ตอนที่ 76 เมิ่งเถี่ย
หูของเจียงป่าวชิงกระดิกทันที นางรู้สึกคุ้นชื่อเมิ่งเถี่ยผู้นี้
อาจจะเป็นการชดเชยให้เจ้าของร่างเดิมที่ปัญญาอ่อนมาหลายปี ความทรงจำของร่างนี้ก็ดีจนน่าตกใจ หากว่าเคยเห็นแล้วก็แทบจะลืมไม่ลงเลยก็ว่าได้ เจียงป่าวชิงครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นก็คิดออก เมิ่งเถี่ยไม่ใช่คนที่เจียงเอ้อยาถ่อสังขารมาบอกนางว่าเป็นคนที่จะแต่งงานกับเจียงเหมยฮัวหรือท่านป้าเล็กหรอกรึ ?
เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นนางก็แสร้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็น “ท่านป้าเจ้าคะ เหตุใดท่านถึงบอกว่าภรรยาของเมิ่งเถี่ยคนนั้นเป็นผู้โชคร้ายล่ะเจ้าคะ ?”
พูดถึงเรื่องมโนสาเร่ คุณป้าเสื้อสีแดงก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด นางรีบพูดกับเจียงป่าวชิงอย่างออกรสออกชาติ “เจ้าถามถูกคนแล้วล่ะเด็กน้อย บ้านของเมิ่งเถี่ยเป็นเพื่อนบ้านข้าเอง ข้าคุ้นเคยเป็นอย่างดีเลยล่ะ”
เจียงป่าวชิงกะพริบตาปริบ ๆ นางตั้งใจฟังอย่างให้ความสนใจ เห็นได้ชัดว่าการกระทำของเจียงป่าวชิงทำให้คุณป้าเสื้อสีแดงรู้สึกสบายใจอย่างมาก
การสนทนานี้ต้องการอะไร ? สิ่งที่ต้องการก็คือคนอื่น ๆ ให้ความสนใจกับการพูดของตนเอง!
คุณป้าเสื้อสีแดงเริ่มนินทาเรื่องครอบครัวของเมิ่งเถี่ยด้วยท่าทางที่มีชีวิตชีวา “พูดถึงครอบครัวของเหล่าเมิ่ง ข้าก็นึกสงสารอยู่พอสมควร ไม่รู้ว่าสุสานบรรพบุรุษของเขาถูกฝังผิดที่หรือเปล่า ถึงได้เลี้ยงลูกชายห้าคน แต่สี่คนแรกกลับตายหมดเหลือเพียงคนสุดท้ายเท่านั้น พอฟังคำพูดของซินแสก็เปลี่ยนชื่อเป็นเมิ่งเถี่ยถึงจะสามารถอยู่รอดมาได้ ลูกคนสุดท้ายรอดมาได้คนเดียวแบบนี้จะไม่ล้ำค่าได้อย่างไร จริงไหม ?”
“ไม่ง่ายเลยจริง ๆ เจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงคล้อยตามน้ำ
คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะรู้สึกไม่ยอมที่การเป็นที่สนใจของตัวเองถูกป้าเสื้อสีแดงแย่งไป นางจึงพูดแทรกขึ้นมา “ก็เพราะเลี้ยงดูจนสูงส่งเกินไป ครอบครัวของเหล่าเมิ่งเคยถือว่าเป็นเจ้าของที่ดินของหมู่บ้านลั่วโถวของเราเมื่อครั้งในอดีต แต่ตอนนี้ที่ดินในบ้านของเขาใกล้จะเหี่ยวเฉาหมดแล้ว ข้านั้นจะรอดูว่าครอบครัวพวกเขาจะกินอะไรในอนาคต”
“แต่ยังดีที่ยังมีที่ดินอยู่นะ ดีกว่าไม่มีทายาทในภายหลังตั้งเยอะ” คุณป้าเสื้อสีแดงกลับไม่คิดเช่นนั้น “แต่ข้าเข้าใจหัวอกของเหล่าเมิ่งกับเมียเขาดีเพราะพวกเขาอายุพอ ๆ กับข้า หลานชายคนโตของข้าใกล้จะแต่งเมียแล้ว แต่หลานชายของเขากลับไม่เคยพาใครมาให้เห็นเลย แบบนี้จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรล่ะ ?”
“ใช่เจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงเห็นด้วย ตอนที่อยู่ในยุคปัจจุบัน ‘เธอ’ เรียนวิชาฝังเข็มกับปู่ของเธอในชนบทมาโดยตลอด จึงรู้ว่าจะคบค้าสมาคมกับเหล่าคุณป้าพวกนี้ได้อย่างไร
เจียงป่าวชิงพูดคล้อยตามคุณป้าเสื้อสีแดงอย่างชำนาญ “เป็นใครก็ต้องร้อนใจกันทั้งนั้นแหละเจ้าค่ะ”
เมื่อคุณป้าเสื้อสีแดงเห็นว่าเจียงป่าวชิงเห็นด้วยกับคำพูดของตัวเอง นางก็ยิ่งกระตือรือร้นที่จะพูดมากขึ้น นางมองไปรอบ ๆ พลางทำท่าทีลึกลับ บริเวณนี้มีเพียงพวกนางสามคนเท่านั้นที่กำลังสนทนากันอยู่ สุดท้ายนางก็พูดขึ้นเสียงเบา “ข้าจะบอกอะไรให้พวกเจ้าฟัง พวกเจ้าอย่าได้ไปเล่าต่อที่ไหนล่ะ ไม่ใช่ว่าเขาเล่ากันว่าเมิ่งเถี่ยคนนั้นตีเมียสองคนตายหลังจากที่เขาดื่มเหล้าเสร็จหรอกหรือ ? …นั่นเป็นเพราะเขารู้ว่าเมียตัวเองตั้งท้องไม่ได้ จึงตีเมียเพื่อระบายอารมณ์ แต่เพราะตีเยอะเกินไป เมียจึงตายทั้งอย่างนั้น!”
คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะปิดปากอุทานราวกับตกใจขนานหนัก แต่สีหน้าของนางกลับมีความตื่นเต้นเจืออยู่ “ไอ้โย! ที่เมียทั้งสองคนไม่ตั้งท้องแบบนั้น บางทีอาจเป็นเพราะเมิ่งเถี่ยคนนั้นไร้น้ำยาเองก็เป็นได้”
คุณป้าเสื้อสีแดงเบะปากเล็กน้อย “ไม่ใช่ไร้น้ำยาสักหน่อย เจ้าเด็กเมิ่งเถี่ยคนนั้น ข้าเห็นเขาเติบโตมาตั้งแต่ยังเล็ก ตอนที่เขาอายุสิบกว่าขวบ ขนยังไม่ทันขึ้นก็ไปทำเด็กข้างบ้านท้องโตเสียแล้ว ต่อมาเด็กผู้หญิงคนนั้นดูเหมือนจะไม่กล้าบอกครอบครัวตัวเอง นางจึงดื่มยาทำแท้งและเสียเลือดจนตายในที่สุด”
คุณป้าเสื้อสีแดงเว้นช่วงเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดต่อเสียงเบาแทบเป็นการกระซิบ “ตอนนั้นไม่รู้ว่าครอบครัวของเด็กผู้หญิงคนนั้นไปรู้มาจากไหนว่าเด็กในท้องเป็นลูกของเมิ่งเถี่ย จึงมาทะเลาะกันที่บ้านเหล่าเมิ่งใหญ่โตเชียวแหละ ต่อมาพวกเขาก็เอาเงินจำนวนมากมาจากครอบครัวของเหล่าเมิ่งได้ถึงจะยอมกลับไป และก็ไม่ได้เกิดการทะเลาะสำหรับเรื่องนี้อีก”
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยรึ ?” คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะมีสีหน้าตกตะลึงอย่างมาก
คุณป้าเสื้อสีแดงค่อนข้างลำพองใจอยู่เล็กน้อย “ใช่! ก่อนหน้านี้เหล่าเมิ่งกับเมียของเขาบอกว่าเมิ่งเถี่ยเลิกทั้งเหล้าเลิกทั้งตีคนแล้ว จากนั้นพวกเขาก็ไปขอให้คนอื่นช่วยพูดเรื่องแต่งงาน แล้วยังสัญญาว่าจะห่อซองแดงห่อใหญ่สำหรับแม่สื่อให้อย่างดีอีกด้วยนะ” พูดเสร็จ คุณป้าเสื้อสีแดงก็ยื่นนิ้วออกมานับเลข
คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะอุทานขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นนางก็พูดด้วยความอิจฉา “ไม่น้อยเลยจริง ๆ ดูเหมือนว่าครอบครัวของเหล่าเมิ่งจะสู้เพื่อลูกชายอยู่พอสมควรเจ้าว่าไหม ?”
“ใช่!” คุณป้าเสื้อสีแดงเต็มไปด้วยความรู้สึกของการประสบผลสำเร็จในการสนทนาครั้งนี้ “สะใภ้ตระกูลเฉียนรับเงินไปอย่างมีความสุขเลยเชียวล่ะ… ได้ยินมาว่านางแนะนำน้องสาวของนางให้เมิ่งเถี่ยด้วยนะ จุ๊ ๆ นั่นเป็นน้องสาวแท้ ๆ เลยเชียว ถือว่านางสู้เพื่อเงินค่าตอบแทนของแม่สื่อมากเลยทีเดียว”
สะใภ้ตระกูลเฉียน อาจจะหมายถึงเจียงเหลียนฮัวที่แต่งเข้าไปในตระกูลเฉียนที่ทำอาชีพเชือดสัตว์ก็ได้ และเจียงเหมยฮัวที่กำลังจะแต่งงานกับเมิ่งเถี่ย นางเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของเจียงเหลียนฮัว
เจียงป่าวชิงบอกไม่ได้ว่าในใจของนางกำลังรู้สึกอย่างไรในเวลานี้
“น้องชิง!” ซุนต้าหูเรียกชื่อเจียงป่าวชิง จากนั้นเขาก็วิ่งมาหาพวกนางด้วยท่าทางเหนื่อยหอบ
ซุนต้าหูนั้น ที่ผ่านมาเขาเคยมารับส่งผู้คนและสิ่งของที่หมู่บ้านลั่วโถวบ้างเป็นบางครั้ง คุณป้าเสื้อสีแดงและคุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะจำเขาได้ พวกนางจึงพากันอุทานเล็กน้อย “นั่นต้าหูไม่ใช่รึ ? พี่ชายที่เจ้าพูดถึงเมื่อสักครู่คือต้าหูอย่างนั้นสิ ?”
“ใช่เจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงไม่ได้อธิบายอะไรมากมาย
ซุนต้าหูวิ่งจนมีเหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มาหยุดหายใจตรงหน้าเจียงป่าวชิง “น้องชิง เจ้ารอนานไหม ?”
“ไม่เลยเจ้าค่ะ” เจียงป่าวชิงตอบ “เมื่อสักครู่ข้าคุยกับพวกคุณป้าอยู่สักพัก”
คุณป้าเสื้อสีแดงดึงซุนต้าหูเบา ๆ “เจ้าอย่าหนีไปไหนก่อนล่ะ ลูกสาวตระกูลหมาวคนนั้นที่ข้าพูดกับเจ้าเมื่อครั้งที่แล้ว เจ้าว่าเป็นอย่างไรบ้าง ?”
ซุนต้าหูงงเป็นไก่ตาแตก เขาเกาศีรษะ ผ่านไปสักครู่เขาถึงจะพูดออกมาอย่างอดกลั้น “ท่านป้าขอรับ ข้า… ข้ายังไม่รีบหาเมียตอนนี้…”
“ยังไม่รีบรึ เจ้าอายุเท่านี้แล้วนะ!” คุณป้าเสื้อสีแดงบ่น “หากเจ้าคิดว่าลูกสาวตระกูลหมาวไม่ผ่าน ถ้าอย่างนั้นลูกสาวตระกูลหม่าล่ะเป็นอย่างไร ? ประเดี๋ยว เจ้าอย่าหนีสิ…”
ซุนต้าหูจูงมือเจียงป่าวชิงเพื่อวิ่งหนีอย่างบ้าคลั่ง ผ่านไปสักพักเมื่อด้านหลังไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรแล้ว เขาถึงจะปล่อยมือเจียงป่าวชิง
เขารู้สึกเพียงว่าหัวใจในอกของเขาเต้นแรง และไม่รู้ว่ามันเกิดจากการวิ่งอย่างบ้าคลั่งมาตลอดทางหรือการที่ได้จูงมือเจียงป่าวชิงกันแน่
ถึงแม้ว่าเจียงป่าวชิงจะไม่ชอบให้ใครสัมผัสตัวนาง แต่ซุนต้าหูดีกับนางมาตลอด และการที่เขาจูงมือนางวิ่งภายใต้สถานการ์ที่น่าวิตกกังวลเช่นนี้ นางก็ไม่รู้สึกว่ามันจะไม่เหมาะสมตรงไหน ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้นางวิ่งจนเหนื่อยหอบจึงไม่มีแก่ใจไปคิดเรื่องอื่น
“พี่ต้าหู…” เจียงป่าวชิงหายใจเสมอกันแล้ว จากนั้นก็ยืดตัวตรง “นี่เรากำลังจะไปเอาหมาใช่ไหมเจ้าคะ ?”
ซุนต้าหูดึงสติกลับมาทันที จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างต่อเนื่อง “ใช่แล้ว”
เมื่อสักครู่ตอนที่เขาวิ่งมา ก็ได้วิ่งไปทางบ้านของครอบครัวที่มีหมาเหล่านั้น ตอนนี้เมื่ออลองมองดูดี ๆ ก็พบว่าใกล้ถึงบ้านที่พวกเขาตั้งใจจะมาแล้ว
“อยู่ข้างหน้านี้เอง” ซุนต้าหูไม่กล้ามองเจียงป่าวชิง เขาจึงรีบหมุนตัวและนำทางไปด้านหน้า
ไม่ไกลจริง ๆ ด้วย เจียงป่าวชิงเดินตามหลังซุนต้าหูไม่นานก็มาถึงที่หมาย
ถึงแม้ว่าประตูบ้านจะปิดอยู่ แต่รั้วรอบลานบ้านกลับก็ไม่สูงมากนัก เจียงป่าวชิงมองจากนอกรั้วเข้าไปในลานบ้านก็เห็นลูกหมาสองสามตัวกำลังวิ่งเล่นกันไปมาอยู่ในลานบ้านอย่างร่าเริง พวกมันดูมีชีวิตชีวามาก
“จูเหล่าซาน จูเหล่าซานอยู่ไหม ?” ซุนต้าหูเคาะประตูเรียก
เจียงป่าวชิงเห็นหญิงสาวที่สวมผ้ากันเปื้อนผ้าป่านคนหนึ่งเดินออกมาจากในบ้าน “มาแล้วข้ามาแล้ว นั่นใครรึ ?”
หญิงสาวคนนี้เปิดประตู นางเห็นซุนต้าหูก็รู้สึกลังเลราวกับไม่ค่อยแน่ใจอย่างไรอย่างนั้น “เจ้าคือ… ซุนต้าหูที่ขับรถล่ออยู่ที่ชีหลี่โวใช่ไหม ?”