โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.412 – ซุ่มโจมตี
หากเป็นช่วงที่วิดีโอยังไม่ถูกปล่อยออกมา บางทีเฉินเซี่ยงอาจเอ่ยท้วงฉินเฟิง แต่ตอนนี้เขาไม่เป็นต้องเอ่ยอะไรอีก!
เพราะสุดท้ายแล้ว ความแข็งแกร่งคือทุกสิ่ง
และฉินเฟิงคือคนที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ประหลาด!
ตะวันลาลับ ท้องฟ้าค่อยๆมืดสลัว เผ่ากริมเริ่มหยุดกรีฑาทัพ
เป็นเพราะถูกจิ้งจอกขาวไป๋หลีโจมตี ประชากรของพวกมันตกตายลงมากถึง 3,000 ตน เกือบจะเป็น1/3 ของจำนวน หลังเกิดเรื่อง พวกมันจึงรวมกลุ่มกันเป็นฝูงใหญ่ ไม่คิดกระจายกันออกตามหาอุปกรณ์อีกต่อไป
แม้รองหัวหน้าตกตาย แต่พวกกริมก็เร่งเลือกตนใหม่ขึ้นมาแทนที่อย่างรวดเร็ว เมื่ออีกฝ่ายยอมรับ การแต่งตั้งก็เป็นเอกฉันท์
ปัจจุบัน กริมได้ออกจากค่ายที่พัก และเริ่มมุ่งหน้าตรงมายังทิศทางสถานชุมชนที่ 3 และระหว่างทาง ไม่มีสัตว์ร้ายที่แกร่งพอจะทำให้พวกมันลำบากใจ
ยังไม่พอ ยิ่งออกเดินทาง สัตว์ร้ายก็ยิ่งอ่อนแอลงเรื่อยๆ เรื่องนี้ช่วยให้ขวัญกำลังใจของพวกมันฟื้นคืนมาบ้าง
ความล้มเหลวน่ะไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่ที่เลวร้ายจริงๆ คือบางสิ่งที่ไม่สามารถย้อนคืนกลับมาได้
เผ่ากริมที่เหลืออยู่เพียง 7,000 ตัว ไม่ต้องการถูกกลบฝังในต่างมิติแห่งนี้
“ฟ้าเริ่มมืดแล้ว อาจมีบางสิ่งที่พวกเราไม่คุ้นเคยปรากฏตัวออกมา”
“ฉะนั้น เพื่อความปลอดภัย พักผ่อนกันก่อนเถอะ”
“หน่วยลาดตระเวรตั้งใจทำงานให้ดี ห้ามมิให้เกิดอุบัติเหตุใดๆขึ้นอีก!”
ด้วยประชากรที่มาก เสียงเลยค่อนข้างดังมิใช่น้อย ทว่าพื้นที่โดยรอบของเทือกเขาหลงฉวน มันมีแต่สัตว์ร้ายเลเวล D อาศัยอยู่ เมื่อเห็นตัวตนเหล่านี้ก็หลบหนีไป หนีไม่ทันก็ถูกฆ่า ฉะนั้นไม่น่าจะมีอะไรหรอกกระมัง?
แต่เนื่องจากเร่งเดินทางมาทั้งวัน ฝูงชนต่างก็เหนื่อยล้า แม้ขวัญกำลังใจจะเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ลึกๆยังคงหวาดกลัว
ไม่นาน เผ่ากริมก็ตั้งค่าย และทยอยกันพักผ่อน
ตกดึก หน่วยลาดตระเวนหลายสิบทีมพากันออกตรวจตรา นอกเหนือไปจากนั้น ต่างหลับไหล
ท่ามกลางความมืดมิด ร่างที่คล่องแคล่วปราดเปรียว กระโจนลงจากต้นไม้
“โอบกอดทมิฬ!”
ฉินเฟิงปลดปล่อยอบิลิตี้ออกมา
“ประกายแสงแห่งความตาย!”
“ระบำดอกไม้ไฟ!”
เพียงชั่วพริบตา หน่วยลาดตระเวนนับสิบไม่ทันสังเกตเห็นว่าฉินเฟิงปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อใด ยิ่งไปกว่านั้นไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจากไปตั้งแต่ตอนไหน!
เพราะยังไม่ทันตั้งตัว พวกมันก็ตายกันหมดแล้ว!
ฉินเฟิงเก็บหลายศพลงในอุปกรณ์รูนมิติ เอาไว้นำไปมอบให้พันธมิตรมนุษย์ชำแหละ หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์บ้าง
จากนั้น หน่วยลาดตระเวนทีมอื่น ก็เริ่มถูกสังหารโดยฉินเฟิง
แต่เมื่อมาถึงทีมที่หก พวกกริมก็เริ่มตระหนักได้ถึงความผิดปกติ ว่าความหนาแน่นระหว่างการลาดตระเวน มันหละหลวมลง กรณีนี้ต่อให้เป็นแค่คนโง่ก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
ฉินเฟิงเร่งถอยทันที
เพียงหนึ่งชั่วโมง เผ่ากริมก็ค้นพบว่าสมาชิกของพวกมันหายไปมากกว่า 50 ตน คาดว่าคงตายไปแล้ว!
“ที่นี่มันดินแดนของปีศาจหรือไร!”
หายไปโดยไม่มีเหตุผล ถูกสัตว์ร้ายน่าขวัญผวาโจมตี ทั้งหมดเริ่มเกิดความกังวลขึ้นอีกครั้ง
คราวนี้ จำนวนทีมที่ถูกส่งออกมา มีเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า!
10 ตน ต่อทีม แต่มีทั้งสิ้น 20 ทีม ลาดตระเวนแบบไล่หลังกัน ทุกอย่างเป็นไปอย่างเข้มงวด หากเกิดเหตุผิดปกติขึ้น ทีมหลังก็จะได้ส่งข้อความกลับมาทันที
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงเห็นได้ชัดว่าหัวหมอ
เขาเลือกเก็บทีมที่คอยตามจากเบื้องหลังก่อน ลงมือสังหารโดยไม่ลังเล
“มิติปิดล้อม!”
ไป๋หลีปลดปล่อยแสงสีเงิน กลบกลืนทุกสรรพเสียงรอบตัว มิให้เล็ดลอดออกไป
ฉินเฟิงกระโจนไปข้างหน้าทันที
มีดกษัตริย์ครามระเบิดเปลวเพลิงอันน่าหวาดกลัว สะท้อนแสงลุกไหม้ยามค่ำคืน
“ที่แท้ก็เป็นเจ้า!!!”
ทหารกริมเมื่อเห็นฉินเฟิง แน่นอนพวกมันไม่รู้หรอกว่าฉินเฟิงคือมนุษย์ที่พวกมันเรียกว่าทาสที่หลบหนีไปในตอนแรก แต่ในที่สุดพวกมันก็ได้รู้ ว่าใครกันที่สังหารสหายของตน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน พวกมันไม่สามารถไปแจ้งเตือนตนอื่นๆได้!
แต่อันที่จริงไม่มีตัวใดคิดหันหลังกลับไปแจ้ง เพราะทั้งหมดต่างมั่นใจว่าตัวเองสามารถเอาชนะฉินเฟิงได้
ฝ่ามือกางออกเป็นเล็บแหลม ทหารกริมหุบปีก โฉบลงจากเบื้องบนทันที หมายฉีกทึ้งฉินเฟิงให้เป็นชิ้นๆ
“ตายซะ!”
ฉินเฟิงปลดปล่อยแสงทมิฬออกมา สาดกระทบลงบนร่างของศัตรู กร่อนทำลายพลังชีวิตของอีกฝ่ายทันที
ทหารกริมรู้สึกว่ากับตนเองกลายเป็นคนไข้ป่วยหนัก ร่างกายอ่อนแอจนไม่มีแรงแม้จะยกแขน
มีดกษัตริย์ครามกระพริบไหว หนึ่งศีรษะร่วงหล่นลงกับพื้น
“สารเลว!”
“ฆ่าเขา!”
ทหารกริมที่เหลือร้องคำรามอาละวาด แต่สุดท้ายก็ถูกสังหารลงโดยฉินเฟิง
เนื่องจากก่อนหน้านี้ฉินเฟิงได้ดูดซับพลังงานจากแก่นพลังของเผ่ากีริม เขาเลยยกระดับไปได้อีกขั้น อาจกล่าวได้ว่าในทุกๆการยกระดับของเขา มันบ่งบอกถึงพลังอำนาจอันน่าหวาดกลัว ที่เพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวกระโดด!
แม้ในทีมจะมีกริมอยู่มากถึง 10 ตัว แต่เมื่อมีไป๋หลีคอยสนับสนุน การต่อสู้แบบปะทะตรงๆของฉินเฟิงเลยไม่ลำบากอะไร
ไม่ถึง 5 นาที กว่า 10 ตนก็จบชีวิตลงโดยสิ้นเชิง
ไป๋หลีสลายมิติ และอีกหนึ่งทีมลาดตระเวนก็ปรากฏขึ้น
ไป๋หลีลงมือทำเช่นเดิมอีกครั้ง
กลยุทธ์สังหารดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนฉินเฟิงสามารถเก็บเกี่ยวชีวิตกริมได้มากกว่า 100 ตน
“ศัตรูบุก!!!”
“หายไป มันหายไปแล้ว!”
“ข้าเจอแล้ว มันอยู่ที่นั่น!”
ทหารกริมร้องตะโกน จากนั้นทุกตนก็รีบตรงไปยังตำแหน่งของฉินเฟิง กระจุกตัวรุมล้อมกันอย่างหนาแน่น
คำนวณขั้นต่ำ คิดว่าน่าจะเกินหลักร้อยตน
นอกจากนี้ ทั้งหมดยังกุมอาวุธไว้ในมือ
ซี่!
ปืนพลังงานถูกยิงเข้าใส่ฉินเฟิง หมายสังหารเขา
อย่างไรก็ตาม วินาทีต่อมา ประกายแสงสีเงินพลันสว่างวาบ ทั้งฉินเฟิงและไป๋หลีหายวับไป
ทหารกริมโกรธมาก แต่พวกมันไม่สามารถทำอะไรได้
ชั่วขณะนี้ พวกตนเกิดความคิดว่า นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาเยือนมิติแห่งนี้ ทุกอย่างมันดูพลาดพลั้ง ผิดเพี้ยนไปหมด ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินในจิตใจ เป็นความหวาดกลัวว่าจะต้องตายลงในสถานที่ที่มิใช่บ้านเกิดตน!
ท่ามกลางความอลหม่าน ฉินเฟิงมิได้หนีไปจริงๆ แต่ผลุบมาอยู่อีกฟากหนึ่ง หลุดจากสายตาของหน่วยลาดตระเวน
นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าต่อสู้ท่ามกลางความมืดมิด!
นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าเท้าเปล่าไม่กลัวสวมรองเท้า ฉินเฟิงมีไป๋หลีอยู่ข้างกาย สามารถต่อสู้ได้อย่างอิสระ แม้อีกฝ่ายจะมีจำนวนนับพัน แต่ฉินเฟิงก็สามารถหาช่องว่างมุดเข้ามาได้อยู่ดี
ระหว่างช่วงดึก ฉินเฟิงล่าสังหารกริมไปมากกว่า 200 ตน หลังจากนั้นพวกกริมไม่กล้ากระจายกำลังหน่วยลาดตระเวนมาอีกต่อไป แต่กระจุกรวมกลุ่มกัน แออัดอยู่ในสถานที่เดียว ไม่ยินยอมให้ฉินเฟิงฉวยโอกาสลอบโจมตีอีกต่อไป แต่คนอย่างฉินเฟิงมีหรือจะยอมแพ้ง่ายๆ?
ปากอ้าแสยะยิ้มหยัน คิดจริงๆหรือว่าทำแบบนี้ ฉันจะไม่มีวิธีกำจัดพวกแก?
ฉินเฟิงยืนหยัดอยู่บนพื้นที่สูง ห่างออกไปพันเมตร ต่อมา ปากกระบอกปืนใหญ่โตอย่างหาที่ใดเปรียบเผยโฉมออกมา
กริ๊ก!
กระสุนถูกยัดลงในลำกล้อง เริ่มหมุนคว้านส่งเสียงวี้ๆดังฟังชัด –นี่คือกระสุนที่ทรงพลังที่สุดของกองทหารรับจ้างเฟิงหลี มันมีไว้ใช้รับมือกับราชันย์สัตว์ร้ายโดยเฉพาะ อานุภาพของมัน เพียงพอที่จะระเบิดสถานชุมชนเล็กๆได้เลย
กระสุนนี้เพียงนัดเดียว เทียบเท่ากับเงินมูลค่านับหลายหมื่นล้าน
ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องบอกบรรยายว่ามันน่าหวาดกลัวขนาดไหน!
“เอานี่ไปกิน!”
ในดวงตาของฉินเฟิง เปล่งประกายไปด้วยเจตนาฆ่า กระแทกปุ่มลั่นไกทันใด
กระสุนพลังงานคริสตัลส่งเสียงคำรามหึ่ง! ทะยานขึ้นสู่ฟากฟ้า
ภายใต้การควบคุมโดยพลังสมาธิ กระสุนจึงตกลงกลางกลุ่มเผ่ากริมอย่างแม่นยำ
และเนื่องจากพวกมันไม่มีจักรกลใหญ่ไว้คอยยิงตอบโต้ ฉะนั้นเหลือแค่เพียงโล่พลังงานไว้รับมือ หรือการแจ้งเตือนจากบางสิ่งที่คล้ายกับอุปกรณ์สื่อสาร –แต่กระสุนนัดนี้พุ่งตรงมากะทันหันเกินไป!
บรึ้ม!
รังสีแสงสีขาวอันน่าสะพรึง ปะทุขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ส่งผลให้พื้นที่โดยรอบสว่างไสวราวกับช่วงเวลากลางวัน วงแหวนพลังงานกวาดกระจายออกจากจุดศูนย์กลางของแรงระเบิด
จากนั้น เมฆเห็ดยักษ์ก็ลุกฮือขึ้นไปในอากาศ เปลวไฟหายไป ควันโขมงพวยพุ่งขึ้นสู่ฟากฟ้า
ระเบิดอำนาจที่ชวนให้ผู้คนตกตะลึง!
ไป๋หลีพาฉินเฟิงไปปรากฏกายขึ้นในกลุ่มศัตรูทันที
–พามาดูสภาพหลังถูกทำลาย