โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.454 – ยังมีศักดิ์ศรีอยู่อีกไหม
ฉินเฟิงกวาดพลังสมาธิไปยังคนเหล่านั้นที่ซ่อนตัวอยู่ แสยะยิ้มหยัน
คนเหล่านี้ยังไม่ได้ลงมือ นับว่าพวกเขาฉลาดอยู่เหมือนกัน มิฉะนั้นแล้ว ฉินเฟิงคงไม่ลังเลที่จะสังหารพวกเขา
เรือเหาะเริ่มลอยลำขึ้นอีกครั้ง คนเหล่านี้เฝ้ามองเครื่องจักรลอยฟ้าของฉินเฟิง แต่มิได้ตื่นตาตื่นใจถึงขนาดนั้น เพราะท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาเห็นแค่เฉพาะช่วงหลัง นั่นคือช่วงที่ฉินเฟิงต่อกรกับสัตว์ร้ายโดยตรง มิได้เห็นฉากเรือเหาะระเบิดยิงใส่เต่าหมื่นปี
เรือเหาะไม่สามารถเข้าสู่เมืองหวังได้ จึงลอยกลับไปเก็บที่โรงงาน ส่วนฉินเฟิงกับไป๋หลี เดินทางกลับวิลล่าเพื่อพักผ่อน
ช่วงเวลานั้นเอง อุปกรณ์สื่อสารของฉินเฟิงก็ส่งเสียงติ๊ดๆอย่างกะทันหัน
เป็นเฉินเซี่ยง
เมื่อทำการเชื่อมต่อ เสียงร้อนรนของเฉินเซี่ยงก็ดังตามมาทันที
“หัวหน้า เมืองหลงฉวนล่มสลายแล้ว”
“อะไรนะ?” ฉินเฟิงตะลึง
ในชีวิตก่อน เมืองหลงฉวนมิได้ถูกตีแตก ดังนั้นมันจะล่มสลายลงด้วยฝีมือศัตรูได้อย่างไร?
ต้องไม่ลืมนะว่านั่นคือสถานที่ระดับสูงของมนุษย์!
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไม่ใช่ว่าที่นั่นมีผู้ใช้พลังเลเวล A ไปคุมสถานการหรอกหรือ? ทำไมถึงถูกศัตรูตีแตกได้ หรือว่าเลเวล A ยังไม่มา” ฉินเฟิงพ่นคำถามทั้งหมดในลมหายใจเดียว
เฉินเซี่ยงยิ้มขม และกล่าว “ซุ่ยเหลียนมาจริงๆ แต่เขาถูกฆ่าตาย!”
“ว่าไงนะ!” คราวนี้ต้องบอกว่าฉินเฟิงตกใจจริงๆ
เฉินเซี่ยงไม่อมพะนำอีกต่อไป เร่งอธิบาย “ได้ยินไม่ผิดหรอก เขาถูกสังหารลงด้วยลำแสงพลังงานเหมือนกับเกาหยูคัง … ท่านซุ่ยเหลียนประมาทเกินไป เขาเล่นลอยตัวขึ้นในอากาศ ปลดปล่อยพลังสมาธิสะกดข่มเผ่ากริม บีบบังคับให้พวกมันยอมจำนน และปลดอาวุธเสีย แต่ผลลัพธ์คือถูกลอบยิงจากปืนบนเมืองลอยฟ้า … ”
ฉินเฟิงถึงกับพูดไม่ออก
หัวของซุ่ยเหลียนใช่ถูกลาเตะจนกลวงไปแล้วหรือไม่?
ความตายของเกาหยูคังก็เป็นตัวอย่างที่ดีแล้วแท้ๆ หรือว่าซุ่ยเหลียนจะไม่รู้ข่าวของเกาหยูคัง เขาคงไม่สนใจว่าเลเวล C คนหนึ่งตายไปได้อย่างไรงั้นสินะ? ถึงอย่างนั้นก็เถอะ อย่างน้อยต้องศึกษาเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยีของศัตรูเอาไว้หน่อยหรือเปล่า
ในชีวิตก่อนของฉินเฟิง ซุ่ยเหลียนไม่ได้เปิดเผยตัวอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ เขาเลือกลอบเร้นเข้าไปยังเมืองลายฟ้า และทำการฆ่าสังหารเผ่ากริมจดหมดสิ้น ทว่าในครั้งนี้ ทำไมเขาถึงได้อวดดีนัก?
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องสงสัยเลย ว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ บางทีอาจเป็นเพราะฉินเฟิง
ฉินเฟิงเป็นแค่ผู้ใช้พลังเลเวล D แต่กลับสามารถหยุดการโจมตีของกองทัพกริมได้ ทั้งยังทำให้ผู้คนทราบถึงความแข็งแกร่งของเผ่ากริม
ดังนั้นซุ่ยเหลียนที่เป็นถึงเลเวล A ครอบครองอำนาจอันยิ่งใหญ่ จึงไม่หวาดเกรงศัตรูเลเวล C
ด้วยเหตุนี้ ผลลัพธ์เลยกลายเป็นเขาถูกลอบยิงอย่างไม่ทันตั้งตัว
ฉินเฟิงกลายเป็นบื้อใบ้ ไม่รู้จะสรรหาคำใดมาเอ่ยดี
“งั้นตอนนี้พันธมิตรมนุษย์ว่ายังไงบ้าง?” ฉินเฟิงเอ่ยถาม
“ยังไม่แน่ใจ แต่ที่แน่ๆ ตัวตนระดับเลเวล A น่ากลัวว่าจะไม่มาแล้ว บางทีพวกเขาอาจเลือกใช้กลยุทธ์กองทัพมนุษย์!” เฉินเซี่ยงกล่าว
หากเลือกใช้กลยุทธ์กองทัพมนุษย์ น่ากลัวว่าจะมีคนตายเป็นจำนวนมาก กลยุทธ์แบบนี้หากไม่จนตรอกแล้วจริงๆ มันจะไม่ถูกนำออกมาใช้เลย
“หรือไม่พวกเขาอาจยอมยกที่ดินบางส่วนให้พวกมันไป”
ตัวเลือกนี้ก็ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น มอบเขตการปกครองในส่วนหลงฉวนให้เผ่ากริม และให้มนุษย์ละทิ้งหลงฉวนไป
กรณีนี้จะไม่ส่งผลเสียกับใคร เพราะท้ายที่สุดแล้ว หลงฉวนเป็นเพียงหนึ่งในเมืองสนามรบแนวหน้า และเมืองแบบนี้ ยังมีอยู่อีกมากมาย
ซึ่งหากเป็นไปตามที่กล่าวมา มันไม่ใช่สิ่งที่ฉินเฟิงต้องกังวลอีกต่อไป
ยังไงก็ตาม หัวใจของฉินเฟิง กลับยังคงคิดถึงเมืองลอยฟ้า
เพราะเสน่ห์ของมันน่าดึงดูดเกินไปจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการเคลื่อนที่ , เครื่องจักรคุณภาพสูง , หากสามารถได้มันมาครอบครอง ฉินเฟิงก็ไม่จำเป็นต้องเร่งยกระดับขึ้นอีกต่อไป อีกอย่างเขาเป็นเจ้าของกองกำลัง ดังนั้นหากใช้มันอาจได้เปรียบอย่างมหาศาล
เพราะเขาจะสามารถเคลื่อนที่ไปได้ทุกสารทิศอย่างไร้ข้อจำกัด
หากซุ่ยเหลียนยังอยู่ การเข้ายึดครองเมืองลอยฟ้าย่อมไม่อยู่ในความคิดฉินเฟิง แต่ตอนนี้ เมืองลอยฟ้ายังมิได้ถูกผู้ใดพิชิต
ดังนั้น หากมีโอกาส ฉินเฟิงก็ยังไม่อยากตัดใจ
และส่วนหนึ่งที่ตัดสินใจแบบนี้ นั่นเพราะปัจจุบันฉินเฟิงเองก็เริ่มมีความแข็งแกร่งถึงระดับหนึ่งแล้ว แต่ช่วยรอก่อนเถอะ ขอเวลาเขาอีกสักนิดนึงก่อน!
“ติดตามการเคลื่อนไหวของทางหลงฉวนให้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์ของเมืองลอยฟ้า” ฉินเฟิงสั่งการ
“รับทราบ” เฉินเซี่ยงตอบรับ
แล้วทั้งสองก็วางสาย จิตใจของฉินเฟิง หวนกลับสู่ช่วงเวลาปัจจุบัน
ด้วยการเคลื่อนไหวของพลังสมาธิของเขา ภายในห้องฝึกยุทธ แก่นจักรพรรดิทั้ง 11 ลูกของเต่าหมื่นปี ร่วงตกลงกับพื้นทันใด
“เจ้าพวกนี้ น่าจะพอช่วยให้ฉันสามารถยกระดับไปได้อีกขั้น!”
ฉินเฟิงไม่มัวเสียเวลา ยื่นมือไปวางลงเหนือแก่นจักรพรรดิโดยตรง
“พลังพิเศษดูดกลืน!”
ฉินเฟิงสัมผัสได้ว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ฉินเฟิงยังรู้สึกว่าหัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น มันเปี่ยมไปด้วยพลัง เอ่อล้นไปด้วยความแข็งแกร่ง ทุกช่วงจังหวะในการเต้นราวกับกลองชุดใหญ่
ฉินเฟิงแม้อยู่ในช่วงวัยรุ่น แต่เมื่อเริ่มสูบแก่นพลังงงานเต่าหมื่นปี เขารับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าเซลล์ทั้งหมดในร่างกายตน มันเริ่มอ่อนเยาว์มากขึ้น
–หรือกล่าวได้อีกความหมายนึงคือ อายุขัยเริ่มเพิ่มพูนขึ้น
ภายใต้การสังเกตโดยพลังสมาธิ ฉินเฟิงตระหนักได้อย่างชัดเจน ว่าร่างกายของเขา ช่วงอายุวัยรุ่นได้ยืดขยายออกไป
หากเป็นก่อนหน้านี้ ช่วงอายุวัยรุ่นของเขาจะตันที่ 18 ปี แต่ตอนนี้มันยืดออกไปเป็น 20 ปี ถึงจะก้าวเข้าสู่วัยหนุ่มอย่างแท้จริง
ยังไม่พอ ช่วงอายุวัยหนุ่มของเขายังยืดขยายออกไปจนถึงอายุ 50 ปี หลังจากนั้นจึงค่อยเข้าสู่ช่วงวัยกลางคน
และปรากฏการณ์นี้ ยังแสดงให้เห็นอีกว่า ศักยภาพของฉินเฟิง ได้ก้าวกระโดดไปอีกขั้น
แก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายถูกดูดซับหายเข้าไปในร่างของฉินเฟิง
ต้องไม่ลืมนะว่า แก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายสามารถช่วยส่งเสริมศักยภาพของผู้ใช้พลังให้ดีขึ้นได้ แต่ฉินเฟิงเคยดูดซับอะไรพวกนี้มามากกว่าหนึ่งแก่น ดังนั้นศักยภาพของเขาได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว หากทำเช่นนี้ต่อไป จะถือว่าค่อนข้างเสียของ
อย่างไรก็ตาม ฉินเฟิงไร้ซึ่งร่องรอยใดๆของความเสียดาย เขายังคงดูดซับสิ่งเหล่านี้ต่อไปอย่างไม่ลังเล
สามารถเพิ่มอายุขัยของตนเองได้ ใครบ้างเล่าจะไม่ชอบ?
ฉินเฟิงไม่คิดรอจนแก่ถึงใช้งานมัน เขาตัดสินใจดูดกลืนพวกมันทั้งหมดลงไปทันที พลังงานทางกายภาพเพิ่มพูนอย่างก้าวกระโดด
จากนั้น ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก็ทะลวงไปอีกขั้น
ก้าวขึ้นสู่เลเวล D8 !
ภายในวันเดียว กลับสามารถยกระดับได้ถึง 2 ขั้น!
ทว่าการยกระดับอย่างต่อเนื่องไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากคุณได้รับสมบัติทางธรรมชาติที่เหมาะสมมา มันก็มีโอกาสสามารถยกระดับต่อเนื่องได้ อย่างเหตุการณ์เลเวล D ก้าวขึ้นเป็นเลเวล C เองก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
ฉินเฟิงรู้สึกสดชื่นเป็นอย่างมาก เขาเดินออกจากห้องฝึกยุทธ ในหัวใจเริ่มคิดเกี่ยวกับสถานที่ต่อไป ที่ตนจะไป
แน่นอน ว่าเขาไม่คิดจะอยู่ในเมืองหวังตลอดกาล นี่เป็นเพื่อจุดพักชั่วคราวของเขาเท่านั้น
ในตอนนั้นเอง จิ่นเฟยเดินเข้ามาพอดี เมื่อเห็นฉินเฟิงออกจากห้องฝึก ก็เร่งกล่าว “ลูกพี่ มีบางคนแวะมาหาคุณ ตอนนี้มิสไป๋กำลังรับหน้าอยู่ ฉันสังหรณ์ใจไม่ดีเลย”
ใบหน้าที่แต่เดิมยิ้มแย้มของฉินเฟิงเขม็งเกร็งขึ้นทันใด แปรเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม ตรงไปยังห้องนั่งเล่น
ณ ขณะนี้ บรรยากาศในห้องนั่งเล่นไม่ดีนัก กลิ่นอายของไป๋หลีเพียงลำพัง กำลังกดดันผู้มาเยือนทั้งห้า
“มิสไป๋ อย่ายะโสให้มันมากนัก หยุดคิดตัดหนทางของตัวเองดีกว่า!” ผู้ใช้พลังเลเวล C เอ่ยปาก “ฉันไม่ขอมากเกินไป แค่ขอซื้อแก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายในราคางาม คุณมีตั้ง 11 ลูก ขายให้พวกเราไม่กี่ลูกจะเป็นไรไป”
“นั่นสิ พวกเราทั้งห้าคนมารวมตัวกันที่นี่ และพร้อมรับซื้อในราคางาม ซึ่งราคาของมันเหมาะสมกับแก่นจักรพรรดิสัตว์ร้ายเลเวล D แล้ว”
ไป๋หลีส่งเสียงฮึฮะ ปากเอ่ยหยัน “ต่อให้ฉันขายสัก 10 ลูก แต่มันก็ได้แค่ราคาหลักล้านล้าน หน้าตาฉันดูเหมือนคนที่กำลังขาดแคลนเงินงั้นหรือ? ”
“มิสไป๋ อย่าลืมว่าสุดท้ายพวกคุณยังต้องอยู่เมืองหวัง คิดฮุบเนื้อไปกินคนเดียวแบบนี้ ไม่ใช่การกระทำที่ฉลาดเลย”
ไป๋หลีไม่สนใจคำขู่ของอีกฝ่าย “แล้วจะทำไม ฉันจะกินทุกอย่างที่ฉันหามาได้ด้วยตัวเอง แต่พวกคุณกลับคิดมาปล้นอาหารของฉัน ยังมีศักดิศรีกันอยู่อีกไหม?”
ฉินเฟิงพอได้ยินคำพูดของไป๋หลี ก็หัวเราะก๊ากออกมา