RC:บทที่ 624 การปรากฏตัวของงูหลากสี
แต่เดิมพวกเขาสองคนมีความรู้สึกว่าตัวเองมีพรสวรรค์และความเย่อหยิ่งที่ทะเยอทะยานเพราะพวกเขาเป็นผู้แข็งแกร่งสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในยุคสมัยของตน อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาเห็นต้นไม้แห่งชีวิตพวกเขาก็วางมันหมดยุคของพวกเขาไปนานแล้ว
ในเวลานี้เมื่อเห็นบุตรแห่งมังกรทั้งสองตน ทั้งสองก็มีความนอบน้อมมากขึ้นในทันที
เพราะสิ่งที่หลินเฟิงแสดงให้พวกเขาเห็นก็เพียงพอที่จะบอกอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับพวกเขาแล้ว
“ยินดีที่ได้พบพวกท่าน!” ทัhงสองคนประสานมือของตัวเองเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็วและพูดเป็นเสียงเดียวกัน!
“มันเป็นหน้าที่ของข้าที่ต้องต้องรับแขก อย่าสุภาพมากเกินไปเลย!” ราชามังกรแห่งกาลเวลากล่าวจากนั้นร่างของเขาก็ก็กลายเป็นชายชราที่สวมชุดสีเงินในที่สุด
เช่นเดียวกับราชีนีมังกรวารีเธอกลับกลายร่างเป็นหญิงวัยกลางคนในชุดเดรสยาวสีฟ้าเหมือนกับน้ำแข็ง
เมื่อมองไปที่คนทั้งสองนั้นแม้จะกลับสู่รูปลักษณ์ธรรมดา แต่จิตใจของผู้นำนิกายจือหยวนและปรมาจารย์ปิงหยวนจงยังคงสั่นไหว
ในเวลานี้ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าทำไม กองทัพสหพันแห่งความมืดถึงยังไม่โจมตีกลุ่มเทียนกง แม้พันธมิตรแห่งความมืดจะก่อตัวขึ้นมาใหม่อย่างแข็งแกร่ง แต่ปรากฎว่าไพ่ลับของกลุ่มเทียนกงนั้นทรงพลังและน่ากลัว
กว่าอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าความจริงจะไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคิด แต่มันก็ไม่สำคัญแล้ว
เพราะเท่านี้หลินเฟิงก็ได้แสดงพลังและจุดยืนให้ทั้งสองคนนี้ได้เห็นแล้ว เมื่อพวกเขาเชื่อฟังอย่างสมบูรณ์แล้ว หลินเฟิงถึงจะสบายใจได้เท่านั้น มิฉะนั้นแล้วพวกเขาสองคนก็เหมือนระเบิดเวลาบนร่างกายของหลินเฟิงโดยไม่รู้ว่ามันจะระเบิดออกเมื่อไหร่และอย่างไร
เมื่อมองไปที่การแสดงออกบนใบหน้าของหลินเฟิงแล้ว แผนก็สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ราชามังกรกาลเวลาและราชินีมังกรมองหน้ากัน จากนั้นทั้งคู่ก็มองไปที่หลินเฟิงพร้อมความเจ้าเล่ห์ในดวงตา
เพราะพวกเขาพยายามแสดงออกตามแบบฉบับที่หลินเฟิงวางเอาไว้ ราชามังกรทั้งสองก็ยอมทำตามจริง ๆ
หากหลินเฟิงต้องการสร้างพลังหรือกองกำลังที่แข็งแกร่งพอจนสามารถแข่งขันกับกองกำลังวายร้ายอย่างเช่น พันธมิตรแห่งความมืด และกลุ่มศาลศักดิ์สิทธิ์แล้ว หลินเฟิงต้องมีรากฐานที่แข็งแกร่งก่อนเป็นอันดับแรก และเขาก็ต้องเป็นหัวใจของกองกำลังที่แข็งแกร่งเช่นกัน ทีมของพวกเขาต้องรวมกันเป็นหนึ่ง มิฉะนั้นแล้วพวกเขาจะเป็นทรายร่วนหลวม ๆ
หลินเฟิงคิดว่าเขามีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว ไหนจะมีราชามังกรสองตัวช่วยเป็นกำลังพลักในการต่อสู้อีกด้วย หากพวกเขาสามารถดึงและเหนี่ยวนำความคิดของทั้งนิกายจือหยวนและปิงหยวนจงได้อย่างสมบูรณ์ แล้ว หลินเฟิงก็สามารถสร้างกองกำลังที่มั่นคงดั่งที่เขาต้องการได้
และในตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปตามที่หลินเฟิงคาดไว้ หลังจากชักนำทั้งสองคนเข้ามาได้ ด้วยฉากและสิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏต่อหน้าพันธมิตรหน้าใหม่แล้ว หลินเฟิงมั่นใจว่าจิตใจของพวกเขาได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
“ท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี เพื่อให้คุณฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าในช่วงเวลาอันเลวร้ายที่ได้ผ่านมา ให้ต้นไม้แห่งชีวิต นำทางพวกคุณไปสู่พื้นที่ฝึกพิเศษทางด้านในของลำต้น และผมก็จะขอตัวก่อน!” หลินเฟิงกล่าว
ผู้นำนิกายจือหยวนและปิงหยวนจง ดูเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็หันกลับมาและถามหลินเฟิง
“ท่านผู้นำ! พวกเราสองคนต้องการเข้าร่วมเทียนกงจริง ๆ โปรดทำให้ความหวังของพวกข้าประสบความสำเร็จด้วยเถิด” หลินเฟิงไม่ได้คาดคิดว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันแบบนี้
เดิมทีหลินเฟิงต้องการรอให้พวกเขาฝึกฝนตนเองให้เสร็จก่อน จากนั้นจึงพูดคุยเกี่ยวกับการเข้าร่วม แต่โดยที่ไม่คาดคิด ทั้งสองคนเลือกที่จะหยิบยกมันมาพูดด้วยความรู้สึกของตัวเองทันที
ความจริงแล้วทั้งสองคนเป็นคนฉลาด เมื่อพวกเขาเห็นไพ่ของหลินเฟิงพวกเขาก็ไม่กล้าแสร้งทำเป็นหยิ่ง พลังที่ต้นไม้แห่งชีวิตจะหยิบยื่นให้นั้นมากเพียงพอที่จะดึงดูดทุกคนได้
สิ่งที่ขาดไปในยุคนี้ คือการขาดแหล่งพลังทางจิตวิญญาณที่เข้มข้นและความมีชีวิตชีวา เนื่องจากในสมัยโบราณต้นไม้แห่งชีวิตในสมัยนั้นหายไปในสงคราม ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้พลังทางจิตวิญญาณของโลกในยุคหลังจากนั้นขาดแคลนมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมกับการปฏิวัติอุตสาหกรรม
ในเวลานี้พวกเขาได้พบกับโอกาสที่หาไม่ได้อีกต่อไปแล้ว พวกเขาจะปล่อยมันไปได้อย่างไร? นอกจากนี้ยังมีบุตรแห่งมังกรอารักขาที่นี่อยู่อีก เมื่อพวกเขาฟื้นคืนความแข็งแกร่งมาได้พวกเขาจะเป็นเหมือนบิดาของพวกเขาเทพเจ้ามังกร
ด้วยการปกป้องและคำแนะนำของพวกเขา มันก็เหมือนกับการยิงปินนัดเดียวได้นกสองตัว แล้วทำไมจะไม่ล่ะ?
ถ้าหากเขาต้องรอให้หลินเฟิงมาหาพวกเขาอีก พวกเขาจะไม่ได้ทำเพื่อความมุ่งมั่นของตัวเองอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะก้าวผ่านกำแพงต่าง ๆ นำหน้าไปล่วงหน้า อย่างน้อยก็เพื่อความโปรดปรานเล็ก ๆ น้อย ๆ กับหลินเฟิงผู้ที่จะเป็นนายของพวกเขาอีกสักเล็กน้อย
แน่นอนหลินเฟิงเห็นด้วยทันที ท้ายที่สุดนี่คือจุดประสงค์ทั้งหมดของเขา
หลังจากจัดเรียงผู้ที่แข็งแกร่งทั้งสองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลินเฟิงก็ผ่อนคลายทันที เขาร่าวมฝึกฝนในต้นไม้แห่งชีวิตอยู่พักหนึ่ง เมื่อสภาพของเขาได้รับการฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ เขาก็ออกจากที่นี่
อย่างไรก็ตามการรวมนิกายจือหยวนและปิงหยวนจงได้อย่างสมบรูณนั้นทำให้ความแข็งแกร่งของกลุ่มเทียนกงเพิ่มขึ้นอย่างมาก ประสิทธิภาพการต่อสู้ในระดับกลางและระดับสูงสามารถเทียบเคียงได้กับเหล่ากลุ่มพันธมิตรแห่งความลับและกลุ่มศาลศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว
เพื่อประสิทธิภาพในการต่อสู้ระดับไฮเอนด์นั้น ยังมีไพ่ตายเก็บไว้อยู่อีก 4 อย่าง ในเทียนกงนี้: ราชามังกรเวลา, ราชินีมังกรวารี, ผู้นำนิกายจือหยวน และผู้นำปิงหยวนจง; อีกฝั่งมีผู้นำกลุ่มสหพันธ์แห่งความมืด 5 คน ผู้นำองค์กรนักฆ่า และเสี่ยวหยาง มองเพิน ๆ ก็มีผู้อาวุโสเพียงสามคนในนั้น แต่ทุกคนรู้ดีว่ามันไม่ได้มีแค่สามคนเท่านั้น
ดังนั้นในขณะที่ประเทศตกอยู่ในสถานการณ์การต่อสู้แบบไตรภาคีแบบนี้ ระกว่าง เทียนกง สหพันธ์แห่งความมืด และกลุ่มศาลศักดิ์สิทธิ์
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ทุกอย่างก็เงียบสงบแบบผิดปกติ ดูเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกหลังจากการไล่ล่าเมื่อคืนวาน
ในคืนนั้นหลินเฟิงยืนอยู่บนต้นไม้แห่งชีวิตและมองไปที่ท้องฟ้าที่ทอดยาวออกไป มีปราสาททองคำที่ปรากฏขึ้นจากเจตจำนงของโลกที่ต้องการความอยู่รอดหลังจากหายนะใหญ่ที่กำลังจะเข้ามา ถึงยังไงมันก็เป็นปราสาทที่ยอดเยี่ยมงดงามมาก แม้ในเวลากลางคืนมันมันยังให้แสงสีสว่างสีทองพร่างพราวเช่นเดียวกับแสงที่มันสะท้อนจากดวงอาทิตย์ในตอนเช้า ทั้ง ๆ ที่ีมีเพียงแสงจากดวงจันทร์ที่ที่มอบให้กับมัน พื้นดินจากดินแดนที่ดวงอาทิตลับสายตาไปแล้วจึงสีทองจาง ๆ ราวกับไม่ได้มีอะไรจากซีกโลกฝั่งนี้ไป
วันนี้เป็นวันที่สี่แล้ว ที่ปราสาททองคำปรากฏบนท้องฟ้า สามวันต่อมาปราสาททองคำจะเปิดตามสิงที่เจตจำนงของโลกได้บอกเอาไว้ หลินเฟิงมองขึ้นไปที่ปราสาทจากต้นไม้แห่งชีวิตและต้องการรู้ให้ได้ว่ามีอะไรอยู่ในนั้น
เมื่อหลินเฟิงมองขึ้นไปที่ปราสาททองคำนั้น ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดของหลินเฟิง
มันมาจากเถาวัลย์ปีศาจของเขา “เจ้านาย งูหลากสีกำลังมาอีกแล้ว!”
“ อะไรนะ? จริงเหรอ?” หลินเฟิงหัวใจเบิกบานอยู่แบบหนึ่งก่อนที่ความรู้สึกนั้นจะหายไปพร้อมกับร่างของเขา
เมื่อหลินเฟิงปรากฏตัวอีกครั้งเขาพบงูตัวใหญ่กำลังกินผลของต้นไม้วิญญาณอยู่ที่ด้านหลังภูเขา
งูอ้วนตัวนี้มีความยาวไม่มากประมาณสองเมตร แต่ลำตัวของมันหนากว่าแขนมนุษย์หรือแม้กระทั้งต้นขา
มองจากจากระยะไกล ใคร ๆ ก็คิดว่ามันเป็นหนอนยักษ์ตัวยาวเสียมากกว่า
ทันใดนั้นงูหลากสีก็พบร่างใหม่เดินเข้ามา มันจึงอ้าปากและพ่นอะไรบางอย่างออกมา แต่สิ่งที่มันกำลังกินกลับหกออกมาแทน
แต่เมื่อมันเห็นว่านั่นคือหลินเฟิงเขาก็ผ่อนคลายทันที จากนั้นกลอกตาและพ่นเสียงฟ่อออกมาสองครั้งราวกับจะขอให้เขาไม่รบกวนมัน
สิ่งนี้ทำให้หลินเฟิงนั้นพูดไม่ออกไปชั่วขณะ และจากนั้นงูอ้วนนั้นก็เริ่มกินอาหารอีกครั้งโดยมีท่าทีที่เกรงกลัวหลินเฟิง
“เจ้าตัวเล็ก!” หลินเฟิงเรียกเบา ๆ
งูนั้นดูเหมือนจะไม่ได้ยิน มันกัดผลไม้ทีละลูกและกลืนลงไปตรง ๆ
ผลไม้นั้นใหญ่กว่าหัวของมันอีก แต่มันก็กินมันในคำเดียวได้สบาย ๆ
“เจ้าตัวเล็ก!” หลินเฟิงไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อดีจึงเลือกที่จะเรียกอีกสองสามครั้ง
คราวนี้ในที่สุดงูตัวน้อยก็หันกลับมาและมองไปที่หลินเฟิง มันดูงงงวยและดูเหมือนจะพูดอะไรออกมา
และหลินเฟิงยังเห็นร่องรอยของการดูถูกในดวงตาของมัน ใช่แล้วมันเป็นการดูถูก
“อะ..เอิ่ม ฉัน … ” หลินเฟิงแทบจะพูดไม่ออกอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกตกใจมาก ความฉลาดของหนูน้อยนั้น สูงมากจนเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่งูธรรมดา
ในเวลานี้พื้นดินก็ผันผวนอย่างกะทันหัน เสียงสองเสียงปรากฏขึ้นข้าง ๆ หลินเฟิง พวกเขาคือราชามังกรทั้งสอง
“ฮืม? เจ้าตัวเล็กนี่ … “