โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.367 – โกวเกิงปรากฏกาย
หยานชูวอยู่ในที่ลับ ขณะที่หยานฟางถูกส่งไปแทรกซึมในปราการชาตง ทั้งยังมีสถานะเป็นคนของพันธมิตรมนุษยชาติ
ด้วยความแข็งแกร่งของหยานฟาง อย่างไรย่อมสามารถก้าวขึ้นสู่เลเวล C ได้ ถึงเวลานั้นการจะเข้าร่วมกับระดับสูงของพันธมิตรมนุษยชาติย่อมไม่ใช่ปัญหา
แต่ตอนนี้ จู่ๆหยานฟางกลับขาดการติดต่อไปอย่างกะทันหัน
หยานชูวรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่ามีบางสิ่งไม่ถูกต้อง
“ส่งคนเข้าไป แล้วดูซิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น” หยานชูวกล่าว
ผู้บังคับบัญชา มักจะไม่ลงมือด้วยตนเอง ตราบใดที่เขาเอ่ยปาก ย่อมมีมากกว่าหนึ่งคนยินดีช่วยเหลือ
“ผมขออาสาไปเอง” โกวเกิงเสนอตัว ทางหนึ่งก็เพื่อประจบหยานชูว
“อืม เข้าไปแล้วก็ช่วยพาหยานฟางกลับมาด้วย ปัจจุบันในปราการชาตงน่าจะกลายพันธุ์กันหมดแล้ว ก่อนหน้านี้ คนที่ชื่อหูเหลียงเหมือนจะระเบิดตัวเองไป ฉันกลัวว่ามันอาจทำลายการทดลองของเรา ใครจะรู้ อาจมีอุบัติเหตุอะไรเกิดขึ้นอีกก็ได้!”
หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับน้องชายเขา หยานชูวมักจะรู้สึกกังวลมากเป็นพิเศษ
“ท่านหยานโปรดวางใจ ผู้น้อยขอให้สัญญาว่าภารกิจจะลุล่วงไปด้วยดี”
สิ้นเสียง โกวเกิงก็ลงจากยานรบขนาดใหญ่ มุ่งหน้าไปยังปราการชาตง
ขณะนี้ รอบๆชาตงถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีเงินขนาดกว้างกว่า 1 เมตร ปิดตายเมืองที่อยู่ภายใน มีเฉพาะเพียงคนที่พกเครื่องมือมิติเท่านั้น ถึงจะสามารถออกมาได้
โกวเกิงอยู่ด้านนอก พรมมือกดลงบนปุ่มหลายตัวบนเครื่องมือ
แสงสีเงินเบื้องหน้าเขาพลันสาดไสว ปรากฏประตูสูง 2 เมตร กว้าง 1 เมตรขึ้นทันใด
และฉากเบื้องหลังประตู คือปราการชาตง!
โกวเกิงก้าวเข้าไป เขาปรากฏตัวขึ้นนอกกำแพงฝั่งตะวันออก ถ่ายเทกำลังภายในลงใต้ฝ่าเท้า ย่ำลงบนกำแพงปราการ ไต่เข้าสู่เมืองชาตง
ย้ายกลับมาทางฉินเฟิง ขณะนี้เขายังไม่ได้สังหารหยานฟาง แต่ขังอีกฝ่ายเอาไว้ รอส่งมอบตัวให้พันธมิตรมนุษยชาติ เผื่อจะเค้นถามเรื่องราวที่ยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง ฉินเฟิงวุ่นวายตลอดทั้งวัน ไม่มีเวลาทันสังเกตเห็นโกวเกิง
ไป๋หลีเองก็แทบไม่ได้หยุดพัก เธอต้องคอยยั้งมือไม่ให้พวกมนุษย์กลายพันธุ์เลเวล D ตาย แล้วลากกลับมาในสภาพบาดเจ็บสาหัส
อย่างไรก็ตาม เธอไม่สามารถลากมาได้ทุกคน เนื่องจากบางคนยังคงซ่อนตัวอยู่
ยกตัวอย่างเช่น ร่างกลายพันธุ์มนุษย์งูผู้พันหยาง ที่ฉินเฟิงเคยเจอก่อนหน้านี้
เนื่องจากเคยเกิดเหตุการณ์ล้ำเส้นกัน อีกฝ่ายจึงไม่ไว้ใจฉินเฟิง ไม่ยอมโผล่หัวออกมา
“ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ฉินเฟิงหันไปถามผู้ใช้อบิลิตี้น้ำ ที่กำลังวุ่นอยู่กับการรักษา
“มี 50 คนที่กลับเป็นมนุษย์แล้ว เท่าที่ฉันลองตรวจอาการดู ส่วนใหญ่มีสภาพเลวร้ายมาก ร่างกายอ่อนแอ พลังงานกายถูกรีดเร้นออกมาเกินขีดจำกัด แบบนี้ต่อให้รักษาบาดแผลภายนอกจนหายสนิท แต่เกรงว่าหลังจากนี้ความแข็งแกร่งคงถดถอยลงไปไม่น้อย”
ฉินเฟิงพยักหน้า การทดลองที่มอบพลังอันเหลือล้นให้ มันจะไม่มีผลกระทบตามมาได้อย่างไร
“โฮกกก!”
ระหว่างเดินสำรวจจตุรัส มนุษย์กลายพันธุ์ที่อยู่ไม่ไกลพลันร้องขู่คำรามใส่เขา ฉินเฟิงหันไปมอง และพบว่าสัตว์ร้ายตนนี้ยังคงมีหน้าตาเหมือนกับในตอนร่างมนุษย์
“เล่ยเฉิน!” ฉินเฟิงเลิกคิ้วอย่างคาดไม่ถึง ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นเขาจริงๆ
ขณะนี้ ดวงตาของเล่ยเฉินฟุ้งไปด้วยความกระหายเลือด แทบอดใจรอไม่ไหวที่จะสังหารฉินเฟิง
เห็นได้ชัดว่าในหัวใจของเล่ยเฉิน ความเกลียดชังที่ตนมีต่อฉินเฟิงได้ฝังรากลึกไปจนถึงระดับสัญชาตญาณ ต่อให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำได้แค่หมอบคลานกับพื้น แต่ก็ยังไม่ยอมสยบ
ฉินเฟิงแสยะยิ้ม
หนึ่งมือง้างออก อัดฉีดไปด้วยกำลังภายใน ตบฉาดลงกลางหัวของเล่ยเฉิน
เปรี๊ยะ!
เสียงกังวานกระจ่างใสดังสะท้อนออกมาจากในหัวของเล่ยเฉิน
ต่อมา ก็เริ่มมีเลือดไหลลงมาจากเส้นผม หยดย้อยลงสู่พื้น
เล่ยเฉิย — ตาย!
ฉินเฟิงสะบัดมือ เหวี่ยงกำลังภายในที่ปกคลุมทิ้งไป ในมือเขาไม่เปื้อนเลือดเลยแม้แต่น้อย
“ผู้ใช้พลังที่ยีนกลายพันธุ์มากเกินไป ไม่สามารถช่วยเหลือได้ อย่าลังเลที่จะลงมือกำจัดในภายหลัง” ฉินเฟิงกล่าวอย่างไม่แยแส
ผู้ใช้อบิลิตี้น้ำพยักหน้าหงึกๆ ยำเกรงฉินเฟิงขึ้นหลายส่วน
“รับทราบ ฉันเข้าใจแล้ว!”
หันไปมองรอบๆต่อ ฉินเฟิงยังคอยตรวจสอบสถานการณ์
เขาค้นพบว่า คนที่กลายพันธุ์ หลังได้รับบาดเจ็บสาหัสจะสามารถกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ได้ในระยะเวลาราวๆครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง แต่บางคน หากเวลาล่วงเลยไปเกินสองถึงสามชั่วโมงแล้ว ถือว่าหมดหวัง
และโอกาสที่ว่านี้ คือครึ่งต่อครึ่ง กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ แผนขององค์กรมืดในครั้งนี้ จะมีเลเวล D ถูกปล่อยตายมากกว่า 100 ชีวิต!
ทหารกล้าที่ถูกส่งมาเป็นแนวหน้าของมนุษยชาติ กลับต้องมาตายในสภาพแบบนี้ มันน่าแค้นใจนัก
“คนที่เปลี่ยนกลับมาเป็นมนุษย์แล้ว ให้ย้ายเข้ามาพักผ่อนข้างในก่อน”
ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว หากยังนอนอยู่ข้างนอก ถือว่าเป็นการปฏิบัติไม่ดีต่อคนป่วย
คนที่ไม่ได้รับบาดเจ็บ มาช่วยกันขนย้ายผู้ป่วย ส่วนคนเดียวที่ไม่มีใครเหลียวแลในที่นี้ เกรงว่าจะเป็นหยานฟาง
กระดูกแขนขาทั้งหมดโดนหัก เลือดที่หลั่งรินถูกหยุดไว้โดยผู้ใช้บอลิตี้น้ำ ตัวเขาแม้อยู่ในร่างสัตว์ร้ายแต่อ่อนแอสุดๆ บวกกับตันเถียนที่ว่างเปล่า ปัจจุบันหยานฟางไม่ต่างจากคนที่พิการไปแล้ว
คนที่ในชีวิตก่อนจะได้เป็นใหญ่เป็นโตในอนาคต ชีวิตนี้กลับเป็นคนพิการ หากมีใครรู้เรื่อง คงรู้สึกปวดร้าวแทน
ขณะเดียวกัน โกวเกิงก็ตรวจพบได้ถึงการเคลื่อนไหวของฉินเฟิงในจตุรัสหน้าห้าง พอลอบมาสำรวจดูก็พบกับฉากที่กำลังวุ่นวายนี้
“ท่านหยาน ร่างมนุษย์ทดลองของผู้ใช้พลังกลายพันธุ์ในปราการชาตงดูเหมือนจะได้รับบาดเจ็บ ทั้งหมดถูกนำมาวางไว้บนจตุรัสเล็กๆ จำนวนน่าจะสัก 150 คน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบางตัวสามารถกลับคืนสู่ร่างมนุษย์ได้แล้ว ดูเหมือนจะเป็นร่างโตเต็มวัยของร่างกลายพันธุ์ระดับ 1 ”
ในบรรดามนุษย์กลายพันธุ์ที่โกวเกิงรู้จัก ระดับ 1 จะแบ่งออกเป็นสามประเภท อันได้แก่ ‘ร่างที่ยังไม่โตเต็มวัย’ , ‘ร่างที่โตเต็มวัย’ และ ‘ร่างสมบูรณ์’
หลิงหวูยี่ชัดเจนว่าจัดอยู่ในประเภทร่างสมบูรณ์ ในขณะที่ร่างโตเต็มวัย แม้จะกลายเป็นสัตว์ร้าย แต่ก็สามารถกลับคืนสู่สภาพมนุษย์ได้อีกครั้ง สุดท้าย ร่างที่ยังไม่โตเต็มวัย แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถเปลี่ยนกลับมาเป็นมนุษย์ได้
และในปัจจุบัน มีร่างโตเต็มวัยอยู่มากมาย เจ้าพวกนี้มีประโยชน์สุดๆต่อการทดลอง
และสิ่งสำคัญก็คือ คนเหล่านี้ ปัจจุบันล้วนตกอยู่ในสภาพอ่อนแอ ขอแค่มีคนมากพอ ก็สามารถลักพาตัวไปได้
นี่ช่วยประหยัดเวลาและปัญหาได้มากทีเดียว!
“แล้วนายเจอพวกร่างทดลองระดับ 2 บ้างไหม?”
“ท่านหยาน ร่างมนุษย์ทดลองระดับ 2 จะไม่เผยเอกลักษณ์ออกมาภายนอก ไม่ง่ายนักที่จะตรวจเจอ”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว รอดูท่าทีไปก่อน”
หยานชูวเองก็ทราบ ว่าระดับ 2 เป็นแค่การคาดเดาของพวกเขา มันจะมีคนที่สามารถกลายพันธุ์ได้อยู่จริงๆรึเปล่ายังไม่แน่ชัด!
แต่ในตอนนั้นเอง โกวเกิงก็อุทานเสียงหลงออกมา
“ท่าน .. ท่านหยาน ผมว่าผมพบหยานฟางแล้ว แต่เขา .. เขา … ” โกวเกิงยากจะทำใจยอมรับ ขณะเดียวกันในหัวใจเริ่มรู้สึกโกรธแค้น
ความโกรธแค้นนี้ แน่นอนไม่ใช่เพราะเห็นสหายตนได้รับบาดเจ็บ แต่เนื่องจากบาดแผลของหยานฟางร้ายแรงเกินไป ไม่ต่างจากคนพิการ ต่อให้ช่วยเหลือ เกรงว่าจะไม่ได้รับคำชมจากหยานชูว
ก่อนมา โกวเกิงรับปากเป็นมั่นเหมาะกับหยานชูว ว่าจะพาหยานฟางกลับไป แต่ตอนนี้ เขายังสามารถพาตัวอีกฝ่ายกลับไปได้จริงๆน่ะหรือ?
“หยานฟางเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้น?” หยานชูวถามเสียงแข็ง ในหัวใจหนักอึ้งไม่แพ้กัน
ทว่า แม้จะเอ่ยคำถาม แต่ปลายสายไม่ยอมตอบกลับมา
ณ กลางคืนอันมืดมิด
ข้างๆโกวเกิง จู่ๆก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน
–เป็นฉินเฟิง!
“โกวเกิง!”
ฉินเฟิงสามารถจำอีกฝ่ายได้ทันที
พลังสมาธิของฉินเฟิง มาถึงในจุดที่ค่อนข้างน่าสะพรึงกลัว ดังนั้นแม้ไม่ได้เร่งเร้ามันอย่างเต็มที่ แต่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกติรอบตัว โกวเกิงทำลับๆล่อๆ ฉินเฟิงย่อมสังเกตเห็นเป็นธรรมดา
ซ่อนเงาถูกใช้ออก ฉินเฟิงลอบตรงมายังจุดที่ผิดปกติอย่างเงียบๆ
และขณะที่ฉินเฟิงเรียกชื่ออีกฝ่าย โกวเกิงก็ผงะตกใจไม่แพ้กัน
โกวเกิงถอยกรูดทันที หันมามองฉินเฟิง
อย่างไรก็ตาม โกวเกิงไม่รู้จักฉินเฟิง
แต่ฉินเฟิงกลับรู้จักตน สถานะของโกวเกิงมิใช่ความลับอะไร
–ผู้บัญชาการกองกำลังกลุ่มอินทรีทราย สมาชิกขององค์กรมืด!
“เจ้าหนู นายไม่น่ามาอยู่ที่นี่เลย จริงๆแล้วถ้านายเห็นฉัน ก็ควรจะรีบหันกลับไป!”
“แต่ช่างน่าสงสาร ที่นายคงไม่ได้รับโอกาสนั้นอีกเป็นครั้งที่สอง!”