RC:บทที่ 638 ความรู้สึกครอบงำบนใบหน้า
เมื่อมองไปที่หลินเฟิง ความรู้สึกแผ่วเบาในหัวใจของมู่ซินซินก็เต็มไปด้วยความปลอดภัย
เธอพยักหน้าและซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหลินเฟิง
ผู้คนหลายคนหันมามองเหตุการทะเลาะวิวาทพร้อม ๆ กัน ด้วยความสนใจ พร้อมกับกินแตงโมไปด้วย
ชายร่างใหญ่ที่ทำให้มู่ซินซินอับอายนั้นขมวดคิ้วและกล่าวว่า “แกเป็นใคร แกยังอยากจะออกไปจากร้านอย่างปลอดภัยอยู่ไหม?”
ปากของหลินเฟิงเอียงเล็กน้อย แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเบามาก แต่ก็เต็มไปด้วยความเอาแต่ใจ: “เธอคือผู้หญิงของฉัน ฉันควรจะรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอไม่ใช่เหรอ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าสวย ๆ ของมู่ซินซินก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที หัวใจของเธอสั่นไหวเล็กน้อยเธอไม่คิดเลยว่าหลินเฟิงจะกล้าประกาศกล้าซะขนาดนี้
“ผู้หญิงของแก?” ชายตัวใหญ่มองไปที่หลินเฟิง
จากนั้นเขาก็เยาะเย้ย “โลกนี้มันเป็นแบบไหนกันนะ ผู้ชายอกสามศอกแท้ ๆ แบบเรา ทำไมถึงไม่มีผู้หญิงมาชอบ เอาแต่มองไอ้หน้าจืด หน้าขาวแบบนี้ อยู่ได้”
“ผอมกระหล่องแบบนี้นอนด้วยครั้งสองครั้งก็คงจะเบื่อแล้วมั้ง!?”
สีสันของมุกตลกนี้ ทำให้ดึงดูดคนรอบข้างได้ มีเสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นในกลุ่มของผู้ชม
ชายร่างใหญ่มองไปที่ผู้หญิงหน้าสวย ด้วยความชื่นชมยินดีบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขานั่งนั่งอยู่บนเก้าอี้พิเศษคล้ายกับบัลลังก์พร้อมกับพูดต่อไปว่า: “ความงามแบบนี้คู่ควรกับฉันเท่านั้น”
ชายคนนั้นลุกขึ้นยืน เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เขาเพิ่งทำไป เขาน่าจะเป็นคนที่มีอำนาจอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
ชายคนนั้นสูงกว่าหลินเฟิงเกือบจะครึ่งตัว เขาเข้ามาใกล้และมองไปที่หลินเฟิงจากตำแหน่งที่สูงกว่าราวกับเขาจะบดขยี้หลินเฟิงด้วยแรงกดดัน
อย่างไรก็ตามสีหน้าของหลินเฟิงไม่ได้เปลี่ยนไปเลย เขายืนเผชิญหน้ากับชายตัวใหญ่เท่าภูเขาแต่เขาถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “พี่ชายชื่ออะไรหละ?”
ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา:“ ฉันชื่อหยวนหู นายบอกว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนของนายใช่ไหม ฉันจะบอกนายอย่างเป็นทางการว่า ฉันชอบผู้หญิงคนนี้นายจะให้ฉันยืมไปเล่นด้วยสักสองวันได้ไหม แล้วฉันจะคืนให้ ว่ายังไงนายมีปัญหาอะไรหรือเปล่า “
เมื่อเขาพูดอย่างจงใจขนาดนี้ก็เพื่อสร้างแรงกดดันทางจิตใจต่ออีกฝ่าย
ดวงตาของหลินเฟิงหรี่ลงเล็กน้อยและกล่าวด้วยรอยยิ้มแข็ง ๆ “ถ้าฉันไม่ให้ยืมล่ะ?”
“ฮึบ!” หยวนหูกระทืบเท้าและลมหายใจที่รุนแรงก็กระจายไปรอบ ๆ โต๊ะของผู้ชมเองก็สั่นสะเทือน ฝูงชนค่อย ๆ ถอยห่างออกไปสองก้าว
น้ำเสียงของมู่ซินซินมีความแปลกใจเล็กน้อย: “ระดับ SS รึ?”
ไม่น่าแปลกใจที่พลังเช่นนี้สามารถทำให้เธอเสียหลักได้
หยวนหูยิ้มอย่างพึงพอใจ: “ใช่แล้ว ฉันอยู่ในคลาส SS แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่ดุร้ายอะไร”
“เธอคือความสวยงามที่ฉันตามหา ไปกับฉันดีกว่า ถ้าเธอได้เห็นเรือนร่างของฉัน เธอจะเห็นถึงความสุขที่แท้จริง จนเธอคาดไม่ถึงได้แน่นอน”
หลินเฟิงส่ายหัวและพูดติดตลกด้วยรอยยิ้ม: “พลังของนายดูแรงมากเลยนะ ฉันคิดว่าพลังของนายเข้าสู่ระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นเก้าและซะอีก”
“ที่แท้ก็แค่ระดับ SS คิดว่าพลังระดับแกมีค่าให้มองจริง ๆ เหรอ?”
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้หยวนหูก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามสำรวจความแข็งแกร่งของหลินเฟิงอย่างละเอียดแล้ว แต่ก็ไม่พบว่าหลินเฟิงมีความแข็งแกร่งมากกว่าระดับ S แต่อย่างใด นั้นยังคงทำให้เขารู้สึกสบายใจได้
ว่าแล้วเขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “หยุดแกล้งทำเป็นเก่งได้แล้ว แกอยากกลายร่างเป็นขยะแบบไหนกันหละ แกกล้าพูดแบบนี้ แกพกความมันใจไว้มากขนาดไหนกันเชียว”
“เอาจริง ๆ นะ วันนี้ออกมาข้างนอกทั้งทีฉันไม่ได้อยากฆ่าคนสักหน่อย”
“ แต่ถ้าแกยืนกรานที่จะยั่วโมโหฉันล่ะก็ … ” เขายื่นฝ่ามือกระแทกลงไปบนโต๊ะอย่างแรง “จุดจบของแก จะเป็นแบบนี้!”
ทันทีที่คำพูดของหยวนหูจบ ตกโต๊ะกลมตัวใหญ่ก็พังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี จานชามตกลงไปบนพื้น ผู้สังเกตการณ์หลายคนเริมตัวสั้นไปตาม ๆ กัน
และชายร่างใหญ่ที่ติดตามหยวนหู่ก็ตะโกนอย่างตื่นเต้นว่า“ พลังของพี่ใหญช่างทรงพลังจริง ๆ !”
หยวนหูเอียงศีรษะมองไปที่นิ้วของเขา เช่นเดียวกับมือปืนที่ยิงกระสุนออกมาจากกระบอก ก่อนที่จะพูดอย่างเหยียดหยามว่า “ตอนนี้แกคงเข้าใจสิ่งที่ฉันพยายามจะสื่อหรือยัง”
หลินเฟิงเริ่มหัวเราะ: “การขู่ของแก แกยังทำได้แค่นี้เองเรอะ?”
เมื่อเห็นว่าหลินเฟิง ไม่แคร์อะไรเลยหยวนหู่ก็โกรธจนฟิวแทบขาด “แกอยากจะสู้จริง ๆ สินะ?”
“ไม่มีใครที่สู้กับฉันแล้วรอดชีวิตไปได้เลย!”
คนที่มากับหยวนหู พยายามพูดแนะนำหลินเฟิงกลับมา
:
“อย่าพยายามทำตัวกล้าหาญอวดสาวเลยพ่อหนุ่ม เขาคนนี้ของจริง!”
“ใช่ ๆ แค่ผู้หญิงคนเดียวชีวิตสำคัญกว่าอยู่แล้ว ตราบใดที่นายยังเห็นค่าชีวิตอยู่ นายเอาโอกาสนี้ไปหาความโรแมนติกที่อื่นเถอะ”
“หนีไปเร็ว ถ้าเขาเคืองจริง ๆ แล้ว ไม่มีใครหยุดเขาได้แล้วนะ!”
หลินเฟิงมองไปที่คนพวกนั้นและกล่าวว่า “อย่าคิดว่าฉันไร้ประโยชน์เหมือนไอ้หมอนั้นสิ”
ใบหน้าของผู้คนรอบตัวเขาเปลี่ยนไปทันที และจากนั้นความผิดหวังก็ปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา
“ เห้ออุส่าเตือนแล้วแท้ ๆ แต่ก็นะ”
“ ขี้เก็กแบบนี้ตาย ๆ ไปเถอะ!”
“ไม่พูดมากแล้วจะอยู่หรือตายก็เรื่องของแกเลย”
ฝูงชนรอบ ๆ เริ่มกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง หยวนหูดัดข้อนิ้วของเขาส่งเสียงกร็อบแกร็กออกมา: “ฉันไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี แต่เนื่องจากแกอยากตายมากนัก ฉันก็จะปล่อยให้แกได้สิ่งที่แกต้องการสักหน่อยแล้ว!”
ลูกน้องของเขาเข้าใจความหมายนั้นดี พวกเขาค่อย ๆ เข้าไปล้อมรอบหลินเฟิงทีละคน
ใบหน้าของหลินเฟิงไม่เปลี่ยนไปเลยแววตาของเขายังคงไม่แยแสอะไร
แต่ในเวลานี้มู่ซินซินจับมือของเขาเอาไว้แน่นและพูดว่า “ไปกันเถอะ!”
แล้วพวกเขาก็ต้องรีบออกไป
แต่ชายร่างใหญ่หยุดพวกเขาเอาไว้และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “กลัวยังงั้นเรอะ”
หยวนหูสูดอากาศ: “ดูสิแม้แต่แฟนของแก ยังคิดว่าแกทำไม่ได้เลย แกก็ไม่รู้สึกละอายใจบ้างเหรอ?”
หลินเฟิงค่อย ๆ จับมือของมู่ซินซินเป็นสัญญาณให้เธอปล่อยออก ใบหน้าของเขาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่เย็นชาจาง ๆ “ฉันว่าแกน่าจะคิดผิดไปนะ”
“เหตุผลที่ซินซินต้องการพาฉันออกไป ไม่ใช่เพื่อปกป้องฉัน แต่เพื่อปกป้องพวกแกต่างหาก!”
ทันใดนั้นเสียงของหลินเฟิงก็ดังขึ้น ทันใดนั้นลมหายใจที่รุนแรงก็แพร่ออกมา
ยกเว้นหยวนหูคนเดียว คนอื่น ๆ ต่างก็ถอยออกจากแรงกดดันนี้
ใบหน้าของหยวนหู่นั้นดูมืดมนมากขึ้น: “แกใจแข็งมากสินะ แกต้องการท้าทายฉันใช่ไหม”
“แต่แกมันเป็นแค่ระดับ S ในสายตาคนอื่นแกอาจจะดูเหมือนหมาล่าเนื้อ แต่สำหรับฉันแกคือมด!”
“เนื่องจากแกรนหาที่ตายขนาดนี้แล้ว วันนี้ฉันจะให้แกได้เห็นความแตกต่างระหว่างระดับ S กับระดับ SS เอง!”
เมื่อนั้นแขนของหยวนหู่ก็กลายเป็นสีน้ำเงิน จากนั้นเขากัดฟันแน่นและปล่อยพลังออกไปทางหลินเฟิง
แต่ในไม่ช้า สายลมที่รุนแรงก็ปกคลุมร่างของเขา โดยที่ไม่ทันที่จะได้ตอบสนองใด ๆ ช่วงท้องของเขาก็ถูกระดมยิงอย่างหนัก
หมัดของหลินเฟิงพุ่งเข้าใส่ท้องของเขาราวกับขีปนาวุธซึ่ง เกือบจะทะลุท้องของเขาอยู่แล้ว!
“อ๊าก … ” หยวนหู่เบิกตากว้างและปิดหน้าท้องของเขา เขาแทบหายใจไม่ออกไปชั่วขณะ
ใบหน้าของหลินเฟิงเต็มไปด้วยความเฉยเมย และการต่อยอีกครั้งก็ทำให้หยวนหูล้มลงไปกับพื้น
ในทันใดนั้นเท้าของเขาก็ยกขึ้นสูงและเหยียบที่ด้านหลังหัวของหยวนหู่อย่างไร้ความปราณี
ในเวลานั้นคลื่นพลังสั่นสะเทือนออกมาร่างกายของหยวนหู่ก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง ใบหน้าของเขาเป็นศูนย์กลางของพื้นที่แตกออก การกระจายออกไปนั้นเหมือนรอยแตกของกระจกที่ถูกยิงไม่มีผิด
หลินเฟิงที่มีอำนาจของกษัตริย์อยู่ในมือ เสียงอันเยือกเย็นดูเหมือนเสียงจากถ้ำเย็นหมื่นปี
“มาบอกฉันมาสิว่าระดับ SS ขของนายมันมีอะไรดีนัก”