โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.300 – หน้าไหนจะหยุดฉัน
สองตัวตนทรงพลังเลเวล D ประกบปิดทางหนีฉินเฟิง ยังไม่พอ เลเวล D คนอื่นๆยังสมทบเข้ามาร่วมสนุกด้วย
อันที่จริง พวกเขามาที่นี่เพราะเทคนิคฝึกยุทธเลเวล A ของฉินเฟิง
เมื่อได้รับการสนับสนุนจากเลเวล D หลายคน กลุ่มชายวัยกลางคนจากตระกูลหลี่ต่างพากันเชิดหน้าขึ้น เปี่ยมไปด้วยสง่าราศรี ทำทีราวกับราชันย์จุติลงจากสรวงสวรรค์ ทุกคนต้องศิโรราบและหลีกทางให้
“บลัดฮันเตอร์ แกฆ่าผู้นำตระกูลฉัน วันนี้พวกเราต้องการคำอธิบาย!”
คนจากตระกูลหลี่ตวาดด้วยความโกรธ
ดวงตาของฉินเฟิงไม่สั่นไหว เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “ฆ่าผู้นำตระกูล? แล้วพวกคุณเป็นใครกัน?”
ฉินเฟิงปลดปล่อยกลิ่นอายออกมา กดดันคนจากตระกูลหลี่จนไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้
ยังไงซะอีกฝ่ายก็เป็นแค่ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล F7 แต่กลับกล้าตวาดใส่ฉินเฟิง ไม่คิดอยากมีชีวิตอยู่ต่อแล้วหรือไร?
ตี๋เล่ยแน่นอนย่อมไม่ปล่อยให้เป็นฉินเฟิงกดดันอีกฝ่าย เขาระเบิดกำลังภายในของตนออกมา ห่อหุ้มชายคนนั้นเอาไว้
“บลัดฮันเตอร์ จริงอยู่ที่คุณน่ะแข็งแกร่ง แต่จะแกร่งแค่ไหนก็ไม่สามารถสังหารตระกูลซงด้วยความไม่พอใจส่วนตัวได้ ไหนจะเรื่องฆ่าผู้บริสุทธิ์อีก คุณสังหารผู้นำตระกูลหลี่ ซึ่งเป็นตระกูลชั้นสูงของเมืองนุ่ยเหมิง เขาเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ”
“เขามีความสำคัญต่อเมืองและแนวหน้า เป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตรมนุษยชาติ คุณไม่คิดหรือว่า เรื่องนี้สมควรมีคำอธิบาย?”
“ที่แท้ก็เป็นเขา” ฉินเฟิงนึกถึงชายชราที่ตนสังหารบนทางหลวง
“บลัดฮันเตอร์ มีอะไรจะพูดกับฉันรึเปล่า รีบสารภาพบาปมาซะ!” โหวหยางเจียวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
แต่โหวหยางเจียวรู้ดี ว่าเรื่องทางฝั่งตน เกรงว่าจะถามความรับผิดชอบจากเขาไม่ได้ เพราะท้ายที่สุดแล้ว มันไม่ได้เกิดจากฝีมือเขา
อย่างไรก็ตาม เรื่องของตระกูลหลี่สามารถทำได้
หลังจากแผนสำเร็จ ด้วยความแข็งแกร่งอันน้อยนิดของตระกูลหลี่ อย่างไรก็ไม่กล้าเอ่ยท้วงเรื่องสินสงครามที่ตนจะได้รับ
ฉินเฟิงไม่รู้ว่าโหวหยางเจียวคิดอะไรอยู่ แต่ที่เขารู้แน่ๆ คือทั้งหมดที่กล่าวมาล้วนเป็นข้ออ้าง
ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น “ฉันฆ่าคนไปเป็นจำนวนมาก และพวกมันทุกคนที่ตายไป ล้วนพยายามจะฆ่าฉัน เรื่องนี้ฉันผิดอะไรงั้นหรือ? แค่เขาเป็นผู้นำตระกูลหลี่ พวกคุณเลยสามารถหาเหตุผลมาฆ่าฉันได้รึไง? อันที่จริงเขาให้การสนับสนุนตระกูลซงด้วยซ้ำ ออกมาฆ่าฉันเป็นหลักฐานชั้นดี ทำไมถึงไม่มีใครประนามตระกูลหลี่บ้าง? กล้ามาตะโกนหาความชอบธรรมจากฉันได้อย่างไร?”
ทัศนคติของฉินเฟิงเด็ดเดี่ยวมั่นคง ชัดเจนแจ่มแจ้ง ผู้คนโดยรอบต่างก็ยอมรับว่าคำพูดของฉินเฟิงมีเหตุผล
ใบหน้าของโหวหยางเจียวหม่นลงทันใด เดิมเธอคิดว่าฉินเฟิงแม้จะแข็งแกร่ง แต่อายุยังน้อย ดังนั้นจิตใจน่าจะถูกสั่นคลอนได้ง่าย สามารถโน้มน้าวด้วยคำพูด แต่ใครจะไปคิด … ว่าคำพูดของฉินเฟิงจะสามารถหักล้างแผนการที่เธอได้ในพริบตา
โหวหยางเจียวไม่ยอมถอยง่ายๆ ตอบโต้กลับไปอย่างรวดเร็ว “บลัดฮันเตอร์ ไม่ว่าจะยกเหตุผลอะไรมาอ้าง การตายอย่างก็ถือเป็นเรื่องใหญ่ ผู้นำตระกูลหลี่เป็นเสาหลักเพียงคนเดียวของตระกูล ตระกูลหลี่สูญเสียเขาไปคงมิแคล้วล่มสลาย แกฆ่าคนๆนึงไป ฉะนั้นต้องขอขมาตระกูลหลี่ ชดใช้อะไรบางอย่างให้พวกเขา แล้วพวกเราจะไม่สนใจเรื่องนี้อีก”
“ชดเชย? คุณต้องการให้ชดเชยอย่างไร?”
คนของตระกูลกลายเป็นฮึกเหิมทันใด
เดิมพวกเขามาที่นี่เพื่อขอแค่เงินชดเชย แต่ผู้ใช้พลังเลเวล D มากมายในที่นี้ ดูเหมือนว่าจะมาเพราะอย่างอื่น
ชายชราตระกูลหลี่ก้าวออกมา เขาคือน้องชายของผู้นำตระกูลหลี่ แม้จะอยู่ในช่วงวัย 60 ปี ก็ยังดูแลตัวเองเป็นอย่างดี แต่ในช่วงหนึ่งวันที่ผ่านมา เขาว้าวุ่นจนมีสภาพดูไม่ได้ นอกจากนี้ยังเกิดความหวาดกลัวในตัวฉินเฟิง ทั้งร่างหลั่งไปด้วยเหงื่อเย็น ชวนให้เกิดความรู้สึก ‘น่าสงสาร’ อย่างที่โหวหยางเจียวกล่าว
“บลัดฮันเตอร์ อุปกรณ์รูนมิติของผู้นำตระกูลอยู่ในมือคุณ คงไม่มากเกินไปใช่ไหมถ้าพวกเราจะขอมันกลับมา”
“อีกอย่างท่านผู้นำก็ตายไปแล้ว ต่อให้จ่ายเงินกลับมามากแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนคนกลับมาได้! ผู้นำตระกูลมีความเข้มแข็ง ครอบครองความรู้มากมายเกี่ยวกับวรยุทธโบราณ เกรงว่าทั้งหมดคงสาบสูญไป ทางเราไม่ขออะไรมาก อยากให้คุณมอบเทคนิควรยุทธโบราณที่ได้มาจากสุสานเทพสงครามเป็นการชดเชยก็พอแล้ว!”
“ต้องรู้นะว่า หากท่านผู้นำยังไม่ตาย จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ถึง 30 ปี สั่งสมเงินได้อย่างน้อยปีละ 2,000 ล้านเหรียญ นับเป็นจำนวนถึง 60,000 ล้าน คุณสมควรที่จะจ่ายมันเช่นกัน หากมีไม่พอ ก็แค่นำอย่างอื่นออกมาชดใช้ อย่าบอกนะว่าคุณทำไม่ได้? มิใช่ว่าคุณสังหารอาวุโสตระกูลซงไป 4 คนแล้วหรอกหรือ พวกเขาอย่างไรย่อมมีสมบัติมากมายพกติดตัว ”
ชายชรากล่าวทั้งหมดจบในหนึ่งลมหายใจ คนรอบข้างพยักหน้าตาม
ฉินเฟิงฉีกยิ้มโกรธเกรี้ยว
“ทั้งชีวิตของฉัน ไม่เคยเลยที่จะพบเจอคนแบบพวกคุณ หน้าด้าน ไร้ยางอาย อาศัยบรรพชนไขว่คว้าผลประโยชน์ โยนความผิดให้ผู้อื่น!”
เวลานี้ฉินเฟิงโกรธจริงๆแล้ว
ตระกูลหลี่ไม่กล้าเอ่ยอะไรอีก อย่างไรก็ตาม เป็นผู้ใช้พลังเลเวล D คนอื่นๆ ก้าวออกมารับหน้าแทน
นั่นเพราะหากพวกตนออกมาในเวลานี้ ย่อมได้รับส่วนแบ่งผลประโยชน์ หากมัวแต่ทำตัวเป็นผ้าขาว ไม่ยอมแปดเปื้อน คงไม่ได้อะไร
ผลประโยชน์กระตุ้นจิตใจของผู้คนให้เริ่มเคลื่อนไหว
พวกเขาหวังอย่างเดียว ว่าฉินเฟิงจะไม่แข็งแกร่งจนเกินไป
หากได้รับสินสงครามเหล่านั้นมา ก็เพียงพอแล้วที่จะช่วยให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น
ในยุคโลกาวินาศ ทรัพยากรมักจะมาพร้อมกับการต่อสู้แย่งชิง!
“บลัดฮันเตอร์ ตระกูลหลี่พูดถูกแล้ว คำขอนี้ฟังดูยุติธรรม คุณควรเคารพพวกเขาบ้าง!”
“ห้ามลืมนะว่าคุณสังหารผู้นำตระกูลหลี่ไป หากทางตระกูลหลี่ระบุว่าคุณเป็นอาชญากร และตั้งรางวัลนำจับขึ้นมา ถึงเวลานั้น คุณจะถูกขับไล่ออกจากพันธมิตรมนุษยชาติ เกรงว่าคุณคงไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอก!”
“ถูกต้อง แต่ถ้าคุณยินยอมตกลงตามเงื่อนไข ทุกอย่างก็เป็นอันจบ!”
คนเหล่านี้ ทั้งหมดกำลังบีบบังคับฉินเฟิง
ฉินเฟิงรู้สึกว่านี่แม่งไร้สาระสิ้นดี
ในยุคโลกาวินาศ พันธมิตรมนุษยชาติก่อตั้งขึ้น พวกเขามีกฏหมาย และครรลองคลองธรรม
แต่ตอนนี้ เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนที่ว่ากลับอ้างศีลธรรมมาขูดเลือดขูดเนื้อเขา!
น่ารังเกียจนัก แต่น่าเสียดาย ที่ใบหน้าอัปลักษณ์ของพวกเขา ไม่อาจสั่นคลอนจิตใจของฉินเฟิงได้
เพราะผู้แข็งแกร่งคือราชา
และผู้แข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องฟังหรือสนเหตุผลผู้ใด!
มีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงสามารถแสดงความเมตตาได้ นี่ต่างหากถึงจะสมเหตุสมผล
และพวกที่คิดข่มเหงผู้แข็งแกร่ง มีจุดจบเพียงหนึ่งเดียว!
“นับตั้งแต่สมัยโบราณกาล ชีวิตย่อมแลกด้วยชีวิต หนี้ย่อมต้องแลกด้วยหนี้!” ฉินเฟิงเอ่ยปากของเขา ยืดตัวแสดงท่าทีเด็ดเดี่ยว เปี่ยมไปด้วยแรงกดดันอันแข็งแกร่ง
“ในเมื่อฉันสังหารผู้นำตระกูลหลี่ เช่นนั้น ก็ขอให้คนตระกูลหลี่ออกมาฆ่าฉันซะ!”
แม้ฉินเฟิงจะสวมหน้ากาก แต่ทุกคนสามารถได้ยิน ถึงความเยาะหยันที่แฝงมาในน้ำเสียงของเขา
ฉินเฟิงชี้นิ้วไปทางสมาชิกตระกูลหลี่เหล่านั้น
“ฉันฆ่าคนตระกูลซง ตระกูลซงก็ส่งคนกลับมาฆ่าฉัน ดังนั้นพวกคุณสมควรทำแบบเดียวกัน จงเสนอหน้าออกมา และอย่าคิดว่าฉันจะแสดงความเมตตา!”
สีหน้าของสมาชิกตระกูลหลี่กลายเป็นซีดเซียว พวกเขาจะกล้าไปสู้กับฉินเฟิงได้อย่างไร? ขนาดเลเวลยังเทียบกันไม่ได้ด้วยซ้ำ!
“เอ้า สรุปจะเอายังไง ไม่กล้ามาฆ่าแล้ว? งั้นก็อย่ามาทำให้ฉันต้องเสียเวลา!” ว่าจบฉฉินเฟิงก็หันหลังเตรียมจากไป
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” โหวหยางเจียวตะคอก แต่ช่างน่าสงสาร ฉินเฟิงทำราวกับเธอไร้ตัวตน ไม่หยุดฝีเท้าลงเลย
ดวงตากลมมนของโหวหยางเจียวสั่นไหว นี่คือโอกาสที่เธอรอคอย!
ยามศัตรูหันหลัง โหวหยางเจียวพลันเร่งเร้ากำลังภายใน ระเบิดโจมตีเข้าใส่ฉินเฟิง
ยังไม่พอ ผู้ใช้พลังเลเวล D คนอื่นสบตากันวูบหนึ่ง ตัดสินใจโอบล้อมฉินเฟิงจากทุกทิศทาง
ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ในที่แห่งนี้ มีอย่างน้อยก็ 11 คน
ฉินเฟิงแสยะยิ้มเย็น ผินกายฟาดฝ่ามือสวนกลับไป
“ฉันก็อยากจะดูเป็นขวัญตาเหมือนกัน ว่าในวันนี้ จะมีใครมาหยุดฉันได้!”
ฉินเฟิงคำรามเกรี้ยวกราด อาละวาดพละกำลังอันทรงประสิทธิภาพอาละวาดคลั่ง
โหวหยางเจียวคือคนแรกที่พุ่งเข้ามา ถูกตบฉาดด้วยฝ่ามือของฉินเฟิง ปลิวหมุนเป็นเกลียวลอยออกไป ก่อนจะร่วงหน้าคว่ำ จมลงไปในดิน
“ก็แค่สุนัขพันธ์ุทางลอบกัด!”
ฉินเฟิงยิ้มอย่างดูแคลน กำลังภายในปะทุโหม ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
“เทคนิคลับเหิงหลง – มังกรทอร์นาโด!”
กำลังภายในรูปแบบของเหลวพลันระเบิดออก ก่อตัวขึ้นเป็นมังกรทองขนาดใหญ่อย่างกระทันหัน
มังกรทองตัวนี้ เทียบเปรียบกับอบิลิตี้มังกรไฟแล้ว มันประกอบไปด้วยกำลังภายในโดยสิ้นเชิง ร่างเงาดูเสมือนจริง แผ่แรงกดดันทรงอำนาจออกมา คนของตระกูลหลี่ที่คอยเฝ้าดูความสนุก ทั้งหมดถูกบดขยี้จมลงกับพื้นดิน
โผล๊ะ! โผล๊ะ! โผล๊ะ! โผล๊ะ! โผล๊ะ! โผล๊ะ!
อวัยวะภายในแหลกเหลว กระอักออกมาผสมปนเปกับเลือด
“ไปเลย!”
มังกรทองว่ายวนในอากาศ โฉบเข้าโจมตีผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ที่รุมล้อมฉินเฟิงอย่างโหดเหี้ยม
ฉินเฟิงระดมมวลน้ำกำลังภายในถึงแปดกลุ่ม ดังนั้นสามารถระเบิดพลังงานได้เทียบเท่ากับผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D8 กระหน่ำเข้าใส่หมาหมู่โดยรอบโดยตรง
ตูม ตูม ตูม ตูม ตูม!
โล่ปราณกำลังภายในระเบิดออกอย่างรุนแรง จากนั้นเหล่าผู้ใช้วรยุทธโบราณก็ราวกับตุ๊กตาที่แหลกสลาย ลอยเคว้งกลางอากาศ หมุนกลับหัวกลับหางไปคนละทิศทาง
เหลือฉินเฟิงเพียงลำพังในจุดเดิม ปากเอ่ยน้ำเสียงเย็นชา
“ตอนนี้ … ยังมีหน้าไหนกล้าหยุดฉันอีก?”