคงรู้สึกหวาดกลัวอยู่เนือง ๆ ทำให้เดินไม่มั่นคง โซไปก็เซมา
จิ้นเทียนหยู่ชักรำคาญ เขาอดด่าออกมาไม่ได้ “บ๊ะ! ทำไมอ่อนแอขาดนี้วะ ?! โจรอย่างเรากลัวการเห็นเลือดด้วยรึ ?”
ชายผู้มารายงานข่าวสั่นเทาไปทั้งร่าง ใบหน้าของเขาขาวซีด “ข้าไม่กลัวเลือดหรอกขอรับ เพียงแต่วันนี้ข้ากับซุนโก๋จื่อยังนัดกันไปอาบน้ำที่แม่น้ำด้วยกันอยู่เลย ผ่านไปไม่เท่าไหร่ เขาก็ถูกฉินหัวฟันจนตายต่อหน้าต่อตาข้าขอรับ เอ่อ… นี่มันออกจะ…”
กู่ฟู่กุ้ยได้ฟังดังนั้น สีหน้าของเขาย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม
…
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดที่ซุนโก๋จื่อถูกฉินหัวฟันจนตาย เพราะรู้ว่าต้องรอให้กู่ฟู่กุ้ยมาจัดการ สถานที่เกิดเหตุจึงยังเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากตอนเกิดเหตุใหม่ ๆ แต่อย่างใด ร่างชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดบนพื้นในสภาพที่บอกได้เพียงอย่างเดียวว่า ตายอย่างเลวร้าย
บาดแผลเลือดออกมากมายมีให้เห็นบนร่างกายและเลือดก็ไหลออกมามากเช่นกัน
น่าสยดสยองจริง ๆ!
ฉินหัวถูกจับมัดไว้และโยนไปอยู่ด้านข้างแล้ว สภาพเขาดูไม่จืด ดูเมามายเหมือนคนดื่มเหล้ามาอย่างหนัก ตอนนี้เขาหลับอยู่และยังกรนเสียงดังออกมาอีก
กู่ฟู่กุ้ยขมวดคิ้วมุ่น เขามองเจียงป่าวชิงก่อนจะพยักพเยิดให้นางเข้าไปดู “เจ้าไปดูเขาสิน้องเจียง”
เจียงป่าวชิงพยักหน้าตอบรับ เผชิญหน้ากับร่างนองเลือดที่ดูน่าหวาดหวั่น แต่นางกลับเดินไปข้างหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเลือดจะเปื้อนรองเท้าของตัวเองหรือไม่ เมื่อเลิกชายเสื้อและนั่งยอง ๆ ลงแล้ว นางก็ลองวัดลมหายใจของซุนโก๋จื่อก่อนเป็นอันดับแรก ตามด้วยลองจับชีพจรของเขาและเลิกหนังตาของเขา สุดท้ายก็ส่ายหน้า
“เขาตายแล้ว ข้าช่วยไม่ได้” เจียงป่าวชิงสรุปอย่างรัดกุม ก่อนจะเดินไปหาฉินหัวที่กำลังนั่งหลับและจับชีพจรให้เขา เสร็จแล้วก็หันไปพูดกับกู่ฟู่กุ้ย “ส่วนฉินหัว เขาไม่เป็นไร เพียงแค่ดื่มเยอะเกินไปหน่อยเท่านั้น”
กู่ฟู่กุ้ยพยักหน้าด้วยสีหน้าย่ำแย่ ฝีเท้าหนักเดินย่ำไปตรงหน้าฉินหัวที่ส่งเสียงกรนอยู่ และถีบฉินหัวอย่างเหี้ยมโหดจนฉินหัวกระเด็นออกไปไกล
ฉินหัวรู้สึกเจ็บแปลบ ตอนนี้สองมือของเขาถูกมัดไว้ เขาจึงกลิ้งตัวตีลังกาอยู่บนพื้นสองสามรอบ และยังไม่ทันลืมตา ก็ต้องตะโกนขึ้นเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
“ใครถีบข้า!”
กู่ฟู่กุ้ยเห็นว่าเนื้อตัวฉินหัวเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้า จึงถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างดูถูก “ถุย! ข้าว่าไอ้เจ้านี่คงดื่มเหล้าเยอะอีกแล้วแหง ๆ กลิ่นเหล้าถึงได้หึ่งขนาดนี้” จากนั้นเขาเอ่ยเรียกชื่อใครคนหนึ่งแล้วสั่ง “ไปเอาน้ำเย็นมาสาดให้มันตื่นซะ!”
เนื่องจากเรื่องการฆ่ากันเองเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในหมู่บ้านนานแล้ว หลายคนจึงพากันไปยกน้ำเย็นมาสาดใส่ฉินหัวอย่างต่อเนื่อง โดนสาดน้ำขนาดนี้ ต่อให้เขาจะเมาเพียงใด ไม่นานก็คงต้องตื่นเต็มตา
ฉินหัวส่งเสียงออกมาคล้ายกับเขาตื่นแล้ว ตอนนี้สติของเขายังคงเลอะเลือนจึงต้องสะบัดศีรษะเพื่อสลัดน้ำบนผมออกและพยายามดึงสติ
อย่างไรก็ตาม เขายังคงงุนงงอยู่เล็กน้อย “ใคร! ใครสาดน้ำใส่ข้าขนาดนี้ ?”
กู่ฟู่กุ้ยนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าฉินหัว
ฉินหัวพยายามถ่างตา “หัวหน้าใหญ่ ท่านมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ?”
ฉินหัวยังพูดไม่ทันจบคำ กู่ฟู่กุ้ยก็ตบหน้าฉินหัวจนเขารู้สึกเวียนศีรษะโลกสั่นคลอนเลยทีเดียว เท่านั้นไม่พอ เขายังพ่นเลือดออกจากปากที่ปนมาด้วยฟันสองซี่ที่ถูกแรงตบทำหัก
กู่ฟู่กุ้ยลุกขึ้น เสียงเหี้ยม ๆ พูดขึ้นว่า “ใช้ได้หนิเจ้าน่ะ มีฝีมือแล้วหนิ แข็งแกร่งพอที่จะฆ่าพี่น้องตัวเองแล้วอย่างนั้นสิ!”
ฉินหัวยังคงรู้สึกงุนงงว่าทำไมหัวหน้ากู่ต้องตบเขาด้วย และยิ่งได้ฟังที่หัวหน้ากู่พูด เขาก็ยิ่งงงเข้าไปใหญ่ “หัวหน้าใหญ่ ท่านพูดเรื่องอะไรหรือขอรับ…?” ทันใดนั้นสายตาเขาพลันเหลือบไปเห็นศพเปื้อนเลือดของซุนโก๋จื่ออยู่ไม่ไกลจากตัวเอง
ฉินหัวเหมือนถูกใครบางคนต่อยหนัก ๆ สองสามครั้งกลางท้อง มันรู้สึกจุกไปถึงอกจนสีหน้าของเขาบิดเบี้ยวไปทันที
กู่ฟู่กุ้ยถ่มน้ำลายลงพื้น เขาไม่อยากอธิบายอะไรให้มากความอีกแล้ว “เจ้าเองก็รู้กฎในหมู่บ้าน คืนนี้เจ้ากินอาหารดี ๆ ดื่มให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะส่งเจ้าไปหาซุนโก๋จื่อ”
ฉินหัวซีดเผือดไปทั้งใบหน้า เขาอยากพูดอะไรบางอย่างแต่กลับพูดไม่ออก
……
เรื่องนี้ถ้าหากพูดตามหลักคือฉินหัวก่อเรื่องและลงมือฆ่าซุนโก๋จื่อหลังจากที่ดื่มเหล้า แต่หลังจากที่กู่ฟู่กุ้ยตรวจสอบต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว กลับกลายเป็นว่าไปตกอยู่ที่หลี่อันหรู
ตอนนั้นฉินหัวกับซุนโก๋จื่อทะเลาะกันเสียงดังมาก แต่โจรส่วนใหญ่ก็เป็นคนอารมณ์ร้อนกันทั้งนั้น การทะเลาะวิวาทประหนึ่งเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับพวกเขาด้วยซ้ำ แรกเริ่มทุกคนจึงไม่คิดจะสนใจอะไร
คนหนึ่งบอกว่าหลี่อันหรูมีเพียงตนอยู่ในใจ อีกคนบอกว่าหลี่อันหรูชอบท่าทางที่กล้าหาญของตน ทั้งสองเถียงกันไปขู่คำรามกันมา จนกลายเป็นทะเลาะกันอย่างที่เห็น ประกอบกับฉินหัวดื่มเหล้าเมาสุราด้วย เมื่อฤทธิ์สุราขึ้นหน้า เขาก็แทงซุนโก๋จื่อหลายครั้งด้วยมีดสั้นในมือ
กู่ฟู่กุ้ยได้ฟังคำอธิบายของคนหลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ และหลังจากที่ได้ยืนยันซึ่งกันและกันแล้ว ต่างก็อธิบายได้สิ่งหนึ่งคือ…
เรื่องนี้ผู้ชายทั้งสองคนคงจะชิงรักหักสวาทเพราะพิษรักแรงหึงหญิงงามผู้หนึ่ง
กู่ฟู่กุ้ยมองจิ้นเทียนหยู่ตาเขม็ง “น้องสาม ข้าเคยบอกแล้วไงว่าให้เจ้าดูผู้หญิงคนนั้นให้ดี ๆ”
สีหน้าจิ้นเทียนหยู่ย่ำแย่มากเช่นกัน เขาต่อยลงไปบนที่จับของเก้าอี้ ลงแรงต่อยจนมันหักคามือ
……
หลี่อันหรูยังไม่ทราบเรื่องนี้ นางกำลังให้เจียงป่าวชิงช่วยเปลี่ยนยาบนขาให้ด้วยน้ำตานองหน้า
“หมอเจียง ขาของข้านี่ถือว่ายังมีทางรักษาให้หายได้ไหม ?” หลี่อันหรูนึกถึงคำสอนของท่านป้าในตระกูลได้ นางบอกว่าผู้ชายจะเกิดความต้องการอยากปกป้องโดยไม่รู้ตัวเมื่อเผชิญหน้ากับผู้หญิงอ่อนแอ รูปลักษณ์อันสวยงามและท่าทางอ่อนแอที่นางจงใจแสดงออกไปเป็นอาวุธที่ดีที่สุดของนาง นางจงใจถามเจียงป่าวชิงด้วยท่าทางและน้ำเสียงที่ดูน่าสงสารมากที่สุด พร้อมทั้งบีบน้ำตาไปด้วย
นางทดลองใช้กลอุบาย “แสร้งทำเป็นอ่อนแอ” กับผู้ชายหลายคนในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแล้วและผลที่ได้ก็ดีมาก เพียงแต่นางรู้สึกว่ามันก็เป็นการทำให้ตัวเองลำบากเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ต้องมาอดทนอดกลั้นความสะอิดสะเอียนเอาไว้ และฝืนแสดงความอ่อนแอกับผู้ชายที่มีกลิ่นเหม็นเหมือนลูกพุทราเน่า ๆ เหล่านั้น
เจียงป่าวชิงเงยหน้ามองหลี่อันหรู “เจ้ากำลังสงสัยในทักษะการรักษาบาดแผลของข้ารึ ?”
“เอ่อ… ข้าเปล่า…” หลี่อันหรูงงเป็นไก่ตาแตก
นี่ไม่เหมือนกับที่นางคิดไว้นี่นา เขาควรปลอบนางที่ตื่นตระหนกด้วยคำพูดอ่อนโยนไม่ใช่หรือไง
แต่หลี่อันหรูยังไม่ได้พูดอะไร ประตูห้องก็ถูกใครบางคนถีบเปิดออกอย่างรุนแรงเสียก่อน
จิ้นเทียนหยู่ที่เวลานี้หน้าตาบอกบุญไม่รับอย่างที่สุดก้าวยาว ๆ เข้ามาในห้อง สีหน้าของเขาย่ำแย่มาก
หลี่อันหรูไม่ได้เจอจิ้นเทียนหยู่มาหลายวันแล้ว นางรู้สึกหวาดกลัวผู้ชายที่หล่อเหลาแต่ป่าเถื่อนคนนี้มาก นางเห็นจิ้นเทียนหยู่ก็เหมือนเห็นผีอย่างไรอย่างนั้น หวาดกลัวจนต้องขดตัวซุกเข้าไปในผ้าห่ม
จิ้นเทียนหยู่ไม่สนใจเจียงป่าวชิง เขาเดินเข้าไปหิ้วคอเสื้อหลี่อันหรูเหมือนหิ้วลูกไก่ตัวเบาหวิว
“เจ้านี่ก็เกล่งกล้าสามารถนักนะ!” จิ้นเทียนหยู่มองหลี่อันหรูอย่างเหี้ยมโหด
ตอนนี้หลี่อันหรูข่มกลั้นความกลัวจนหน้าแดงก่ำ นางพยายามแกะมือของจิ้นเทียนหยู่ออกไป แต่มือของเขาแข็งราวเหล็กกล้า แกะอย่างไรก็ไม่หลุดสักที
กู่ฟู่กุ้ยเดินตามหลังเข้ามาในห้องและพูดด้วยน้ำเสียงอึมครึมว่า “พอได้แล้วน้องสาม เจ้าวางนางลงเถอะ”
จิ้นเทียนหยู่โยนร่างหลี่อันหรูลงบนเตียงตามเดิม
หลี่อันหรูนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา พร้อมหายใจหอบอย่างต่อเนื่อง
จิ้นเทียนหยู่เป็นฝันร้ายของนางจริง ๆ