โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล – บทที่ 613 บรรลุข้อตกลง

RC:บทที่ 613 บรรลุข้อตกลง

 

“ไม่มีทางเมื่อ ไม่นานมานี้องค์กรลั่วฉาเพิ่งลอบสังหารผู้อาวุโสระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในตำหนักฮั่วหยุนจงไป พวกเราจะคลี่คลายเรื่องแบบนี้ได้อย่างไร?” ทันใดนั้นผู้คนที่อยู่ในทิศทางของสำนักแห่งฮั่วหยุนจงก็ตะโกนขึ้น

 

เขาตะโกนพูดเรื่องที่ใคร ๆ ก็รู้ออกมา และคนอื่น ๆ ก็กล่าวตาม “ใช่แล้ว! สำนักทั้งหกของเราเองก็ถูกสังหารโดยองค์กรลั่วฉาเช่นกัน คนที่ถูกพรากไปก็เป็นบรรพบุรุษที่บรรลุพลังแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไปแล้วเช่นกัน ความแค้นครั้งนี้จะต้องได้รับการล้างแค้นก่อนอย่างแน่นอน!”

 

“กองกำลังแห่งความมืดได้ลักพาตัวศิษย์ผู้งดงามของนิกายจือหยวนไปเมื่อเดือนที่แล้ว ซึ่งผู้ที่ถูกพาตัวไปก็ก้าวเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วด้วย สมาชิกคนนั้นเป็นผู้ที่งดงามอย่างหาที่เปรียบมิได้!”

 

“ …… ”

 

แม้ว่าบางคนจะเห็นด้วยในตอนแรก แต่พวกเขาก็ต่อต้านมากกว่าที่จะร่วมมือ สักพักห้องทั้งห้องก็กลายเป็นตลาดสดอีกครั้งหนึ่ง

 

“เงียบ!” ชายชรามองไปที่ฝูงชนและทันใดนั้นเขาก็สั่งให้เงียบอีกครั้ง

 

ผู้คนมองไปที่ชายแก่ พวกเขาไม่มั่นใจมากว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

 

“ได้โปรดผ่อนคลายข้อจำกัดเล็กน้อย และความขุ่นเคืองต่าง ๆ เอาไว้ก่อน ในสามเดือนนี้! สามเดือนต่อมาห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดกฏที่ตกลงร่วมกัน เป็นเช่นนั้นพวกนายคิดว่าอย่างไร?” ชายชราครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและ กล่าวออกมา

 

ทันทีที่คำพูดนั้นออกมา ทุกคนพยักหน้าเล็กน้อยและเริ่มเห็นตรงกัน

 

หลินเฟิงไม่สนใจว่าการปล้นหรือการละเมิดกฏนั้นเป็นอย่างไร เพราะเขาก็ไม่ค่อยรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างอยู่ดี

 

กองกำลังอื่น ๆ ดูเหมือนจะรู้เรื่องต่าง ๆ ดีกว่าเขา

 

“หายนะที่ว่าคืออะไร” หลินเฟิงถามเป็นครั้งแรก

 

ทันทีที่เขาพูดเช่นนี้กองกำลังต่าง ๆ และผู้คนหลายคนก็เงียบและมองมาที่เขา

 

ในเวลานี้พวกเขารู้สึกถึงการมีอยู่ของหลินเฟิงจริง ๆ แล้ว

 

คนเหล่านี้มองไปที่หลินเฟิงเหมือนกับมองตัวตลก ดวงตาจิตวิญญาณ การรับรู้ของพวกเขากำลังกวาดไปทั่วร่างกายของหลินเฟิงอย่างต่อเนื่อง

 

“ ฮึบ!”

 

หลินเฟิงเห็นสิ่งนี้เขาจึงปล่อยพลังที่เก็บเอาไว้ออกมา มันแตกออกเช่นเดียวกับพายุทอร์นาโด ทันใดนั้นผู้ที่พยายามทดสอบหลินเฟิงด้วยการสังเกตนั้นต่างก็ตกใจ และสัญชาตญานของพวกเขาต่างก็ก็พลุ่งพล่าน!

 

“ช่างเป็นแรงผลักดันที่น่ากลัว!”

 

“พลังนี้เปรียบได้กับดินแดนศักดิ์สิทธิ์หน้าใหม่อย่างงั้นรึ!”

 

“ เป็นไปได้ยังไง ชายหนุ่มผู้ฝ่าเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ท้องฟ้าที่หนักอึ้งมีแรงผลักดันเช่นนี้เลยหรือ”คนเหล่านั้นถึงกับผงะ

 

หลินเฟิงไม่ได้สนใจพวกเขาเลย แต่เขามองไปที่ผู้เฒ่าเทียนและผู้เฒ่าไป๋อย่างสงบเสงี่ยม

 

“ไม่มีใครรู้!”

 

อย่างไรก็ตามคำตอบของชายชราทำให้หลินเฟิงประหลาดใจ

 

“แล้วท่านได้ข่าวภัยพิบัติมาจากไหนกัน?” หลินเฟิงงงงวย

 

“นี่ไม่ได้มาจากไหนทั้งนั้น แต่เมื่อแต่ละอารยธรรมก้าวหน้าไปถึงระดับหนึ่ง ก็จะพบกับการทำลายล้างสรวงสวรรค์และการเริ่มต้นใหม่จะเกิดขึ้น”

 

“อะ…อืม ท่านหมายถึงอะไรกันแน่” หลินเฟิงกำลังงงงวยมากกว่าเดิมเสียอีก

คนอื่น ๆ ก็เงียบลงเพื่อฟังอย่างระมัดระวัง หลินเฟิงที่พวกเขาพึ่งจะพบ แต่เดิมพวกเขาไม่รู้จักหน้าค่าตาของหลินเฟิงเท่าไหร่นัก

 

“จนถึงตอนนี้มีอารยธรรม 5 แห่ง เวลาในการพัฒนาของอารยธรรมทั้ง 5 นี้ใกล้เคียงกันมาก เมื่อพวกเขากำลังจะถึงจุดสูงสุด โลกของพวกเขาก็ถูกทำลายทั้งหมด!” ชายชรากล่าวอย่างระมัดระวัง

 

ในเวลานี้ผู้เฒ่าไป๋ก็ตอบไปแบบนั้นและเขาก็กล่าวเพิ่มอีกว่า: “ตอนนี้อารยธรรมที่เราอาศัยอยู่ก็เหมือนกัน ถึงเวลาจะแตกต่างจากในอดีตแต่ก็ใกล้มากแล้วในตอนนี้”

 

“ต่างกันอย่างไร” คนในยุคปัจจุบันถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

ผู้เฒ่าไป๋ลืมตาขึ้นมาเป็นเวลานานและกล่าวว่า“ เนื่องจากการต่อต้านของอารยธรรมสุดท้าย อารยธรรมนั้นยังไม่ถูกทำลายไปจนหมด ที่ฉันหมายถึงก็คือพวกเราหลายคนยังคงพึ่งพาพลังวิญญาณในการฝึกฝน! “

 

“ ความจริงแล้วอารยธรรมในยุคนี้ควรจะเป็นอารยธรรมแห่งวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แต่การอยู่รอดของทั้งสามอารยธรรมนั้นส่งผลให้เกิดการอยู่ร่วมกันของวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและพลังทางจิตวิญญาณ ภายใต้สถานการณ์ปกติ เรื่องแบบนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งนำไปสู่การทำลายล้างในครั้งนี้จะรุนแรงมากขึ้นกว่าครั้งที่ผ่าน ๆ มา และครั้งนี้หายนะที่ตามมาแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้อยู่รอดเหลืออยู่ได้! ” ชายแก่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูสง่างามเป็นพิเศษ

 

ผู้คนสามารถเข้าใจได้จากคำพูดของเขา ที่ว่าหายนะนี้จะน่ากลัวเพียงใด

 

“เอาล่ะเรากลับมาเรื่องธุระของพวกเรากันเถอะ สิ่งที่ฉันอยากจะบอกคือพวกเราควรสงบสติอารมณ์ และอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มุ่งหน้าพัฒนาความเข้มแข็งไปด้วยกัน เพื่อต่อต้านภัยพิบัตินี้ ทุกคนคิดว่าอย่างไร?” ชายชรามองไปรอบ ๆ แล้วพูดออกมา

 

“ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง!” หลินเฟิงเป็นคนแรกที่ยกมือขึ้น

 

“พวกเราก็เห็นด้วย!” ในเวลานี้กลุ่มพันธมิตรแห่งความมืด ที่ประกอบด้วยกองกำลังแห่งความมืดทั้งสามกองพันก็มองไปที่หลินเฟิงด้วยรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าและยกมือขึ้น

 

ด้วยการเปิดตัวของตัวแทนจากยุคอดีตทั้งสอง กองกำลังอื่น ๆ ยังกล่าวว่า “เห็นด้วย” เช่นกัน

 

ทันใดนั้นกองกำลังทั้งหมดตกลงที่จะยุติการเป็นศัตรูกันของพวกเขา ภายในสามเดือนจากนั้นผู้แข็งแกร่งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ จะต้องสำรวมกายไม่ยุ่งเกียวกับเรื่องบาดหมางเพื่อเตรียมดำเนินการก่อนที่ความหายนะครั้งใหญ่จะมาถึง

 

แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาจะปฏิบัติตามหรือไม่หลังจากกลับไป แต่อย่างน้อยทุกคนก็เห็นด้วยกับกฏเกณฑ์นี้

 

หลังจากนั้นพวกเขาก็คุยเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการวางตัวแล้วก็เลิกประชุมกันในที่สุด

 

ในช่วงเวลาแห่งการสลายตัวนี้ พันธมิตรแห่งความมืดมองไปที่หลินเฟิงอีกครั้ง ผู้นำของพวกเขามองไปที่หลินเฟิง ปากของเขายังคงส่งรอยยิ้มลึกลับออกมา นั่นทำให้เขาอึดอัดมากขึ้น

 

ดูเหมือนว่าหลินเฟิงไม่เคยทะเลาะหรือมีเรื่องกับกองกำลังแห่งความมืดทั้งสาม ทำไมอีกฝ่ายถึงมองเขามาแปลกๆ แบบนี้

.

จากนั้นหลินเฟิงพบว่าสิ่งที่พวกเขาส่วนใหญ่ยังคงมองไปนั้น พวกเขามองไปที่เสี่ยวหยางอยู่ข้างหลังเขาต่างหาก และการแสดงออกบนใบหน้าของเสี่ยวหยางนั้นก็มืดมนมานานแล้ว ซึ่งแปลกมากกว่าทุกที

 

“ เสี่ยวหยาง นายโอเคไหม?” หลินเฟิงถาม

 

“ ไม่!” การแสดงออกบนใบหน้าของเสี่ยวหยางไม่แยแสและเย่อหยิ่งอย่างมาก ซึ่งทำให้หลินเฟิงงงงวยมากกว่าที่เขาเจอมาในวันนี้เสียอีก

 

หลินเฟิงไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาพาทีมของเขาออกจากประตูของอาคารประชุมไป

 

ทันใดนั้นนิกายจือหยวน และกองกำลังปิงหยวนจง ก็หยุดหลินเฟิงและคนอื่น ๆ เอาไว้ที่อยู่ข้างนอก

 

“อืม? นี่มันเรื่องอะไรกัน” ชายสุภาพบุรุษสองคน ขนาบสองด้านและขวางมางของหลินเฟิงหลินเฟิงเอาไว้ เขาจึงอ้าปากถาม

 

ผู้นำนิกายจือหยวนและปิงหยวนจง ก้าวไปข้างหน้าทันที จากนั้นกล่าวว่า “พี่หลินอย่าเข้าใจผิด เราไม่มีความอาฆาตพยาบาทกันมาก่อน!”

 

“ งั้นพวกนายสองคนมีเรื่องอะร ” หลินเฟิงไม่รู้เจตนาของอีกฝ่ายและไม่ได้เข้าไปทักทายพวกเขาแต่ออย่างใด

 

ชายคนหนึ่งของปิงหยวนจงก้าวไปข้างหน้ากำหมัดของเขา ก่อนที่จะพูดอีกครั้ง “พี่หลิน เรารู้ว่ากลุ่มของคุณได้ผลิตชิปความสามารถด้านเวทมนตร์ชนิดหนึ่งขึ้นมา พวกฉันสงสัยว่าคุณจะขายบางส่วนให้กับสำนักของพวกเราได้ไหม “

 

“โอ้! พวกนายมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องชิปพรสวรรค์อย่างงั้นรึ! เรื่องนี้สามารถพูดคุยกันได้นะ แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้เราเพิ่งตั้งองค์กรเทียนกงไป ชิปพรสวรรค์จึงขาดตลาด ซึ่งอาจไม่สามารถใช้งานได้ในเวลานี้หนะสิ! “หลินเฟิงกล่าวไป

 

หลินเฟิงไม่ได้บอกว่าเขาโกหกไป เขาแค่ไม่ต้องการขายมันเท่านั้น

 

เพราะการรวมตัวของพวกเขาจากสี่ตระกูลที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ กลายเป็นกองกำลังเทียนกง ผู้ที่เพิ่งตื่นขึ้นมานั้นรวมกับคนดั้งเดิมของกลุ่มหลิน ก็มีทั้งหมดหกกองกำลัง การผลิตชิปที่มีพรสวรรค์นั้นยังคงไม่เพียงพอกับกลุ่มของพวกเขาเลยในตอนนี้

 

ไม่ต้องพูดถึงการขายให้ทีมอื่น ๆ เลย ดังนั้นการขายชิปที่เป็นของขวัญและผลิตภัณฑ์ดั้งเดิมบางส่วนจึงถูกระงับชั่วคราว เพื่อเร่งสร้างชิปที่สามารถใช้งานจริงได้

 

“พี่หลินเรารู้เรื่องนี้ดี แต่ตอนนี้เราต้องการชิปพรสวรรค์ของพี่จริง ๆ คุณสามารถขายบางส่วนให้พวกเราได้อย่างเสรีไหม?”

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

โปรดเรียกผมว่า วีรบุรุษรีไซเคิล

หลินเฟิง ผู้ทำงานเกี่ยวกับการกำจัดขยะเพราะเป็นงานที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นและเงินเดือนแสนถูก ในวันที่เขาโดนไล่ออก โทรศัพท์ของเขาก็มีการเปลี่ยนแปลง บนหน้าจอโทรศัพท์เกิดวงวนสีดำ ที่สามารถดูด สิ่งปฏิกูลทุกอย่างเข้าไป แล้วเปลี่ยนเป็น น้ำยาวิเศษ!! แค่น้ำยาสีเขียวหยดเดียวสามารถ ทำให้ต้นไม้กำลังจะตาย ออกผลได้ ไม่เพียงแค่นั้นผลผลิตที่เกิดจากน้ำยาสีเขียว กลายเป็นผลไม้จิตวิญญาณ เพียงแค่ได้กินน้ำยาสีแดง ลูกหมาผอมโซก็วิวัฒนาการเป็น สุนัขจากนรก เพียงแค่มี ขยะ!ขยะ!และขยะ! เขาก็สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่างได้……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset