โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.437 – สามชั้นสามสังหาร
ต่อมา ฉินเฟิงก็กางเล็บคว้าตัวจิ่นเฟย กระโดดลงชั้นแรกไปพร้อมกัน
เมื่อก้าวเข้าสู่บันไดชั้นแรก กระแสพลังงานทำลายล้างก็พัดเข้าใส่พวกเขาทันที แต่ปราณกำลังภายในที่คอยคุ้มกันอยู่ภายนอกยังคงนิ่งสนิทไม่ไหวติง
ฉินเฟิงเริ่มก้าวเดินอย่างมั่นคง
เมื่อเทียบกับความเร็วของคนอื่นๆแล้ว ฉินเฟิงกับจิ่นเฟยเหมือนกำลังเดินเล่น
ช่วงเวลานี้ คนที่เร็วที่สุด ไปถึงชั้น 5 แล้ว!
ตูม!
ผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D ระเบิดปราณกำลังภายใน ทิ้งตัวลงไปยังชั้น 5
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาลงไป ทุกคนกลับสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ว่าปราณกำลังภายในของเขาเริ่มเกิดการสั่นสะเทือน
ก็เหมือนกับในอัตราเดิมพัน ชั้นไหนที่รางวัลเพิ่มเป็นเท่าตัว นั่นหมายถึงกระแสพลังงานทำลายที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ยังไม่พอ บันไดในชั้นนี้ยังหมุนตลอดเวลา ค่อยๆชักนำพวกเขาออกจากตำแหน่งที่ปลอดภัยทีละน้อย ทีละน้อย บริเวณโดยรอบเป็นสีเทาทั้งหมด ส่วนเหนือศีรษะ เหมือนจะถูกปิดไว้ด้วยหลังคาโลหะ
อาจกล่าวได้ว่า ตอนนี้พวกเขาอยู่ในมิติสุญญากาศ
ยังไม่พอ แก่นอบิลิตี้ราชันย์เลเวล C ที่โผล่มาให้พวกเขาเห็นเมื่อครู่ กลับค่อยๆหมุนไปอีกทาง ระยะห่างไม่ใช่ 80 เมตรอีกต่อไป หากแต่ห่างออกไปมากถึง 920 เมตร!
“ระยำเถอะ”
“สารเลว! เป็นเพราะพวกเอ็งนั่นแหละมัวแต่ขัดขวางบิดา!”
“ว่าไงนะ ปากแบบนี้ อยากหาเรื่องตายใช่ไหม?”
ฝูงชนโดยรอบเริ่มสบถ แต่ละคนกระจัดกระจายอยู่คนละชั้น และเนื่องจากบันไดมันหมุนวนอยู่ตลอดเวลา ฝูงชนที่ก่นด่ากันเลยแยกไปคนละทางโดยปริยาย
กลุ่มคนที่ยังอยู่ในชั้นแรก ยังมีอีกเยอะ
ฉินเฟิงค่อยๆก้าวเดินลงไปยังชั้นสองอย่างต่อเนื่อง
แม้ทุกย่างก้าวของจิ่นเฟยจะเชื่องช้า แต่ไม่นานเจ้าตัวก็พบว่าฉินเฟิงกำลังปกป้องตนจริงๆ เพราะเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย กระทั่งความเจ็บปวดจากกระแสพลังงานทำลายล้างที่กำลังพัดเข้าใส่ ก็ไม่ส่งผลอะไรอีกต่อไป
ในความคิดของเขา เริ่มเกิดประกายแห่งความหวัง
หรือว่าคนๆนี้จะสามารถทำได้จริงๆ?
แต่แล้วความหวังในแววตาของจิ่นเฟย ก็กลับกลายเป็นมืดมนอีกครั้ง
“ระวังให้ดี คนข้างหน้าคุณคือจางเป่ย เป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล D4 เขาฝึกฝนเทคนิคกำลังภายในระเบิดปราณขั้น C กระบวนท่าวรยุทธที่สร้างชื่อเสียงให้เขาก็คือ ‘ท่าพันฝ่ามือ’ อย่าเข้าไปใกล้เขาเชียว”
อย่างไรก็ตาม พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มา!
แค่การโจมตีแรก จางเป่ยก็ระเบิดกระบวนท่าที่สร้างชื่อให้แก่ตนใส่ฉินเฟิงทันที!
กำลังภายในปะทุโหม แม้จะถูกรบกวนโดยกระแสพลังงานทำลายล้าง แต่มันก็ไม่อาจหยุดจางเป่ยได้ ฝ่ามือนับไม่ถ้วนเริ่มผุดพราย ปกคลุมรอบกายฉินเฟิง
“มันจบแล้ว … ”
หัวใจของจิ่นเฟยเต้นระรัว เบิกตากว้างจ้องมองฝ่ามือนับไม่ถ้วน ที่กำลังตรงเข้ามาตรงหน้า
แต่ในเวลานั้นเอง ฉินเฟิงก็เริ่มยกแขนขึ้น
พร้อมกับแสงไสวสีทองที่พรั่งพราวออกจากมือเขา ก่อร่างเป็นกรงเล็บมังกรขนาดใหญ่
กรงเล็บมังกรทะลวงพยุหะฝ่ามือในพริบตา ตรงเข้าหาจางเป่ยที่อยู่เบื้องหลัง ฟาดเข้าใส่กายเขาอย่างโหดเหี้ยม
ปัง!
เพียงฉาดเดียว เล่นเอาจางเป่ยบินกลับหัวกลับหาง ลอยไปไกลกว่า 30 เมตรทันที
ยังไม่พอ อำนาจจากฝ่ามือมังกร ยังทำลายปราณกำลังภายในของจางเป่ยจนป่นปี้ และส่งร่างเขาร่วงตกลงสู่ชั้นสาม
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้วว!
สายลมทำลายล้างพัดผ่านจางเป่ย ปรากฏรอยจ้ำแดงนับไม่ถ้วนบนกายเขา พริบตาเดียวจางเป่ยก็กลายเป็นมนุษย์เลือดไปในทันที
โครม!
ร่างของจางเป่ยร่วงตกลงในบันไดชั้น 3 จากนั้นก็แน่นิ่งไม่ไหวติงอีกเลย
คนอื่นๆต่างคิดกันว่าจางเป่ยคงถูกสังหารลงโดยกระแสพลังงานทำลายล้าง แต่จิ่นเฟยทราบดี ว่าจางเป่ยตายเพราะฝ่ามือของฉินเฟิง!
–ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของฉินเฟิง มันมากเกินไป! เขาสามารถรับมือกับเลเวล C5 ได้ ฉะนั้นเลเวล D4ไม่ต้องกล่าวถึง !
“อา … ” จิ่นเฟยแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง
ไม่ ไม่ ไม่ บังเอิญ นี่ต้องบังเอิญแน่ๆ เขาอาจแค่โชคดี!
แม้จะคิดเช่นนั้น แต่เมื่อลองเอามือทาบอก จิ่นเฟยกลับพบว่า หัวใจของเขายังคงเต้นครึกโครม
ฉินเฟิงเริ่มเดินหน้าต่อ มุ่งตรงไปยังชั้นสองของเทียนไต้
กระแสพลังงานทำลายล้างของที่นี่แข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย กระทั่งการไหลเวียนของกระแสอากาศยังสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
อย่างไรก็ตาม ปราณกำลังภายในของฉินเฟิง ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะสั่นไหวแม้แต่น้อย
ยังคงมั่นคงหนักแน่น
จิ่นเฟิยเอ่ยปากอีกครั้ง
“ระวัง นั่นปรมาจารย์ไห่ซาน รีบหนีเร็วเข้า!”
ชายคนนี้คือคนที่ลงบันไดชั้นแรก ไปก่อนหน้าฉินเฟิง แต่เนื่องจากบันไดมันเคลื่อนที่เป็นวงกลม
ชั้นแรกวนทวนเข็มนาฬิกา ส่วนชั้นสองวนตามเข็มนาฬิกา ดังนั้นเมื่อฉินเฟิงเดินลงไปชั้น 2 เขาเลยจ๊ะเอ๋กับปรมาจารย์ไห่ซานทางด้านซ้ายเข้าพอดี
อีกฝ่ายเป็นชายหัวล้าน ในมือกุมขวานใบกว้าง
ไม่รอให้อธิบายไปมากกว่านี้ ปรมาจารย์ไห่ซาน วาดคมขวานเป็นแนวนอน ตรงเข้าสะบั้นศีรษะผู้มาเยือนทันที
ฉินเฟิงยกแขนซ้ายขึ้นและ–
“–ลำแสงเปลวเพลิง!”
บรึ้ม!
อำนาจเปลวไฟอันยิ่งใหญ่ ทะลักออกมาจากอย่างคลั่ง
จิ่นเฟยเห็นกับตาว่าปรมาจารย์ไห่ซานใช้ขวานยักษ์ทานรับได้อย่างทันท่วงที แต่เขากลับถูกกดดันจนถอยหลังไปไกลกว่า 10 ก้าว ยังไม่พอปราณกำลังภายในของไห่ซานยังถูกทำลาย!
“เสาแมกมา!”
ใต้เท้าของไห่ซานกลายเป็นแอ่งลาวา พวกมันทะปุขึ้นสู่ฟากฟ้า โถมกลืนไห่ซานเอาไว้ภายใน
“อ๊ากกกกก”
ปรมาจารย์ไห่ซานกรีดร้องน่าเวทนา ผ่านพ้นไปเพียง 5 วินาที ไฟก็มอดลง ทั้งคนทั้งขวานมอดจนเหลือแต่ขี้เถ้า
หน้าผากของฉินเฟิงย่นเข้าหากันเล็กน้อย และเริ่มก้าวไปข้างหน้า
“ทั้งจางเป่ยและคนๆนี้ ทำไมถึงไม่มีใครพกอุปกรณ์รูนมิติมาด้วยเลย?”
จิ่นเฟยตะลึงจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้วเวลานี้
พอได้ยินคำถามของฉินเฟิง เขาก็อธิบายออกไปโดยไม่รู้ตัวว่า “ไม่มีใครพกมันติดตัวไว้หรอก เพราะการลงขั้นบันไดของเมืองหวัง มันจะสร้างความเสียหายต่ออุปกรณ์รูนทุกชนิด หากปราณกำลังภายใน หรือโล่อบิลิตี้ที่คอยปกป้องอยู่ภายนอกสลายไปแม้เพียงครั้งเดียว ทุกอย่างที่อยู่บนตัวจะถูกทำลายทันที”
ฉินเฟิงไม่ทันคาดคิดถึงเรื่องนี้เลย
เพราะท้ายที่สุดแล้ว เขาไม่เคยเข้าร่วมงานเทียนไต้มาก่อน
นี่คือครั้งแรก
“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”
“เดี๋ยวสิ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะพูดซะหน่อย –คุณเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณไม่ใช่หรอ? แล้วสามารถปลดปล่อยอบิลิตี้ได้ยังไงกัน!” ดวงตาของจิ่นเฟยฟุ้งไปด้วยความตกใจ
ฉินเฟิงบีบบังคับให้เขาต้องลงบันไดเทียนไต้ ในสายตาของจิ่นเฟย ราวกับคนที่กำลังจะถูกประหาร ดังนั้นแม้จิ่นเฟยจะกลัวฉินเฟิง แต่เขาก็ยังเกลียดอีกฝ่ายเช่นกัน แต่เมื่อลงบันไดมาแล้วถึง 2 ชั้น ฉินเฟิงกลับยังคงปกป้องตนและไม่ปล่อยให้ได้รับบาดเจ็บใดๆเลย
จิ่นเฟยลองสังเกตฉินเฟิงอย่างรอบคอบอีกครั้ง เจ้าตัวพบว่าใบหน้าอีกฝ่ายแม้เรียบเฉย แต่ก็ไม่แสดงออกถึงความโหดเหี้ยม แตกต่างกับผู้คนอื่นๆในเมืองหวัง
เมื่อนึกถึงจุดนี้ ความเกลียดชังในหัวใจก็เริ่มลดทอนลง ความหวาดกลัวก็เช่นกัน แต่จิ่นเฟยยังไม่ไว้ใจฉินเฟิงอยู่ดี
ในเวลานี้เขารู้สึกตกใจกับอีกฝ่ายมากกว่า
ฉินเฟิงยิ้มบาง “ที่นายต้องรู้ มีแค่เรื่องเดียว นั่นคือหากฉัยเอ่ยปากว่าจะทำอะไร นั่นหมายความว่าฉันมั่นใจว่ามีความแข็งแกร่งมากพอที่จะทำมัน!”
ฉินเฟิงก้าวลงไปข้างหน้าอีกครั้ง
ลงสู่ขั้นบันไดชั้น 3
แต่ในเวลานั้นเอง ผู้ใช้พลังที่อยู่บนบันไดชั้น 4 ก็กระโดดขึ้นมาชั้น 3 อย่างกะทันหัน
“ระวัง นั่นเสี่ยว …. ”
จิ่นเฟยเริ่มอธิบายรายละเอียดของศัตรูอีกครั้ง
แต่ฉากที่เกิดขึ้นต้องหน้า มันบังคับให้เขาต้องหุบปากลง!
–ฉินเฟิงชักมีดกษัตริย์ครามออกมา วาดสะบัดอย่างโหดเหี้ยม ไร้ซึ่งความลังเลใดๆ จังหวะที่มีดกรีดผ่านอากาศ ใบมีดก็เริ่มลุกไหม้
ปราณกำลังภายในของอีกฝ่ายสลายไปทันที คนที่คิดเข้ามาขวางฉินเฟิง ถูกตัดเป็นสองซีก
เลือดในส่วนเนื้อที่ถูกเฉือนมิอาจทะลักออกมาในทันที เนื่องจากถูกคั่วจนรอยปิดสนิทด้วยมีดเปลวเพลิง
ไม่รอให้เสียเวลาไปมากกว่านี้ กระแสพลังงานทำลายล้างก็กระพือใส่เขา เป่าร่างศพสองซีก สลายหายไปทันที มิอาจเห็นร่องรอยได้อีกเลย
ฉินเฟิงเริ่มก้าวต่อไป
เพียงลงมาบันไดชั้น 3 ฉินเฟิงก็สามารถสังหารศัตรู 3 คนได้อย่างง่ายดาย
ในสายตาของจิ่นเฟย นี่มันช่างเป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อ
นอกจากนี้ คนบนเวทีที่กำลังรับชม ทั้งหมดต่างตกตะลึงไม่แพ้กัน
ขณะนี้ คนที่สวมชุดคลุมดำ ท่าทีกลายเป็นเย็นเยียบ
นั่นเพราะเขาเริ่มเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น!
ระหว่างอธิบาย ฉินเฟิงก็สามารถก้าวลงไปถึงชั้น 4 ได้แล้ว
อีกแค่ก้าวเดียว เขาก็จะสามารถลงไปถึงชั้น 5 นั่นเท่ากับเสร็จสิ้นการเดิมพันแรก แต่แน่นอน นั่นมันในกรณีที่จิ่นเฟยยังมีชีวิตอยู่
“ฆ่า!”
“ไม่ต้องสนคนข้างหน้า จัดการเจ้าเลเวล E ข้างหลังซะ!”
“ทำใจเชื่อไม่ได้จริงๆ แต่ตอนนี้ล่ะ ฉันจะเด็ดหัวแกเอง!”