RC:บทที่ 603 การก่อตั้งตำหนักแห่งสรวงสวรรค์
ตอนนี้กลุ่มคนที่กำลังรวมตัวกันมีจำนวนมากกว่าโหล แม้แต้ผู้ที่อ่อนแอที่สุดก็มีความสามารถถึงระดับ SSS ไปแล้ว และผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ก้าวไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งมีประมาณสี่ถึงห้าคน!
ฝูงคนกลุ่มนี้เป็นทีมที่แข็งแกร่งและเป็นแหล่งรวบรวมพลังจากทุกหนทุกแห่งบนโลก พูดได้เลยว่าพลังของพวกเขาสูงจนเทียบได้กับสิบอันดับแรกของตระกูลต่าง ๆ ในตอนนี้
หลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่แล้วหลินเฟิงก็เริ่มประชุมกับทุกคนเกี่ยวกับการจัดตั้งกองกำลัง ในที่สุดก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งวันเต็ม ๆ ในการบรรลุข้อตกลงเพื่อจัดตั้งกองกำลังใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า ‘เทียนกง’ !
โดยรวมแล้วในตตอนนี้กองกำลังเทียนกง มีสมาชิกแยกออกเป็นหกพรรค นั้นก็คือสี่ตระกูลใหญ่ หลินกรุ๊ปและกลุ่มของเทียนเฟิงที่เพิ่งตื่นขึ้นมา พวกเขาได้เลือกหลินเฟิงเป็นหัวหน้าใหญ่ของวิหารและผู้ปกครองผู้อาวุโสของกลุ่มเทียนกง
จนถึงตอนนี้ กลุ่มของเทียนกงก็ได้ก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
….
วันรุ่งขึ้นทั้งจังหวัด G ต่างก็พูดถึงหลินกรุ๊ป
เนื่องจากเมื่อวานนี้ ผู้มีอำนาจหลายคนที่อยู่ใกล้หลินกรุ๊ปได้เห็นการต่อสู้ที่หน้าตระการตา ซึ่งนั้นก็ทำให้คนอื่น ๆ ต่างก็ประหลาดใจไปด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งม่านอาร์เรย์พลังเวทขนาดใหญ่ภายใต้อำนาจของราชีนรมังกร สนามพลังนั้นล้อมรอบเกือบทั้งมณฑลทันที เหล่าผู้คนที่เปี่ยมไปด้วยพลังต่างก็ถูกม่านพลังนั้นพันธนาการร่างเอาไว้ไม่สามารถขยับไปไหนได้
เนื่องจากม่านพลังนั้นปรากฏตัวขึ้นโดยที่ไม่มีใครตั้งตัวทัน
และมีผู้แข็งแกร่งหลายคนที่ได้เห็นฉากแห่งการต่อสู้ด้วยตาของพวกเขาเอง พวกเขาไม่เคยเห็นหรือเคยได้ยินมาก่อน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่เป็นช่วงเวลาที่เหล่าราชาแห่งมังกร ถูกโค่นล้มและหายไปเป็นเวลานานมากแล้ว
ในขณะนี้ทั่วทุกมุมโลกหลากหลายแห่งกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับหลินกรุ๊ป
ที่สำนักงานใหญ่ของผู้แสวงบุญทางตอนเหนือ มีชายชราสามคนนั่งอยู่บนโต๊ะประชุมรูปสามเหลี่ยม พวกเขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเป็นเวลานานได้แต่จ้องตากัน
“พวกนายคิดยังไง?” ชายชราผมขาวกล่าว
ชายชราคนนี้ชื่อ ผู้เฒ่าไป๋ เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในสามวุฒิสมาชิกอาวุโสของราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์
ทางซ้ายและขวาของเขาคือผู้เฒ่าเทียนและผู้เฒ่ามู่
ทั้งสองคนนั้นต่างก็หลับตาและครุ่นคิดจนเหมือนกับคนที่กำลังหลับ
“ มันน่าทึ่งมากที่หลินเฟิงสังหารมนุษย์ต่างดาวที่หลุดออกมาจากผนึกใหม่ ๆ แบบนั้นได้! ท่านไป๋ ดูเหมือนว่าท่านจะมีข้อมูลอะไรเกี่ยวข้องกับเขาใช่ไหม” ชายชราทางซ้ายหรี่ตาและพูดขึ้น
ทันทีที่สิ้นเสียงของคำพูดนั้น ผู้เฒ่ามู่ก็ลืมตาขึ้นและพูดว่า “ใช่แล้ว ตามการสอบสวนที่ผมได้หามา ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นลูกศิาย์ของท่านไป๋สินะ?”
“ใช่แล้ว ฉันเคยอยากจะรับเขาเข้ามาเป็นลูกศิษย์ แต่เขาไม่ได้ลงชื่อในสัญญานั้นแต่อย่างใด เขาแค่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับฉันเท่านั้น”
“แล้วท่านไปพบชายหนุ่มคนนี้ได้อย่างไร?” ผู้เฒ่ามู่กล่าวด้วยใบหน้าที่ปลื้มปิติ
ในเวลานี้ผู้เฒ่าไป๋กล่าวต่อมาอีกว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าหนูคนนี้จะพบกับความยากลำบากมากมาย ตั้งแต่ที่ฉันพบเขาในตอนแรก ฉันยังจำได้ว่าเหตุการณ์ราชามังกรครั้งล่าสุดในตระกูลมังกร จะถูกนำออกมาพูดโดยผู้ชายคนนี้แหละ”
“เราควรจัดการเรื่องระหว่างพวกเราเองเสียก่อน แล้วเราค่อยแบ่งเวลาจัดการกับเรืองของราชามังกรอีกที มิฉะนั้นพวกเขาจะทำลายล้างเผ่าพันธุ์ต่างดาวนั้นไม่ได้อย่างแน่นอน!” ชายชราลูบเคราขาว
“แม้ว่าราชามังกรแห่งกาลเวลาจะเป็นบุตรของเทพเจ้ามังกรโบราณ แต่ระดับการฝึกฝนของเขาก็ยังไม่ได้รับการฟื้นฟูกลับมา เพราะพลังของเขาถูกผูกติดอยู่บนเสาของไท่กู๋ ล็อกแห่งสวรรค์นั้นพันธนาการพลังของราชามังกรไว้นานเกินไป
มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำลายราชาแห่งเผ่าพันธุ์ต่างดาวเทียนเว่ยได้ด้วยพลังของเขาเองเพียงตัวเดียว” ใบหน้าที่แส่งถึงความเมตตาของผู้เฒ่ามู่นัน ปรากฏร่องรอยแห่งความสงสัย
“ตามรายงานช มีมังกรยักษ์สองตัวที่ขนาดมหึมาปรากฏตัวออกมา ตัวหนึ่งเป็นสีขาวเงินและอีกตัวเป็นสีน้ำเงิน! นายรู้ไหมว่ามังกรอีกตัวเป็นร่างของใคร?” ผู้เฒ่าเทียนก็ยิงคำถามออกมาเช่นกัน
ชายชรามองไปที่พวกพ้องอีกสองคนและพูดว่า “จะบ้าเหรอ มังกรตัวยาวเป็นหมื่นเมตร เกล็ดสีน้ำเงินจะมีใครได้อีกหละ แน่นอนว่ามันคือมังกรแห่งมหาสมุทร หนึ่งในเจ้ามังกรทั้งเก้า!”
“ฮ่า ฮ่า ผู้เฒ่าไป๋พูดถูก! จริง ๆ แล้ว พวกเราแค่อยากรู้ว่าหลินเฟิงเป็นคนแบบไหน มันยากที่จะเข้าใจว่าหลินเฟิงสามารถดึงดูดสองจ้าวมังกรได้อย่างไร มังกรสองตัวนั้นเกือบจะเป็นพระเจ้าที่อยู่เหนื่อสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ถ้าจ้าวมังกรทั้งสองมาอยู่เคียงข้างพวกเราได้แบบนั้นก็คงจะดี”
“ใช่มันเป็นเรื่องที่น่าสังเกตมาก อย่างไรก็ตามหากมีช่วงเวลาที่ราชามังกรและราชินีมังกรปรากฏตัวขึ้น เราก็มีความหวัง เมื่อเผชิญกับหายนะครั้งใหญ่ของวันสิ้นโลกนี้” ผู้เฒ่ามู่มองออกไปนอกหน้าต่าง เขามองออกไปที่ท้องฟ้ากว้างไกล พร้อมกับถอนหายใจออกมา
“ช่างมันเถอะ! ให้ความสนใจกับเรื่องพลังและอำนาจของหลินเฟิงให้มากขึ้นกว่านี้ดีกว่า เราสามารถช่วยเหลือพ่อหนุ่มคนนั้นเรื่องทรัพยากรได้! และเขาจะช่วยพวกเราในช่วงเวลาสำคัญที่สุด” ชายชรากล่าวปิด
“ดี! งั้นวันนี้เราจะปรึกษาเรื่องนี้กันต่อ การกระทำของพวกเราสามคนมีผลกระทบต่ออาณาจักร แต่นั้นก็เพื่อเตรียมรับมือกับหายนะครั้งต่อไปที่กำลังจะเกิดขึ้น!” ผู้เฒ่าไป๋พูดเบา ๆ
……
ณ ฮั่วหยุนจง ป่าทึบทางตะวันตกเฉียงเหนือ ภูมิประเทศมีความซับซ้อนและสถาปัตยกรรมนั้นแตกต่างกันมากซึ่งไม่สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน
ถ้าหลินเฟิงและคนอื่น ๆ อยู่ที่นี่พวกเขา จะได้เห็นสิ่งมหัศจรรย์แบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อนอย่างแน่นอน
เนื่องจากชิ้นส่วนของสวรรค์และโลกตกอยู่ในสถานการณ์ที่คล้ายกับหลินเฟิงและผู้ติดตามของเขาไปเจอที่ฐานที่มั่นของนิกายฮั่วหยุนจงมาก่อน ชิ้นส่วนของสวรรค์และโลกนี้ได้รับการถ่ายโอนโดยตรงและเข้าสู่โลกยุคปัจจุบันโดยปรมาจารย์ของนิกายฮั่วหยุนจงที่มีอำนาจสูงสุด
ดังนั้นสไตล์ของตึกราบ้านช่องของที่นี่จึงแตกต่างกับที่อื่นอย่างสิ้นเชิง
ในส่วนลึกของป่าใหญ่ที่เขียวชอุ่มนี้ มีอาคารขนาดใหญ่ซับซ้อนซึ่งดูเหมือนพระราชวังของโลกตะวันตก มันเต็มไปด้วยความรู้สึกทางประวัติศาสตร์มากมาย
มีซากปรักหักพังจำนวนนับไม่ถ้วนบนนั้น อาคารซึ่งยังมีสภาพดีอยู่กลับยังเต็มไปด้วยรอยของอาวุธและเครื่องหมายแห่งการต่อสู้ ดูน่าหดหู่ใจมาก
ในอาคารเหล่านี้ผู้คนจำนวนมากอาศัยอยู่และสันจรไปมาและเสียงของพวกเขาก็ดังอยู่เรื่อย ๆ ซึ่งทำให้ผู้มาเยือนรู้สึงมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก
ใจกลางอาคารทั้งหมดมีเจดีย์ที่เหมือนอาคารขนาดใหญ่ มันทำด้วยไม้สีดำขนาดใหญ่ทั้งหมด ซึ่งทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวและไม่สบายใจ
โชคดีที่มีแสงไฟทั่วทั้งบริเวณซึ่งทำให้อาคารรูปเจดีย์สีดำนั้นดูน่ากลัวน้อยลง
ที่ชั้นบนสุดของอาคารนั้น ภายในห้องว่างชายผมบางนั่งอยู่ในนั้น
ไม่มีใครมองเห็นรูปลักษณ์ของชายคนนี้อย่างชัดเจน แต่นั้นก็ทำให้รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่น่ากลัวและดวงตาที่น่าดึงดูด
ในเวลานี้มือของชายคนนั้นเอื้อมเข้าไปในเพลิงสีดำ ทันใดนั้นเขาก็ดึงไฟสีดำออกมาราวกับจะคว้าบางสิ่งออกมา
วินาทีต่อมาชายห้าคนถูกพันธนาการเอาไว้ พวกเขาเป็นรองปรมาจารย์ของนิกายฮัวหยุนจง เป็นผู้ศรัทธาสามคนและผู้อาวุโสอีกสองคน
“นายท่าน!”
เมื่อเห็นชายที่อยู่เเบื้องหน้า คนทั้งห้าก็คุกเข่าลงบนพื้นทีด้วยร่างที่สั่นไปทั้งตัว
ชายทั้งห้าคนถูกเพลิงสีดำเผาไปทั่วทั้งร่าง วิญญาณของพวกเขาลุกเป็นไฟ
ในเวลานี้ชายที่นั่งอยู่เหนือกว่าทุกคนนั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของนิกายฮั่วหยุนจง เขาคือผู้นำของนิกายฮั่วหยุน
“ไอ้พวกสวะไร้ค่า นี่เป็นเพียงการลงโทษเพียงเล็กน้อยเท่านั้น! ถ้าพวกแกยังทำมันพลาดอีก พวกแกคงจะรู้ผลที่ตามมา!” ชายที่ใบหน้ายุ่งเหยิงจ้องมองไปที่กองไฟทั้งห้า
ร่างของกลุ่มคนพวกนั้นสั่นและพร้อมกันพยักหน้า: “พวกเราทราบแล้วขอรับ!”
“ฮึ่ม! รู้ไว้คราวหน้าเจ้าจะถูกเผาและแหลกสลายไปจากโลกใบนี้!” ผู้นำของตระกูลฮั่วหยุนเหลือบมองพวกเขาทั้ง 5 ซึ่งนั้นก็ทำให้พวกเขาสั่นสะท้านมากกว่าเดิม
“ดี! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปอย่ามายุ่งกับหลินกรุ๊ปอีกเป็นครั้งที่สอง … “