RC:บทที่ 644 การสูญเสียพลังวิญญาณ
หลังจากแก้ปัญหาเหล่านี้แล้ว หลินเฟิงกลับไปที่เขตจิ้งเฟิงเพียงลำพัง
เขาไม่ได้บอกผู้คนเกี่ยวกับพันธมิตรแห่งความมืดในครั้งแรก เขาขอให้ทุกคนเพิ่มระดับความระมัดระวังและตรวจสอบบุคคลภายนอกในเขตฉิงเฟิง เมื่อพบความผิดปกติ จะต้องบันทึกไว้โดยละเอียด
หลังจากจัดเรียงทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หลินเฟิงก็เดินทางตรงไปยังทิศตะวันตกโดยเครื่องบิน
เขาต้องการไปที่กลบดาลของเหล่าแวมไพร์ เพื่อถามหาที่อยู่ของหมาป่าโลหิต เพื่อช่วยเสี่ยวหยางด้วยแก่นแท้โลหิต
ปราสาทของแวมไพร์ตั้งอยู่ในป่าอันกว้างใหญ่ สถานที่แห่งนี้ไม่สามารถเข้าถึงได้ด้วยวิธีการขนส่งใด ๆ และมีเพียงไม่กี่คนที่กล้ามาที่นี่ เพราะมันคือป่าต้องห้าม
เนื่องจากเขาทำอะไรไม่ถูก หลินเฟิงต้องนั่งรถไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุดถัดจากตัวของป่า จากนั้นจึงเลือกลอยตรงไปในป่าทันที
บริเวณป่าสนขนาดใหญ่ ผู้คนสามารถมองเห็นป่าแห่งนี้ได้จากระยะไกล เสียงดังกรอบแกรบของกิ่งไม้และใบไม้ที่แกว่งเป็นเกลียวคลื่นตามหลังหลินเฟิงไปราวกับว่าคลื่นทะเลขึ้นลง
หากมองไปข้างหน้าจะเห็นปราสาทสไตล์โกธิคสีกำขนาดใหญ่สองสามแห่ง ซึ่งให้บรรยากาศที่คลาสสิกและแปลกตา
หลินเฟิงกำลังลอยเข้าไปไปด้วยความเร็วเต็มที่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมความเร็วเริ่มช้าลงและช้าลง
เขารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณในร่างกายของเขาดูเหมือนจะสูญเสียไปเร็วกว่าปกติมาก ราวกับว่ามีใครบางคนเปิดช่องโหว่ในตัวเขาและสูบพลังทางจิตวิญญาณออกไปเหมือนน้ำ
และเมื่อเขารู้สึกแปลก ๆ ทันใดนั้นคลื่นแสงก็บินออกมาจากป่าสนตรงหน้า มันพุ่งเข้าใส่เขาโดยตรง
ทำให้เขาต้องหยุดกระทันหันและตอบโต้ด้วยหมัดที่ร้อนแรง
เขามองไปที่บริเวณที่คลื่นแสงถูกส่งออกมาอย่างระมัดระวัง มีร่างสามร่างบินขึ้นมา
พวกเขาทั้งหมดเป็นชาวตะวันตกในชุดคลุมสีดำ พวกเขาดูวัยรุ่นและมีลมหายใจแห่งความมืด เมื่อพวกเขาหัวเราะเขี้ยวของพวกเขาจะเด่นชัดมาก
“ แวมไพร์!” หลินเฟิงจำตัวตนของทั้งสามได้อย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มคนแรกผมยาวประบ่าสีทอง
เขาจ้องไปที่หลินเฟิงและพูดว่า “แกเป็นใคร ทำไมแกถึงกล้ามาที่นี่ แกไม่รู้หรือว่านี่คืออาณาเขตของเผ่าโลหิต”
เขาพูดอย่างสุภาพว่า “สวัสดี ฉันมีธุระสำคัญจะคุยกับพวกนาย ในเมื่อฉันมาที่นี่ ฉันหวังว่าทั้งสามคนจะให้ความร่วมมือ”
แจ็คชายหนุ่มที่มีผมยาวประไหลถามว่า “มีเรื่องสำคัญอะไร นายได้นัดเจ้าของปราสาทไว้ล่วงหน้าหรือไม่
หลินเฟิงตอบตามความจริง: “พอดีมันเป็นเรื่องด่วน เลยรีบมาและไม่ได้ติดต่อเจ้าของปราสาทเอาไว้ด้วย แต่ไม่ต้องกังวล พวกนายทั้งสามคน ฉันมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำที่นี่จริง ๆ ไม่มีเจตนาร้ายอย่างแน่นอน ให้ฉันผ่านไปก่อน”
ทัศนคติของแจ็คแน่วแน่มาก: “ฉันกลัวว่ามันจะเป็นแบบนั้นไม่ได้ ถ้านายรู้ว่านี่เป็นสถานที่ที่ ใคร ๆ ก็ไม่กล้าเข้ามา แต่นายกลับรีบเข้ามาและบอกว่าต้องการอะไรบางอย่าง มันก็เป็นการไม่เคารพกลุ่มโลหิตที่เป็นเจ้าถิ่นอย่างพวกเรา “
“นายจะไปไหนไม่ได้อีกนอกจากออกไปซะ!”
เมื่อเห็นว่าแจ็คไม่ได้พูดดีด้วยหลินเฟิงก็รู้สึกสงสัย
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อเขาต้องเสียเวลาไปมาก เขาก็รู้สึกเหนื่อยล้าและไม่ต้องการให้มีสิ่งใดกีดขวางทางของเขาโดยไม่จำเป็น
เขาคิดว่าคนของรัฐนั้นร่ำรวยและมีการติดต่อกับแวมไพร์ในวงกว้าง
ดังนั้นถ้าเขาไปไหนไม่ได้เขาก็ต้องกลับไปก่อน และติดต่อดลุ่มคนของรัฐก่อน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้แล้วเขาก็กำหมัดและพูดว่า: “โอเค วันนี้มันกะทันหันไปหน่อย ฉันจะไปก็ได้”
เขาหันไปจากไป แต่ในขณะนั้น ทั้งสองคนที่อยู่ข้างหลังแจ็คก็ลอยออกไปเหมือนขวางทางเขา
เมื่อเห็นการแสดงออกบนใบหน้าเหล่านั้น หลินเฟิงก็ตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เขามองไปที่แจ็คอีกครั้งและขมวดคิ้วเล็กน้อย “นี่หมายความว่ายังไง?”
แจ็คยิ้มอย่างเปื้อนเลือด: “ยังไงซะนายก็อยู่ที่นี่แล้ว ฉันไม่ได้ลองพลังสายเลือดมานานแล้ว”
หลินเฟิงเข้าใจทันทีคนพวกนี้ต้องการดูดเลือดของเขา
“จะมากไปหน่อยไหม” เขาถาม
แจ็คกล่าวว่า “ลูกแกะบุกเข้าไปในฝูงหมาป่า นายคิดว่ามันสามารถออกไปโดยที่ยังมีชีวิตอยู่ไหมหละ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่หมาป่าจะกินแกะ ดังนั้นหากนายต้องการหาคนรับผิดชอบก็ไปโทษครเลี้ยงแกะเถอะ!”
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงสีแดง: “จับเขา!”
เมื่อสิ้นเสียง คนสามคนที่ล้อมทางหนีของหลินเฟิงก็เริ่มจู้โจมทันที
จากลมหายใจที่พวกเขาระเบิดออกมาพร้อมความแข็งแกร่งของแวมไพร์ นั้นไม่ได้อ่อนแอเลยพลังของพวกเขาเทียบเท่าผู้บรรลุดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสองเข้าไปแล้ว
หลินเฟิงกลายเป็นเกราะมังกรดำทันทีโดยไม่พูดอะไร
แวมไพร์สามตัวกระอักเลือดสีแดงออกมาพร้อมกันจากแรงกระแทกนี้ หลินเฟิงปกป้องร่างกายทั้งหมดด้วยพลังวิญญาณแรงสะท้อนจึงค่อนข้างรุนแรง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่รับมือยากอะไร แต่การหายใจของหลินเฟิงนั้นแสดงถึงความร้อนรนมากขึ้นเรื่อย ๆ
แวมไพร์สามตัวพุ่งเข้ามาโจมตีเขาในตอนแรก เขารับมือได้สบาย ๆ เขาค่อย ๆ รู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นและความแข็งแกร่งของเขาที่จะอ่อนแอลงทีละน้อย
ในที่สุดแวมไพร์ก็ทำลายการป้องกันของเขาด้วยหมัดเดียว ในขณะที่แวมไพร์อีกคน ตีเขาอย่างแรงที่ด้านหลัง และเตะเขาไปไกลกว่าสามเมตร
หลินเฟิงทรงตัวของเขา ความรู้สึกไร้พลังทำให้สติของเขาพร่ามัว
เขาเหงื่อออกอย่างมาก หน้าอกของเขาพองตัวอย่างรุนแรงและปอดของเขาดูเหมือนจะไหม้ไปแล้ว
ทันใดนั้นในสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดก็เกิดขึ้น ทักษะใช้ร่าวมกับสัตว์วิญญาณก็ถูกบังคับยกเลิก!
“มังกรดำ!” เขาสงสัยมาก”เกิดอะไรขึ้น”
มังกรดำตอบว่า “เจ้านายมันเป็นเพราะพลังวิญญาณในร่างกายของท่าน มันไม่เพียงพอที่จะรองรับพลังได้”
สีหน้าของหลินเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้สึกสับสนมากขึ้นไปอีก
เป็นไปได้ยังไง พลังระดับนี้จะไม่พอสนับสนุนพลังของสัตว์วิญญาณได้อย่างไร?
เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของเกราะมังกรดำแล้ว และการแสดงออกบนใบหน้าของแจ็คก็เปลี่ยนไป เขาหัวเราะออกมาทันที: “อย่าคิดที่จะทำอะไรแบบนั้นเลย ตราบใดที่นายอยู่ในป่านี้ นายไม่อยากใช้พลังวิญญาณมากขนาดนั้นหรอก!”
หลินเฟิงมองอย่างใจเย็น: “หมายความว่าไง?”
แจ็คกล่าวว่า: “ป่าแห่งนี้ได้ฝังม้านพลังของบรรพบุรุษเอาไว้ นอกจากกลุ่มโลหิตของเราแล้ว ตราบใดที่พลังอยู่ภายใต้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นห้า วิญญาณจะถูกใช้ไปมากกว่าปกติถึงห้าเท่า
ทันใดนั้นหลินเฟิงก็ตระหนักว่า หลังจากที่เขาเข้ามาที่แห่งนี้ เขาก็รู้สึกเหนื่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ ปรากฎว่ามีความลับดังกล่าวอยู่ในนี้นี่เอง
ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างลำบากแบบนี้ แม้ว่าเขาจะใช้พลังร่วมกับสัตว์วิญญาณความแข็งแกร่งของเขาก็แทบจะไม่สามารถรักษาสมดุลให้มากกว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์ระดับสามด้วยซ้ำ
ตอนนี้การใช้พลังรวมร่างกับสัตว์วิญญาณสิ้นสุดลงแล้ว และออร่ายังที่ไหลผ่านก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว ตอนนี้แม้แต่การคงพลังระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็กลายเป็นเรื่องยากมากแล้ว
“มันจบแล้วสินะ.” เขาคิดในความเงียบ “ถ้าถูกพวกมันจับได้ ฉันจะกลายเป็นหนึ่งในพวกมัน”