ตอนที่ 52 เจียงเฉินสร้างความตกตะลึงให้กับเมืองคังซาน
ณ ตอนนี้เอง
ที่ประตูของมังคังซานก็ตกอยู่ในความเงียบงันทันที!
ทุกคนมองไปที่ซูชาที่กำลังคุกเข่าอยู่ข้างหน้าเจียงเฉินด้วยใบหน้าตกตะลึง ดวงตาพวกเขาเกือบจะทะลักออกมาจากเบ้า
หัวหน้ากลุ่มโลหิตอสูรผู้น่าเกรงขาม ชายผู้แข็งแกร่งขั้นที่แปดขอบเขตรวมปราณ และเป็นดั่งราชาแห่งเมืองคังซาน
ตอนนี้กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเจียงเฉินและเรียกเฉินว่านายท่าน !
เด็กคนนี้จัดการกลุ่มโลหิตอสูรได้ด้วยตัวคนเดียวจริงด้วย!
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดคือเขายังจัดการกับกลุ่มโลหิตอสูรทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว !
เหลือจะเชื่อ!
นี้มันเหลือเชื่อจนบัดซบเกินไปแล้ว!
“นายท่าน พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้ติดตามที่อยู่กับข้ามาหลายปีแล้วและอย่างน้อยพวกเขาก็มีความแข็งแกร่งขั้นที่เก้าขอบเขตทะลวงกายเป็นอย่างต่ำ “
“พวกเขายินดีที่จะเข้าร่วมกับตระกูลเจียงและข้าก็หวังว่านายท่านจะยอมรับพวกเขาด้วย ”
ในขณะที่ทุกคนยังไม่ฟื้นจากอาหารตกใจ ซูชาก็ชี้ไปยังเหล่าคนที่อยู่ข้างหลังเขาและพูดกับเจียงเฉิน
“ไม่มีปัญหา.”
เจียงเฉินพยักหน้า คนเหล่านี้มีระดับการบ่มเพาะไม่อ่อนแอเลย หากพวกเขาเข้าร่วมกับตระกูลเจียงหละก็ อำนาจของพวกเขาจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างมากแน่นอน
“คารวะนายท่าน!”
ทันทีที่เจียงเฉินตอบตกตลง คนที่อยู่ด้านหลังวูชาก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าเจียงเฉินเช่นเดียวกับซูชา
ชะ… เชี้ย!
ตระกูลเจียงที่มีเจียงเฉินนั้นน่ากลัวเกินไปอยูาแล้ว
ตอนนี้กลุ่มอสูรโลหิตยังถูกกำหราบ อีกทั้งคนในกลุ่มทั้งหมดยังเข้าร่วมกับตระเจียงอีก
อำนาจของตระกูลเจียงในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่เจียงวู่หยาอยู่ด้วยซ้ำ
“นายท่าน นี่เป็นสมบัติที่กลุ่มโลหิตอสูรของเราสะสมมาตลอดหลายปี ได้โปรดนายท่านอย่าได้หัวเราะ ”
หลังจากที่เจียงเฉินรับพี่น้องหลายคนจากกลุ่มอสูรโลตเข้าร่วม ซูชาก็หยิบแหวนขึ้นมาและส่งมอบให้กับเจียงเฉิน
“…”
เมื่อมองดูสถานการณ์ตรงหน้า สีหน้าของคนรอบข้างก็แทบจะกลายเป็นเหน็บชา
มีความอิจฉาริษยาและความเกลียดชังประปนอยู่ในอารมณ์ของพวกเขา
กลุ่มอสูรโลหิตนั้นคุมเมืองคังซานมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และทรัพย์สินที่รวบรวมได้ตลอดหลายปีที่ผ่านมานั้นก็มากมายจนไม่อาจนึกถึง ซึ่งคาดดูแล้วน่าจะเทียบได้กับทรัพย์สมบัติของตระกูลใหญ่ทั้งสามในเมืองคังซานเลย
และตอนนี้มันก็อยู่ในมือของเจียงเฉิน นี่จะไม่ให้พวกเขาอิจฉาได้อย่างไร ?
พวกเขาแค่อิจฉา แต่พวกเขาไม่กล้าคิดที่จะยุ่งกับสิ่งที่อยู่ในเมืองเจียงเฉินเด็ดขาด
ตระกูลเจียงในตอนนี้แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ตระกูลหลินและตระกูลหลี่กลายเป็นด้อยกว่าไปเลยในเมืองคังซาน
“ลุกขึ้นเถิด ในเมื่อเจ้าเข้ามาลี้ภัยในตระกูลเจียงแล้ว พวกเจ้าทุกคนก็คือครอบครัว ตราบใดที่เจ้าภักดีต่อตระกูลเจียง ตระกูลเจียงก็จะไม่ปฏิบัติต่อพวกเจ้าอย่างเลวทราม ”
เจียงเฉินยิ้มเล็กน้อย และภายใต้ดวงตาที่ตกตะลึงนับไม่ถ้วน เขาก็นำกลุ่มสาวกของตระกูลเจียงและกลุ่มอสูรโลหิคเข้าไปในเมืองคังซาน
ข่าวที่ว่าเจียงเฉินได้กำหราบกลุ่มโลหิตอสูรนั้นได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ไปทั่วเมืองคังซาน ข่าวนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วในเมืองเหมือนกับพายุเฮอริเคน และในไม่ช้ามันก็ไปถึงตระกูลหลินและตระกูลหลี่
เมื่อเผชิญหน้ากับเจียงเฉินที่จู่ๆก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในฐานะผู้นำตระกูลเจียง ตระกูลหลินและหลี่ต่างก็รู้สึกกดดันต่อความเร็วในการเติบโตของเขาเป็นอย่างมาก
อำนาจในเมืองคังซานกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เจียงวู่หย่าหายตัวไป ความแข็งแกร่งของตระกูลเจียงนั้นเกือบจะอยู่ด้านล่างสุดระหว่างตระกูลทั้งสาม
แต่พวกเขานั้นคิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเฉินลูกชายผู้เป็นขยะของเจียงวู่หยาจะกลับกลายเป็นชายที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองคังซานไปเช่นนี้
ด้วยกลุ่มอสูรโลหิตถูกกำหราบและอำนาจของตระกูลเจียงที่เพิ่มสูงขึ้น สถานการณ์ในตอนนี้มีแนวโน้มว่าตระกูลเจียงจะได้กลายเป็นผู้ปกครองเมืองคังซาน
ถ้าตระกูลเจียงกลายเป็นผู้ปกครองเมืองคังซานจริงๆหละก็ ตระกูลทั้งสองของพวกเขายังจะมีที่ในเมืองคังซานแห่งนี้อีกรึ ?
นี่ส่งผลให้หัวหน้าของตระกูลหลินและหลี่ไม่อาจนิ่งนอนใจได้
ทั้งสองจึงได้สร้างสัญญาพันธมิตรต่อกันขึ้นมาและเริ่มหารือกันเกี่ยวกับวิธีรับกับสถานการณ์ในตอนนี้…