RC:บทที่ 577 ราชินีองค์ใหม่
หลังจากราชินีงูถูกหยุดยั้ง นางโกรธมากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเด็กสาวซึ่งทำให้นางรู้สึกเสียหน้า
“บ้าจริง! ราชินีงูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
พอราชินีงูแกว่งดาบของนาง ก็ปรากฏเสาน้ำแท่งหนึ่งพุ่งออกมาและกลายเป็นงูหลามยักษ์ มันอ้าปากขึ้นจนเห็นฟันอันแหลมคมได้อย่างชัดเจน จากนั้นจึงส่งเสียงร้องอย่างดังแล้วกัดเสี่ยวไช่
“ไม่นะ ท่าไม้ต่ายของราชินีงู! ข้าจะสามารถรับมือมันได้หรือ?” ราชินีเงือก(เมียราชาเงือก)ตกตะลึง
เพราะนางได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู่ที่ผ่านมา นางจึงรู้ซึ้งได้ถึงความน่ากลัวของราชินีงู
ราชามเงือกก็แสดงท่าทางกังวลออกมาเช่นกัน แต่ในเวลานี้พวกเขากลับไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากเฝ้ามองเหตุการณ์นี้
แม้แต่หลินเฟิงที่เพิ่งยุติการต่อสู้ก็ยังกังวลในเรื่องนี้ เพราะหลินเฟิงสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวจึงไม่แน่ใจเลยว่าจะใช้วิธีใดมารับมือกับกระบวนท่าที่น่าสะพรึงนี้
แต่ขณะที่ผู้คนกำลังวิตกกังวลอยู่นั้น เสี่ยวไช่กลับสงบนิ่งมาก
นางยกคฑาที่อยู่ในมือขึ้นสูง น้ำเสียงที่สงบนิ่งและเยือกเย็นแต่ไม่แข็งกร้าวดังขึ้น
“ทะเลอันกว้างใหญ่ ได้โปรดฟังคำขอของข้า!”
ทันทีที่เปล่งเสียงออกมาก็ได้เกิดเหตุการณ์เดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับราชินีมังกร ทะเลทั้งหมดต่างก็สั่นไหวและทะเลโดยรอบกู่ร้องขึ้นราวกับถูกปลุกให้ตื่น
“เป็นไปได้อย่างไร? แม้ว่านางจะสืบทอดพลังจากเจ้า แต่นางก็ต้องไปถึงขั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างน้อยขั้นห้าให้ได้ซะก่อนถึงจะสามารถกระตุ้นพลังแห่งท้องทะเลได้ ทำไมนางกลับทำได้ในเวลานี้?” ราชินีมังกรกล่าวพร้อมสีหน้างุนงง
เราควรรู้กันก่อนว่าราชินีมังกรจะสามารถควบคุมพลังของทะเลได้เมื่อมาถึงขั้นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้าได้เท่านั้น นางจึงประหลาดใจมากที่เงือกตัวน้อยสามารถกระตุ้นพลังแห่งท้องทะเลได้ด้วยขั้นสามแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“ข้าถึงบอกไงเล่าว่าศักยภาพของนางนั้นเหนือจินตนาการไปไกล!” ราชินีเงือกมองไปที่เสี่ยวไช่ด้วยความพึงใจ
เพราะเสี่ยวไช่คือผู้สืบทอดของนางและนางก็ได้ปูทางให้เสี่ยวไช่มาก่อน อีกทั้งศักยภาพของเสี่ยวไช่ยังสูงส่ง นางจึงสุขใจมากยิ่งขึ้นไปอีก
เวลานี้น้ำทะเลได้ไหลเข้าไปในตัวของงูหลามอันสูงตระหง่านที่พุ่งเข้าใส่ร่างของเสี่ยวไช่ แต่เสี่ยวไช่กลับไม่กังวลเลย
“ไป!” ด้วยด้ามของคฑาหลากสีอันน้อย ทำให้เกิดเสียงหวีดหวิวดังมาจากท้องฟ้า
จากนั้นผู้คนก็มองเห็นกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ที่หมุนจากบนลงล่างไปเรื่อย ๆ ราวกับดอกสว่านตัวเขื่องโจมตีเข้าใส่หัวของงูเหลือมตัวใหญ่
“อะไรกัน?” ราชินีงูตกใจและแสดงสีหน้าตกตะลึง
งูหลามยักษ์ถูกกระแสน้ำวนขนาดใหญ่ฉีกขาดราวกับก้อนเต้าหู้
แต่ยังไม่จบ กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ได้โจมตีไปที่ราชินีงูต่ออีก
ปัง!
กระแสน้ำวนขนาดใหญ่โจมตีใส่ราชินีงูเข้าเข้าอย่างจังจนทำให้ร่างของเธอลอยดิ่งลงมาพร้อมกระอักเลือดและส่งเสียงกรีดร้อง
สุดท้ายเธอตกลงมากระแทกพื้นและวาดคราบเลือดไว้เป็นทาง อาวุธทั้งหมดหลุดออกจากมือ บาดแผลหลายแห่งบนร่างของเธอนั้นน่าตกใจและมีเลือดพรั่งพรูออกมา
ขณะที่เสี่ยวไช่กำลังจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง ราชีนีมังกรที่อยู่ในเหล่าคนทั้งสามที่เฝ้ามองอยู่บนท้องฟ้ามาตลอดก็เอ่ยขึ้นอย่างทันทีว่า ” ใกล้จบแล้ว!”
“เยี่ยม!”
ราชินีเงือกตอบรับ จากนั้นคนทั้งสามก็ปรากฏตัวขึ้น ราชินีเงือกกล่าวขึ้นด้วยเสียงเล็ก ๆ ที่สดใส : “หยุด!”
พอทะเลได้ยินเสียงนี้ก็บังเกิดอาการสั่นไหว คลื่นทะเลต่างปั่นป่วนซะจนทุกคนรู้สึกได้ถึงความสุขของทะเล ราวกับว่าพวกมันกำลังต้อนรับการกลับมาของนายท่านอยู่
เมื่อเสียงดังขึ้น ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างก็ตื่นตกใจ พวกเขารู้สึกได้ถึงพลังอำนาจของลมปราณ แน่นอนว่ามันเป็นระดับของราชีนีมังกร
ทันใดนั้นก็เกิดคลื่นซัดสาดไปมาอยู่เหนือพวกเขา ทุกคนมองขึ้นไปบนท้องฟ้าและเห็นร่างสามร่างปรากฏออกมา
ร่างทั้งสามนี้คือราชินีมังกรในชุดสีฟ้า, ราชามังกรแห่งกาลเวลาในชุดคลุมสีทอง และมนุษย์เงือกผู้งดงามคนหนึ่ง
มนุษย์เงือกผู้นี้มีสีทองจาง ๆ และใบหน้าเธอนั้นดูสง่างาม, ทรงเกียรติและสูงศักดิ์มากเมื่อเทียบกับพื้นหลังที่เป็นสีทอง
“นี่ นี่คือ … ” เมื่อบรรพบุรุษของเผ่าชาวเงือกคนหนึ่งได้เห็นหญิงสาวคนนี้ ที่มีร่างกายส่วนบนของนางเป็นร่างมนุษย์และส่วนล่างเป็นหางเงือกเช่นเดียวกับพวกเขาก็ตื่นตะลึง
จากนั้นคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้วยกันก็หันมองไปทางแท่นบูชาอย่างไม่รู้ตัว แต่ทว่าในเวลานี้รูปปั้นราชินีเงือกกลับหายไปเสียแล้ว
“นี่คือราชินีเงือกของพวกเรา! ข้าเคยเห็นรูปลักษณ์ที่สง่างามขององค์ราชินีมาก่อน” พวกเขาต่างรีบคุกเข่าลงกับพื้นและหลั่งน้ำตาออกมาด้วยความดีใจ
เหล่าผู้คนในอีกสามเผ่าพากันตกตะลึงและไม่อยากจะเชื่อ
แม้แต่หลินเฟิงที่ถือราชาแห่งฉลามไว้ในมือข้างหนึ่งก็มองไปยังร่างที่งดงาม เธอคือรูปปั้นหญิงสาวที่เขาเคยเห็นตรงแท่นบูชามาก่อน ไม่คาดคิดมาก่อนเลย นางฟื้นคืนชีพงั้นหรือ?
ในอีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหยางกับราขามังกรทะเลที่ต่อสู้กันอย่างสูสีก็ถูกราชินีมังกรยับยั้งเอาไว้และเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ หยุดได้แล้ว!”
ราชินีมังกรจำต้องกล่าวประโยคนี้ออกมา จึงส่งผลให้เหล่าชาวเงือกในที่นี้สงบเงียบได้ในที่สุด
ผู้คนมองไปยังคนทั้งสามที่ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน พวกเขาต่างก็งงงวยและไม่รู้ว่าเป็นเพราะเหตุใด
เมื่อครู่มิใช่ว่าดุเดือดกันมากจนฟ้าแทบจะถล่มลงมาหรอกหรือ? จู่ ๆ ก็มายืนอยู่ด้วยกันแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แม้พวกเขาจะสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามเหตุผลที่โง่เง่านี้ออกไป อีกอย่าง ราชามังกรแห่งกาลเวลา, ราชินีมังกร และราชินีแห่งชาวเงือกนั้น ล้วนเป็นความน่าสะพรึงกลัวแห่งตำนาน พวกเขาสามารถทำในสิ่งใดก็ได้ตามที่ปรารถนา
ในเวลานี้เหล่าชาวเงือกได้คุกเข่าลงพร้อมกล่าวออกมาว่า: “คารวะองค์ราชินีเงือก!”
แต่ราชินีเงือกกลับไม่ตอบรับพวกเขา นางเพียงแค่ว่ายไปอยู่ด้านข้างของเสี่ยวไช่แล้วกล่าวว่า: “เจ้ามองให้ดีสิ ตั้งแต่วันนี้ ข้าไม่ใช่ราชินีของพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นนาง!”
ราชินีเงือกกล่าวพร้อมกับถอดมงกุฎสีทองที่งดงามออกจากศีรษะและสวมไปที่ศีรษะของเสี่ยวไช่
“ราชินีคือเจ้า… ” เสี่ยวไช่รู้สึกปลาบปลื้มที่ได้เห็นภาพนี้
ราชินีเงือกเอ่ยขึ้นว่า “หึ! นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งแห่งวิญญาณของข้า ตัวจริงของข้าได้หายไปสมัยโบราณแล้ว เวลานี้มงกุฎได้มาอยู่บนหัวของเจ้าแล้ว และจากนี้ไปเจ้าก็คือราชินีแห่งเงือก
เสียงของราชินีเงือกดังกึกก้องไปทั่วทั้งพระราชวังของชาวเงือก
จากนั้นราชินีเงือกจึงกล่าวต่อ: “ไม่เพียงแค่นั้น ในอนาคตเจ้าก็จะได้เป็นราชินีแห่งท้องทะเลทั้งหมด!”
“ว่าอย่างไรนะ?” ชาวงู, ชาวฉลาม และแม้กระทั่งชาวมังกรต่างก็ตกตะลึง ไม่อยากจะเชื่อเลย!
พวกเขาทั้งหมดหันศีรษะและมองไปที่ราชินีมังกร
ที่กลายร่างเป็นมังกรหมื่นเมตรแล้วมองลงมา : “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชาวงู, ชาวฉลามหรือแม้กระทั่งชาวมังกร ทุกคนล้วนต้องเชื่อฟังคำบัญชาของราชินีเงือกรุ่นใหม่!”
“อะไรนะ? บรรพบุรุษ… ” เมื่อราชามังกรทะเลได้ยินดังนั้น เขาก็แทบไม่อยากจะเชื่อ
“หืม? มีปัญหางั้นหรือ?” เมื่อเห็นราชามังกรทะเลสงสัย ราชินีมังกรจึงขมวดคิ้ว ทันใดนั้นราชามังกรทะเลก็รู้สึกกลัวจนไม่กล้าพูดออกมา
“ไม่ ไม่มีปัญหาขอรับ!” ราชามังกรทะเลกล่าว
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป การต่อสู้ในทะเลต้องสิ้นสุดลงและทุกอย่างจะอยู่ภายใต้การควบคุมของราชินีเงือกรุ่นใหม่ เสี่ยวไช่! พวกเจ้าทั้งสามตระกูลต้องให้การส่งเสริมอย่างเต็มที่ ผู้ที่ขัดคำสั่งจะถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี”