Provider : Muntra
โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.207 – กองทัพทุ่งล่า
นี่ถือเป็นเรื่องปกติ
ฉินเฟิงทราบอยู่แล้ว่าที่นี่คืออาณาเขตเฝ้าระวังของกองทัพทุ่งล่า เขาลงจากรถศึก แล้วให้ไป๋หลีเก็บมันในพื้นที่มิติ
พอร่อนลงสู่พื้น ก็พบกันสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยป่าและโขดหิน การเดินทางค่อนข้างยากลำบาก
แน่นอน ที่กล่าวมาคือข้อจำกัดของคนทั่วๆไป สำหรับไป๋หลีและฉินเฟิง มันไม่นับว่าเป็นอุปสรรคแต่อย่างใด
ฉินเฟิงรับรู้ได้ถึงพลังสมาธิที่กวาดลงบนตัวเขา จากนั้นมันก็หายวับไปอย่างรวดเร็ว คล้ายจะถอนหนีด้วยความยำเกรง
ไม่นานนัก ก็มีหลายคนปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าเขา
คนเหล่านี้ทั้งหมดถืออาวุธครบมือ สวมใส่ชุดลายพรางสีเขียวเป็นอุปกรณ์รูนเลเวล G อาวุธในมือก็เป็นสีเดียวกับเครื่องแบบเช่นกัน
—เป็นทหารจากกองทัพทุ่งล่า!
“ผู้ว่าการฉิน ในที่สุดคุณก็มา”
ทุกคนยกมือตะเบ๊ะเขาด้วยความเคารพ แต่ยังก็หวาดกลัวอยู่ลึกๆในจิตใจ
เพราะเมื่อหลายวันก่อน ชื่อเสียงของฉินเฟิงยังไม่ค่อยเป็นที่พูดถึง แต่หลังจากผ่านช่วงวันมะรืนไป ชื่อเสียงของเขากลับโด่งดังจนเป็นที่รู้จักมากมาย
กระทั่งสถานชุมชนอีกสี่แห่ง ในที่สุดก็เริ่มให้ความสนใจกับสถานชุมชนเฟิงหลี ทั้งหมดต่างคิดว่ามันจะกลายเป็นอีกหนึ่งสถานชุมชนที่แข็งแกร่งในอนาคต
แต่ในเมืองเฉิงหยาง ชื่อของฉินเฟิงกลับกลายเป็นคำต้องห้าม
เพราะเวลานี้ มีผู้คนจำนวนมากในเมืองเฉิงหยางหวาดกลัวฉินเฟิง หวาดกลัวว่าวันใดวันหนึ่งฉินเฟิงจะนำความหายนะครั้งใหญ่มาสู่เมืองของพวกเขา
แต่ที่กล่าวมามันก็แค่การคาดเดาไร้สาระเท่านั้น ฉินเฟิงที่อยู่ท่ามกลางความสนใจของทุกคนแทบไม่ได้รับผลกระทบใด ตอนนี้ยังไม่มีใครถึงขั้นส่งคนมาสอดแนมฉินเฟิง
แต่ตนเพิ่งก่อเรื่องใหญ่โตไป ฉะนั้นจึงสมควรอยู่เฉยๆไปสักพักเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะหยางซานหูตามตัว ฉินเฟิงคงไม่มีความตั้งใจที่จะออกจากสถานชุมชนจนกว่าจะถึงงานประมูล
“ผู้ว่าการฉิน คุณมาถึงเร็วจริงๆ ขอบคุณสำหรับความยากลำบาก” หยางซานหูรีบก้าวออกมา จับมือกับฉินเฟิง
“ด้วยความยินดีครับ ผมไม่สามารถปล่อยให้กองทัพรอผมคนเดียวได้หรอก”
ในแววตาของหยางซานหูเปล่งประกาย เขารู้สึกเชื่อมั่นในตัวฉินเฟิงขึ้นหลายส่วน
สำหรับที่นี่ หากเดินทางเป็นเส้นตรงมันก็คงจะใช้เวลาไม่นาน แต่ในทุ่งล่าน่ะมีภูมิประเทศแตกต่างกันไป บางตำแหน่งมีพืชพันธุ์ปกคลุมหนาแน่น ทั้งยังอันตรายจากสิ่งที่ซ่อนอยู่ในป่า ดังนั้นหากเดินทางเป็นเส้นตรง กระทั่งหยางซานหูก็ไม่สามารถทำได้ ต้องเลี่ยงไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว ซึ่งใช้เวลาเดินทางมากถึง 2 วัน
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ติดต่อกัน ฉินเฟิงกลับสามารถมาถึงได้ในวันเดียว นี่มันถือว่าเร็วเกินไป!
“ผู้ว่าการฉินรีบมาหาพวกเราที่นี่คงจะเหนื่อย อันดับแรกสมควรพักผ่อนก่อน”
ฉินเฟิงส่ายหัว จะให้เขาพักได้อย่างไร ตอนนี้ตนแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะเห็นฉากจริงในวิดีโอด้วยสองตาของตนเอง!
“ขอบคุณที่เป็นห่วงครับ แต่ไม่เป็นไร ผมได้นอนพักในรถศึกมาตลอดทั้งคืนแล้ว ตอนนี้แข้งขายึดไปหมด ถ้าได้ออกกำลังสักเล็กๆน้อยๆคงจะดี”
“คุณต้องการให้ฉันชวนคนอื่นมาร่วมมือด้วยไหม?”
สีหน้าของหยางซานหูยังกังวลเล็กน้อย
เพราะความแข็งแกร่งของมนุษย์ หากเทียบกับสัตว์ร้าย มันแตกต่างกันมากเกินไป
แม้ฉินเฟิงจะประสบความสำเร็จในการต่อสู้ข้ามระดับ , ประสบความสำเร็จในการทำลายตระกูลซิน หยางซานหูก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะสามารถสังหารนายพลสัตว์ร้ายในระดับเดียวกันได้หรือไม่ แต่ได้ยินข่าวมาว่าฉินเฟิงสามารถโค่นสัตว์พันธสัญญาของตระกูลซินได้ ดังนั้นหยางซานหูเลยอยากที่จะลองเสี่ยงดู
“ไม่จำเป็นครับ เชิญนำทางได้เลย”
ฉินเฟิงไม่ใส่ใจความสงสัยของหยางซานหู เพราะปัญหาเหล่านี้มันจะสลายไปเอง เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเขา
“เข้าใจแล้ว งั้นเชิญผู้ว่าการฉินตามมาทางนี้” หยางซานหูนำทาง “ระยะทางมันค่อนข้างไกลเล็กน้อย จะเป็นอะไรไหมถ้าพวกเราเดินทางโดยใช้ท่าร่างวรยุทธโบราณ?”
ฉินเฟิงพยักหน้า “ไม่มีปัญหา!”
หยางซานหูเร่งเร้ากำลังภายในทั่วทั้งร่างกาย ยามเมื่อเขาก้าวเดียวเท้าออกไป รอบบริเวณที่ย่ำลงก็พลันแตกร้าว ความว่องไวพุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาล
ท่าร่างอันทรงพลังช่วยให้หยางซานหูก้าวไปข้างหน้าได้อย่างรวดเร็ว
“ก้าวแห่งหมอก!” ความเร็วของฉินเฟิงก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน จริงๆแล้วผลลัพธ์ของก้าวแห่งหมอกคือการเคลื่อนไหวรูปแบบหลบเลี่ยง ไม่ใช่การเพิ่มความเร็ว แต่เนื่องจากฉินเฟิงอัดฉีดกำลังภายในเข้าไปในทักษะนี้อย่างเต็มเปี่ยม มันเลยช่วยให้ร่างกายของเขาวูบไหว ฝีเท้าไม่ด้อยไปกว่าหยางซานหูเลย
ส่วนไป๋หลีวิ่งตามปกติ ไม่ได้ใช้ท่าร่าง ด้วยอำนาจของราชันย์สัตว์ร้ายอันทรงพลัง ทำให้เธอว่องไวอยู่แล้ว ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพึ่งพากำลังภายใน เพียงขยับเท้าเล็กน้อย ส้นสูงที่สวมใส่แตะพื้นเบาๆก็สามารถไล่ตามหลังทั้งสองได้อย่างสบายๆ
ด้วยอัตราเร็วดังกล่าว ส่งผลให้พวกเขาเดินทางแค่ 10 นาทีก็มาถึงป่าทึบ และเบื้องหน้าของป่าทึบก็คือ–
“–หลังจากนี้ไปจะเข้าสู่อาณาเขตของเสือเกราะเกล็ด” หยางซานหูอธิบาย จากนั้นทุกฝีก้าวของเขา ก็เริ่มระมัดระวังขึ้นเล็กน้อย
เสือเกราะเกล็ดเป็นราชาเจ้าถิ่นของที่นี่ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใดกล้ารุกล้ำเข้ามาสู่พื้นที่ล่าของมัน ทั้งหมดจะตกเป็นอาหาร
ฉินเฟิงปลดปล่อยพลังสมาธิออกไป
เขาพบว่าท่ามกลางป่าทึบ มีสัตว์ร้ายอาศัยอยู่มากมาย แต่ไม่มีตัวใดทรงพลังเท่าเสือเกราะเกล็ดเลย และพวกมันก็ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อกองทัพทุ่งล่าเช่นกัน
“ผมเจอมันแล้ว!” ฉินเฟิงกล่าว พลางย่ำเท้าดีดตัวออกไป
เวลานี้เสือเกราะเกล็ดกกำลังเพลิดเพลินไปกับอาหารเช้าของมัน
–เป็นหมีดำกลายพันธุ์เลเวล F แม้หมีจะแข็งแกร่งไม่เลว แต่ในสายตาของเสือเกราะเกล็ด มันเป็นได้แค่อาหาร
อาจเป็นเพราะผลจากการล่าของมันในหลายๆครั้งก่อนหน้านี้ ทำให้ไม่มีสัตว์ร้ายตัวใดกล้าบุกรุกเข้ามาที่นี่อีก แต่สิ่งที่เสือเกราะเกล็ดไม่คาดคิดก็คือ วันนี้จู่ๆก็มีมนุษย์โผล่มาอีกครั้ง
มันพาลย้อนนึกไปถึงช่วงเวลาที่เนื้อมนุษย์อันนุ่มละมุนกรุบกรอบอยู่ในปาก รสชาติเอร็ดอร่อยยังคงติดอยู่ที่ปลายลิ้น
เสือเกราะเกล็ดแลบลิ้นเลียเลือดหมีที่เลอะแก้มของมัน ผุดลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ไม่รังเกียจอาหารที่กำลังมาเสิร์ฟให้ตนเองถึงที่
“โฮกกกก!” คู่ดวงตาของเสือเกราะเกล็ดประทับลงบนร่างเหยื่อ วินาทีถัดมาก็ดีดตัวกระโจนเข้าหาฉินเฟิงทันที
ฉินเฟิงแม้เห็นฉากนี้ก็ไม่คิดหลบเลี่ยง กำลังภายในถูกอัดฉีดไปไว้ที่กำปั้น หวดสวนออกไป
ปงงงงง!
ท่ามกลางความว่างเปล่า บังเกิดเสียงหนักทึบจากแรงอัดอากาศ กำลังภายในบนกำปั้นของฉินเฟิงก่อรูปเป็นร่างเงาที่ดูเลือนลาง แยกกระจายออกไปหลายสิบกำปั้นในคราวเดียว ระดมชกดั่งพายุคลั่ง ซัดเข้าใส่เสือเกราะเกล็ด
เสือเกราะเกล็ดถูกตรึงเอาไว้อย่างทันท่วงที มันคล้ายสัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างใหญ่หลวง
กรงเล็บแหลมคมตะปบออกไปข้างหน้า ทว่าเหล็กกล้าสีฟ้าพลันสาดประกายสวนกลับในเวลาเดียวกัน
เคร้ง!
การปะทะระหว่างใบมีดกับกรงเล็บส่งเสียงอื้ออึง
หยางซานหูช้าไปก้าวหนึ่ง พอมาถึงก็เห็นว่าฉินเฟิงกับเสือเกราะเกล็ดต่อสู้กันแล้ว และผลลัพธ์กลับกลายเป็นเสือที่กำลังเสียเปรียบ มันถูกกดดันให้ล่าถอยโดยมีฉินเฟิงไล่ติดตาม
เสือเกราะเกล็ดชักฝีเท้าถอยก้าวแล้วก้าวเล่า หลบเลี่ยงด้วยความตื่นตระหนก
“โฮก!” แต่จู่ๆมันพลันคำรามเกรี้ยวกราด เกล็ดบนร่างกายเริ่มขยับไหว ขยับขยาย ซ้อนทับกันจนดูหนาแน่นขึ้น
นายพลสัตว์ร้ายตัวนี้น่าจะเป็นสัตว์ต่างมิติ มันครอบครองแก่นอบิลิตี้ที่ทรงพลัง และเป็นสัตว์ร้ายธาตุโลหะ!
และด้วยเกล็ดที่ซ้อนทับกันจนหนาขึ้น ส่งผลให้ร่างของเสือเกราะเกล็ดมีความสูงเพิ่มขึ้นเช่นกัน พริบตาเดียว มันก็สูงกว่า 5 เมตร เทียบเท่ากับอาคาร 2 ชั้น
ด้วยเหตุนี้เอง ตัวมันจึงมีสภาพราวกับสัตว์ร้ายหุ้มเกราะ กำลังภายในไม่อาจเจาะผ่านถึงเนื้อหนังภายในได้ ประสิทธิภาพในการต่อสู้พุ่งสูงขึ้นเป็นอย่างมาก
ภายใต้ร่างอันใหญ่โตของมัน ฉินเฟิงไม่ต่างอะไรไปจากมดที่ผอมแห้งอ่อนแอ
“กรร!”
เสือเกราะเกล็ดอ้าปากกว้าง ร้องคำรามพลางกระโจนออกไป
แต่คราวนี้ฉินเฟิงไม่คิดต่อต้าน เขาตัดสินใจไม่โจมตีแต่หลบเลี่ยง
เสือเกราะเกล็ดสะบัดหางที่ราวกับโซ่เหล็กขนาดใหญ่ กวาดเป็นวงไปทั่วบริเวณ
“ก้าวแห่งหมอก : ท่าร่างภูติพราย!”
ฉินเฟิงทิ้งไว้เพียงภาพติดตา หายวับไปจากสถานที่เดิม หางของเสือเกราะเกล็ดกวาดใส่ความว่างเปล่า ตัดผ่านร่างเงา กระแทกเข้าใส่ต้นไม้สูงกว่า 20 เมตร
โครม!
ต้นไม้ถูกฟาดเข้ากลางลำ หักโค่นกระแทกกับพื้นส่งเสียมโครมใหญ่
พริบตานั้นฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ ใบไม้ปลิวว่อน
เสือเกราะเกล็ดอาละวาดคลั่ง
ฉินเฟิงก็ทราบเช่นกัน ว่าการเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายตัวนี้ กำลังภายในถือว่าไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง ดังนั้น—
“—อบิลิตี้ มังกรไฟ!”
พลังสมาธิของฉินเฟิงถูกกระตุ้นเดือดพล่าน
ใจกลางโลกจิตสำนึก บนดาวเคราะห์เพชร มังกรไฟที่ว่ายวนอยู่ในมัน เริ่มทะยานออกมาสู่โลกภายนอก โผบินด้วยความเร็วราวเครื่องบินเจ็ท!