โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.445 – ข่าวลือสุดสะพรึง!
ทั้งสองหันมามองหน้ากันและกัน ไม่เอ่ยคำใด เลือกที่จะเฝ้ารอดังเดิม
ทว่าเมื่อเวลาผ่านเลยไปอีก 5 นาที คิ้วของทั้งสองก็เริ่มขมวดมุ่น
เพราะคนที่นัดเจอกับพวกตน ยังไม่ยอมปรากฏตัวเสียที
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมบอสเฉิงถึงยังไม่มา?”
“มิสเตอร์เหรินก็ยังไม่มาเหมือนกัน ไม่ใช่ว่าเมื่อวาน เขาเป็นคนที่ดูกระตือรือร้นที่สุดหรอกหรอ?”
“อย่าบอกนะว่าพวกเขาหลอกเรา?”
“ติดต่อคนอื่นๆก่อนเถอะ อย่าเพิ่งลงมือ ฮึ่ม! ไม่คิดเลย ว่าจริงๆแล้วนี่จะเป็นกับดัก!”
ผู้คนในเมืองหวัง การที่สามารถก้าวขึ้นมาถึงความแข็งแกร่งในระดับนี้ได้ หากไม่นับคนที่มาจากโลกภายนอก ทั้งหมดล้วนเป็นคนที่เคยไต่เต้าขึ้นมาจากความตาย
และคนแบบนั้นน่ะ มันน่าหวาดกลัวที่สุด!
และยังเป็นคนที่ต้องระวังตัวให้มากที่สุดด้วย!
ทั้งสองเริ่มเปิดอุปกรณ์สื่อสารอย่างรวดเร็ว โทรออกหาคนอื่นๆ
【ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ไม่พบอุปกรณ์สื่อสาร】
หนึ่งในสองเบิกตากว้างทันที
อีกคนก็เผชิญหน้ากับสถานการณ์เดียวกัน ต่อมา สีหน้าของเขาก็เริ่มเปลี่ยนแปลง คล้ายฉุกคิดถึงอะไรบางอย่าง
เขารีบโทรหาอุปกรณ์สื่อสารของคนอื่นๆอย่างรวดเร็ว
【ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! ไม่พบอุปกรณ์สื่อสาร】
【ติ๊ด! ติ๊ด! ติ๊ด! … 】
อันที่จริงแล้ว แผนการในครั้งนี้ มีเลเวล C ผู้ร่วมกระบวนการทั้งสิ้น รวมบอสเฉิงและบอสเหรินด้วย ก็ทั้งหมด 7 คน
ทั้ง 7 คน ต่างปรารถนาในทรัพย์สินของฉินเฟิง ดังนั้นไม่ต้องการคนมากเกินไป แค่ 7 กำลังดี จากนั้นค่อยหารส่วนแบ่งกันคนละ 600,000 ล้าน
ในขณะที่บางคนก็อยากเข้าเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการด้วย แต่ก็ไม่มีโอกาส!
ท่าวไม่คาดคิดเลย ว่าจู่ๆที่เหลืออีก 5 คน จะติดต่อไม่ได้อย่างกะทันหัน
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง!” กระดูกสันหลังของหนึ่งในสองด้านชา สัญชาตญาณร้องเตือนว่าอาจเกิดสิ่งเลวร้ายขึ้น
“ล้มเลิกแผนการไปก่อน ตอนนี้ถอย!”
อีกหนึ่งรู้สึกเย็นยะเยือกในหัวใจ ตัดสินใจล่าถอย
คนแรกพยักหน้าเห็นด้วย
พวกเขาไม่ใช่แค่ถอย แต่ยังบุกไปยังวิลล่าของบอสเฉิงและบอสเหรินเพื่อตามหาคน
แต่แน่นอน สิ่งที่พวกเขาพบ เกรงว่ามันจะเหลือแค่ฝุ่นละออง
เพราะคนเหล่านี้ ระเหยเป็นผงไปหมดแล้ว!
ย้อนเวลากลับมาเล็กน้อยทางฉินเฟิง หลังจากกลับมา เจ้าตัวหลับสนิทตลอดทั้งค่ำคืน
เมื่อเทียบกับฉินเฟิงแล้ว จิ่นเฟยมีสภาพน่าสังเวชนัก ตลอดทั้งคืนเขาไม่อาจข่มตาหลับ และยังจินตนาการอยู่ตลอดเวลา ว่าอาจมีเลเวล C บุกเข้ามา สังหารตนเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉินเฟิงกับไป๋หลีลงไปชั้นล่าง ขอให้หัวหน้าเชฟปรุงวัตถุดิบบางอย่าง
และวัตถุดิบที่ว่าของฉินเฟิง มันคือระดับจักรพรรดิ! หัวหน้าเชฟที่กำลังทำอาหาร สองมือสั่นไหว หวาดกลัวว่าตนจะเผลอทำให้อาหารสูญค่า เพราะต่อให้ตัวเองยอมขายชีวิต ก็ไม่สามารถจ่ายได้
แต่ที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ หลุยตงผู้นี้เจ้าสำราญยิ่ง หัวหน้าเชฟมีทักษะไม่เลวเลย พอถึงเวลาจิ่นเฟยลงมา เขาก็ถูกกลิ่นหอมหวลภายในห้องดึงดูดใจ
แม้จิ่นเฟยจะเป็นเลเวล E แต่สำหรับในเมืองหวัง เลเวล E ช่างรันทด เกรงว่าจะไม่เคยเพลิดเพลินไปกับอาหารหรูหราแบบนี้มาก่อน
“นั่งลงกินด้วยกันเถอะ ฉันมีบางอย่างอยากจะถามนาย” ฉินเฟิงชี้ลงเก้าอี้ตรงข้าม
“ขอรับลูกพี่” จิ่นเฟยนั่งลงอย่างเร่งรีบ เริ่มกินอย่างระมัดระวัง เพราะกลัวว่ามารยาทบนโต๊ะอาหารของตนจะทำให้คนอื่นหัวเราะเยาะ แต่ไม่นาน เขาก็พบว่า ไป๋หลีกับฉินเฟิงเป็นคนสบายๆ ไม่ได้ใส่ใจอะไร
เห็นแบบนั้นจิ่นเฟยก็เบาใจลงมาก
“ลูกพี่อยากจะถามอะไรหรือ”
ฉินเฟิงกล่าว “ใครเป็นผู้ผลิตปืนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหวัง อ้อ หรือถ้าจะให้พูดชัดๆ ในอุตสาหกรรมนี้ ใครมีชื่อเสียงมากที่สุด?”
จิ่นเฟยคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างดี เปิดปากกล่าว “มีโรงงานแปรรูปนับไม่ถ้วนในเมืองหวัง ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นในกำแพงหุบเขา พวกมันคือสาเหตุของหมอกพิษบนฟ้า”
“มีอยู่สองคนที่มีชื่อเสียงมากที่สุด หนึ่งคือผู้ใช้พลังเลเวล C2 –หลงซาน เขาเป็นช่างทำปืน มีความเชี่ยวชาญในเทคโนโลยีอาวุธปืนเลเวล D เน้นไปทางผลิตอาวุธชั้นสูง”
“แต่ถ้าลูกพี่กำลังพูดถึงในกรณีที่ทำเงินได้มาก ก็คงไม่พ้นหานเหวิน เขาเป็นผู้ใช้วรยุทธโบราณเลเวล C5 ทรงพลังมาก และเป็นผู้ผูกตลาดแทบจะ 70 %”
ฉินเฟิงพยักหน้า แต่สักพักก็ชะงักไป
คงไม่บังเอิญถึงขนาดนั้นหรอกนะ!
ในบรรดาคนที่ถูกฉินเฟิงสังหารลงเมื่อวาน มีเลเวล C2 อยู่เหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม เรื่องอะไรพวกนี้ ฉินเฟิงจะไม่เป็นคนหาข้อมูลด้วยตัวเอง
“โอเค งั้นหลังจากนี้ นายช่วยฉันหาข้อมูลเกี่ยวกับหลงซานคนนั้นหน่อยนะ”
จิ่นเฟยไม่รู้หรอกว่าฉินเฟิงต้องการจะทำอะไร แม้มีคำถามในหัวใจ แต่เขาก็ไม่เอ่ยออกมา
เจ้าตัวพยักหน้า รีบรับประทานอาหารเช้า และลอบออกจากวิลล่าของฉินเฟิงอย่างระแวดระวัง
แน่นอน จิ่นเฟยปลอมตัว ดังนั้นไม่มีใครรู้ว่าเป็นเขา ไม่มีใครรู้ว่าเป็นชายหนุ่มที่เดินจากไปพร้อมกับฉินเฟิงเมื่อวานนี้ ตรงกันข้าม สภาพของจิ่นเฟยตอนนี้ราวกับขอทานน่าสิ้นหวัง
อย่างไรก็ตาม หากมีคนตรวจสอบเขาด้วยพลังสมาธิ จิ่นเฟยก็ไม่อาจปกปิดได้
ไม่นาน จิ่นเฟยข้ามผ่านถนนหลายสาย มาถึงจุดหมายที่ตนมักจะคลุกคลีอยู่เป็นประจำ และเริ่มติดต่อคนของหลงซานเพื่อขอข้อมูล
ทว่าน่าแปลก ที่ในวันนี้ ลูกน้องของหลงซาน กลับเหลือไม่ถึงครึ่ง
นอกจากนี้ ในถนนใหญ่ ผู้คนราวกับกำลังตื่นตระหนก
“นายรู้เรื่องรึเปล่า ได้ยินมาว่าเมื่อวานนี้ผู้ใช้พลังเลเวล C กว่า 10 คนเพิ่งเสียชีวิตไป ทั้งหมดตายลงอย่างไร้ซุ่มไร้เสียงในวิลล่า!”
“หา? เรื่องจริงงั้นหรอ ว่าแต่ใครตายบ้างล่ะ?”
“บอสเหริน บอสเฉิง …. แล้วก็มีบอสหลง ศพของเขากลายเป็นผง ก่อนตายดูเหมือนว่าเขาจะยังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ น่าเหลือเชื่อจริงๆ!”
“นั่นมันเป็นไปได้อย่างไร? บอสหลงแข็งแกร่งมากเลยนะ! ”
“ใครจะรู้? ยังไงก็ตาม ลูกน้องของบอสเลเวล C ทั้ง 10 คนก็เหมือนจะหายตัวไปเหมือนกัน ทั้งหมดคือคนที่เฝ้ายามในคืนนั้น วิลล่าทั้งหลังว่างเปล่า ในคืนเดียวเลเวล D ตายไปกว่า 100 คน!”
“ฝีมือใครกัน?”
“ได้ยินมาว่าเป็นฝีมือของเลเวล D ”
“เพ้ยยย! นี่แกล้อฉันเล่น?”
“ล้อเล่นที่ไหนกัน แกไม่ได้ไปโถงหลักของเมืองเลยหรอ ตอนนี้ใครบ้างไม่รู้ว่ามีวัยรุ่นผู้ใช้พลังเลเวล D คนหนึ่งสามารถสังหารหลุยตงได้ และเมื่อวานนี้ เขาได้เข้าร่วมบันไดเทียนไต้ สังหารผู้ใช้พลังไปมากกว่า 400 คน และได้รับเงินเดิมพัน 4 ล้านล้าน … ”
ชายคนนั้นยังคงพร่ำพูดน้ำลายฟูมปาก ส่วนจิ่นเฟยกลายเป็นตะลึงลาน มิอาจรับฟังคำใดได้อีก
เพราะเลเวล D ที่ผู้คนพูดถึงกัน มันฉินเฟิงไม่ใช่หรอ!
จิ่นเฟยยังจะมัวมีอารมณ์รวบรวมข้อมูลอยู่อีกได้อย่างไร? เร่งรีบกลับวิลล่าไปหาฉินเฟิงทันที
ในระหว่างอีกฝ่ายกำลังเดินทางกลับ ฉินเฟิงทยอยดูดซับสินสงครามของเมื่อวานนี้
ทั้งหมดคือของที่สามารถกินได้ ของชิ้นไหนกินไม่ได้ก็นำไปสร้างอุปกรณ์รูน แม้จะมีสภาพไม่สมบูรณ์ แต่ฉินเฟิงไม่ได้ยัดมันเข้าปากซะหน่อย เขาเลือกใช้พลังพิเศษดูดกลืนโดยตรง
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
“ดูดกลืน!”
“ดูดกลืน!”
“ดูดกลืน!”
มีสมบัติอยู่มากเกินไป พลังงานมหาศาลเหลือล้น ฉินเฟิงออกจากเทือกเขาหลงฉวนได้ไม่ถึงเดือน ก็สามารถยกระดับไปได้อีกขั้นแล้ว
ความแข็งแกร่งทางกายภาพก้าวขึ้นสู่เลเวล D6!
“ฟู่ว … ”
ฉินเฟิงผ่อนลมหายใจยาว
ยอดไปเลย ความแข็งแกร่งยกระดับไปอีกขั้นแล้ว ถ้าทำได้แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ หลังจากขึ้นไปถึงเลเวล C สถานการณ์ของฉินเฟิง คงจะดีกว่านี้มาก
จังหวะนั้นเอง จิ่นเฟยวิ่งหอบแฮ่กๆเข้ามา
“ลูกพี่! ฉันได้ข่าวแล้ว!”
ฉินเฟิงออกจากห้องฝึกฝน กลิ่นอายที่ยกระดับ ยังไม่ทันถูกระงับ ส่งผลให้ยามจิ่นเฟยมองฉินเฟิง บังเกิดความรู้สึกว่า เมื่อเทียบกับเลเวล D คนอื่นๆแล้ว ฉินเฟิงน่ายำเกรงกว่ามาก
ทั้งๆที่อยู่ในเลเวล D เหมือนกับคนอื่นๆแท้ๆ แต่กลับให้ความรู้สึกห่างชั้นไกลลิบ!
“ว่ามาสิ”
“อึก … ” จิ่นเฟยเดิมทีกล้ำกลืนความสงสัย ว่าใครแอบลอบวางกับดัก โยนความผิดให้ฉินเฟิงรึเปล่า แต่ตอนนี้จิ่นเฟยเริ่มคลายข้อสงสัยลง “หลงซานหายตัวไปแล้ว บางคนบอกว่าเขาตาย แต่ไม่มีร่องรอยของศพอยู่เลย และเมื่อวานนี้ก็มีเลเวล C เสียชีวิตตั้ง 10 คน ตอนนี้ข้างนอก กำลังเล่าลือกัน ว่าเป็นฝีมือของลูกพี่!”
ฉินเฟิงพยักหน้า “อ่า เป็นฉันเอง”
จิ่นเฟยกลายเป็นบื้อใบ้