เจียงป่าวชิงยังไม่ถึงทางเข้าบ้าน ร่างหนึ่งที่เหมือนผีเสื้อโบยบินก็วิ่งออกมาจากทางเข้าบ้านอย่างร่าเริง โถมตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเจียงป่าวชิง
เจียงป่าวชิงประหลาดใจ นางไม่ค่อยเห็นเจียงฉิงใส่เสื้อผ้าผู้หญิง และสาวน้อยยังมัดผมคด ๆ งอ ๆ เท่านั้นไม่พอยังเขียนคิ้วทาผงทาแก้มที่หน้าอีกด้วย
เจียงฉิงเงยหน้าขึ้นมาจากในอ้อมแขนของเจียงป่าวชิงอย่างดีใจ “พี่สาว พี่กลับมาแล้ว พี่มาหาข้าแล้ว!”
เจียงป่าวชิงคิดว่าตัวเองเป็นคนเย็นชาคนหนึ่ง เป็นเรื่องยากที่นางจะถูกทำให้ตื้นตันใจระคนสะเทือนอารมณ์ ทว่ายามนี้เมื่อเห็นเจียงฉิงแต่งตัวน่ารักน่าเอ็นดูวิ่งเข้ามากอดนาง นางก็พูดไม่ออกทันที
เจียงฉิงเคยบอกว่าเมื่อนางตาย นางจะตายไปโดยใส่ชุดแบบที่สวยที่สุดและแต่งหน้าให้สวย ๆ ด้วยที่ผ่านมาเพื่อความอยู่รอด นางจำต้องเป็นขอทานผมเผ้ากระเซอะกระเซิงหน้าตาสกปรกมอมแมมมาหลายปี ตอนตายนางตั้งใจไว้ว่าตัวเองต้องไม่มอมแมมอีกต่อไป
ตอนที่เจียงป่าวชิงออกเดินทางในตอนเช้า เจียงฉิงยังสวมใส่ชุดผู้ชายอยู่เลย แต่ตอนนี้นางกลับแต่งตัวแบบนี้เสียแล้ว ถึงแม้ว่าคนอื่นอาจรู้สึกว่านางดูเก้ ๆ กัง ๆ เล็กน้อย แต่เจียงฉิงพยายามแต่งตัวให้ตัวเองสวยขึ้นตามแบบฉบับที่นางเรียนรู้
และแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องพูดถึงความหมายแฝงของการแต่งตัวของนางเลย
เจียงฉิงคิดว่าตัวเองจะต้องตาย แต่นางกลับไม่ได้บอกเจียงป่าวชิงเกี่ยวกับความหวาดกลัวของตน
ตอนนี้เจียงป่าวชิงกลับมาแล้ว นางเองก็ไม่ได้พูดถึงมัน เพียงบอกกับพี่สาวด้วยความดีใจว่า “พี่สาว พี่กลับมาแล้ว”
เมื่อก่อนเจียงป่าวชิงชอบลูบเส้นผมนิ่มสลวยสวยงามของเจียงฉิง ยามนี้นางลูบมวยผมที่คด ๆ งอ ๆ ของเด็กหญิงอย่างอาลัยอาวรณ์เล็กน้อยและพูดขึ้นยิ้ม ๆ “อื้ม ข้ากลับมาแล้วนะ”
เจียงฉิงดีใจมาก ใบหน้าเล็กน่าเอ็นดูค่อย ๆ เงยขึ้นมาส่งยิ้มแหย ๆ ให้กับเจียงป่าวชิง “พี่สาว พี่สวยมากจริง ๆ นะจ๊ะ ข้าน่ะนะ แต่งหน้าอยู่ตั้งนานสองนานยังไม่สวยเท่าความสวยของพี่เลย”
“เจ้ายังเด็กยังไม่โต ต่อไปถ้าโตกว่านี้เจ้าจะต้องสวยอย่างแน่นอน ข้ามั่นใจ” เจียงป่าวชิงพูดกับเจียงฉิงและจูงมือนางเดินเข้าไปในบ้าน “ไป เราไปเก็บของกันเถอะ”
เจียงฉิงรู้สึกงุนงง “เราจะไปจากที่นี่หรือจ๊ะพี่ ?”
เจียงฉิงรู้สึกตื่นเต้นอีกครั้ง ศีรษะเล็ก ๆ มองไปรอบ ๆ และไม่รู้ว่าคนที่เฝ้าดูนางอยู่ตรงนอกบ้านจากไปตั้งแต่เมื่อไหร่ นางถึงจะรู้สึกโล่งอกเล็กน้อยและพูดขึ้นเสียงเบา “พี่สาว ทักษะการรักษาโรคของพี่ดีขนาดนั้น ไม่แน่คนในหมู่บ้านอาจไม่ยอมให้พี่ไปจากที่นี่ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเราแอบหนีออกไปในตอนกลางคืน…”
เจียงฉิงไม่เคยซักถามเกี่ยวกับการตัดสินใจของเจียงป่าวชิง ปัญหาที่นางไตร่ตรองคือจะดำเนินการอย่างไรกับคำพูดของพี่สาวของนาง
“ไม่ต้องห่วง ไม่เป็นไรหรอก ถึงตอนนั้นเราจะจากไปอย่างสง่าผ่าเผย” เจียงป่าวชิงพาเจียงฉิงไปที่กะละมังใส่น้ำ “ก่อนอื่นล้างหน้าดอกไม้ของเจ้าออกก่อน”
เจียงฉิงส่งเสียงตอบรับเบา ๆ มือก็วักน้ำในกะละมังทองแดงขึ้นมาถูล้างหน้าตัวเอง และพูดกับตัวเองเสียงเบาไปด้วย “ทำไมถึงได้เป็นหน้าดอกไม้ล่ะ นี่ข้าวาดอย่างยากลำบากอยู่ตั้งนานเลยนะ”
เจียงฉิงล้างหน้าจนสะอาดแล้ว เจียงป่าวชิงก็พานางไปตรงหน้ากระจกทองแดงบนโต๊ะและให้นางมองเด็กผู้หญิงในกระจก จากนั้นก็ช่วยเจียงฉิงแกะผมที่คด ๆ งอ ๆ ออกและช่วยนางมัดมวยผมสองข้างโดยเหลือผมหน้าม้าบาง ๆ ให้เด็กหญิงเล็กน้อย มันช่วยขับให้ใบหน้าอ่อนวัยของนางดูน่ารักมากกว่าเดิม
เจียงฉิงมองตัวเองในกระจกอย่างหลงใหล รีบกุมหน้าด้วยมือทั้งสองข้าง “โอ… ฝีมือของพี่ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ หลังจากที่พี่ทำให้ ข้าก็ดูดีขึ้นทันตาเห็นเลยจ้ะ”
“เดิมทีอาฉิงดูดีอยู่แล้ว” เจียงป่าวชิงพูดและหันกลับไปเปิดตู้ไปด้วย นางจัดการนำเอาเสื้อผ้าออกมาจัดเก็บ
เจียงฉิงเห็นการกระทำของเจียงป่าวชิงจากในกระจกก็รีบเข้าไปช่วยเจียงป่าวชิงทันที “พี่สาวจ๊ะ… เราจะไปจริง ๆ เหรอจ๊ะ ?”
“ใช่” รอยยิ้มอ่อนโยนประดับริมฝีปากของเจียงป่าวชิง ใบหน้าสวยงามอยู่แล้วของนางพลันดูมีสีสันมากกว่าเดิม “พี่ชายข้าอยู่ที่เมืองหลวง เราจะไปหาพี่ชายข้ากันที่เมืองหลวงนะ”
เจียงฉิงกะพริบตาปริบ ๆ “หา ? แต่ข้าจำได้ว่าพี่ชายของพี่…”
เจียงป่าวชิงกับเจียงฉิงต่างพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกันมาตลอดสามปี นางเคยพูดถึงเจียงหยุนชานเป็นบางครั้งเมื่อยามที่รู้สึกผิดหวังภายใต้แสงจันทร์ แต่เพราะนางไม่ค่อยชอบให้คนอื่นรู้เกี่ยวกับความเจ็บปวดในใจของตัวเองสักเท่าไหร่ ที่ผ่านมาจึงเคยพูดถึงเจียงหยุนชานให้เจียงฉิงฟังเพียงนิดเดียวเท่านั้น
เจียงฉิงแค่รู้ว่าพี่สาวของนางเคยมีพี่ชายฝาแฝด แต่ต่อมาเขาตกสะพานลงไปในแม่น้ำและเสียชีวิตในที่สุด
“ใช่ ข้าคิดว่าพี่ชายข้าตายแล้ว” เจียงป่าวชิงนึกอะไรได้จึงส่งเสียงออกมาทางจมูกเล็กน้อย “แต่เพิ่งมีคนบอกว่าพี่ชายข้ายังมีชีวิตอยู่…”
เจียงฉิงรู้สึกดีใจแทนเจียงป่าวชิงจริง ๆ “โอ้! พี่สาว นี่เป็นเรื่องดีจริง ๆ พี่มีครอบครัวเพิ่มมาอีกคนแล้วนะ ต่อไปข้ากับพี่ชายของพี่จะปกป้องพี่ด้วยกัน” พูดเสร็จ นางยกกำปั้นเล็กขึ้นเพื่อแสดงให้เห็นถึงพละกำลังของตน
เจียงป่าวชิงรู้สึกขบขันกับท่าทางของเด็กหญิง “อาฉิง จะพูดอ้อมไปอ้อมมาอย่างพี่ชายข้าพี่ชายเจ้าทำไม พี่ชายข้าก็เป็นพี่ชายเจ้าเช่นกันไม่ใช่รึ ?”
เจียงฉิงกะพริบตาท่าทางตื่นตะลึง “พะ… พี่สาว ข้า… ข้าเป็นได้หรือ ?” นางพูดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ มือขยำชายเสื้อทำตัวไม่ถูก “แต่ว่า… ข้าไม่รู้จักพี่ชายของพี่นี่นา… ถ้าหากว่าเขาไม่ชอบข้าจะทำยังไงล่ะ ?” พูดถึงช่วงสุดท้าย น้ำเสียงของนางเบาลงเรื่อย ๆ อย่างคนประหม่าเต็มที่
“โถอาฉิงของพี่… เจ้าน่ารักขนาดนี้พี่ชายจะไม่ชอบได้ยังไงเล่า ?” เจียงป่าวชิงมองเจียงฉิงด้วยความสงสารเล็กน้อย เจียงฉิงอยู่เคียงข้างนางมาอย่างระมัดระวังเกินไป นางกลัวว่าพี่สาวคนนี้จะไม่ต้องการนางและทิ้งนางไป และนี่อาจเกี่ยวข้องกับชีวิตการเป็นขอทานตัวน้อยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของนาง
เจียงป่าวชิงจำได้ว่าตอนที่บังเอิญเจอกับเจียงฉิงครั้งแรก เด็กหญิงบอกว่านางเคยมีน้องชายอยู่คนหนึ่งแต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา เจียงฉิงคงโหยหาความรักในครอบครัว แต่ก็กลัวการสูญเสียเช่นกัน
ทันทีที่ได้ยินเจียงป่าวชิงพูด ดวงตาเจียงฉิงเป็นประกาย ใบหน้าเล็กแดงเรื่อขึ้น “พี่สาวคิดว่าข้าน่ารักเหรอ ? ถะ… ถ้างั้นพี่ชายจะคิดว่าข้าน่ารักเหมือนที่พี่สาวคิดไหมนะ”
ในคำพูดของเจียงฉิงแฝงความกังวลอยู่พอสมควร เจียงป่าวชิงให้คำตอบยืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ใบหน้าของนางถึงจะกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง จากนั้นเด็กหญิงตัวน้อยก็เดินหมุนไปรอบ ๆ เจียงป่าวชิงอย่างมีความสุขใบหน้ายิ้มแย้ม
“ยะโฮ่! ข้าจะมีพี่ชายแล้ว! จะมีพี่ชายแล้ว!” เจียงฉิงเดินหมุนอยู่ในห้องอย่างดีใจ แต่จู่ ๆ นางก็วิ่งกลับมาอีกครั้ง “เดี๋ยวก่อนนะพี่สาว พี่หยุนชานหล่อไหมจ๊ะ ?”
“หล่อสิ เขาหล่อเหลามากเชียวล่ะ” เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “แม้ไม่เจอกันถึงสามปี แต่ข้าคิดว่าพี่ชายคงไม่ได้ดูแย่ลง เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก”
เจียงฉิงชอบคนที่ค่อนข้างหน้าตาหล่อเหลาหรือสวยงาม นางรู้สึกดีกับคนหน้าตาดี ๆ บางคน ได้ยินเช่นนี้ก็ไม่ต้องบอกเลยว่านางรู้สึกดีใจมากเพียงใด
ตอนที่สองพี่น้องกำลังเก็บเสื้อผ้ากันอย่างมีความสุขนั้น ขณะเดียวกันมีใครคนหนึ่งในหมู่บ้านกำลังอารมณ์เสียอย่างมาก
จิ้นเทียนหยู่ขังตัวเองไว้ในห้อง ไหเปล่าวางเรี่ยราดแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขาดื่มเหล้าไปหลายไหแล้ว
กู่ฟู่กุ้ยเดินผ่านหน้าประตูบ้านจิ้นเทียนหยู่ จู่ ๆ ไหเหล้ากลิ้งออกมาจากในบ้าน มันเกือบทำให้กู่ฟู่กุ้ยเหยียบล้มหน้าคะมำลงบนพื้นอยู่รอมร่อ
“เฮ้ ๆ ๆ น้องสามเจ้าทำอะไรนั่น ?” กู่ฟู่กุ้ยโบกมือไปมาตรงจมูกไล่กลิ่นเหล้าคลุ้งหึ่ง เขาเดินไปดูในบ้าน หน้านิ่วคิ้วขมวดและต้องตกใจกับไหเหล้ากองโตที่อยู่ตรงหน้า
“หืม ??? ที่เจ้าไม่ไปประชุมร่วมหารือเพราะดื่มเหล้าอยู่ที่นี่งั้นรึ ? เยอะขนาดนี้ เจ้าไม่กลัวตายเพราะดื่มหนักเลยรึไง ?!”
.