บทที่ 687 ปัดเป่าความเข้าใจผิด
ลมปราณแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แสงบนดอกทานตะวันก็เข้มมากขึ้นเช่นกัน
แสงที่ว่าไม่อาจบรรยายว่ามันสว่างสดใส แต่ดูราวกับแสงที่สะท้อนอยู่บนกระดาษโดยผ่านแว่นขยาย ความสว่างนั้นเข้มข้นและเจิดจ้าสูงมาก
เพียงแค่มองดูก็รู้สึกเหมือนร่างกายกำลังจะลุกไหม้
หลินเฟิงไม่กล้าขยับแม้แต่นิดเดียวเพราะรู้สึกราวกับถูกครอบคลุมมากขึ้นเรื่อย ๆ เขามั่นใจว่ากระบวนท่าของเด็กสาวจะต้องเก่งกว่าฝ่ามือหินยักษ์ของเซิงอี้อย่างแน่นอน
หากปล่อยให้ทั้งสองกระบวนท่าเข้าปะทะกัน เกรงว่าฝ่ามือหินของเซิงอี้ต้องพังทลายลงอย่างแน่นอน
เพราะเหตุนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่สามารถเลือกใช้กระบวนท่านี้เข้าปะทะได้
“มีเพียงทางเลือกเดียวเองหรือ?” หลินเฟิงกระซิบ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความลังเลและไม่ยินยอม
แต่เมื่อเห็นว่ากลิ่นอายของดอกทานตะวันได้แผ่ออกมาอย่างสมบูรณ์ พร้อมโจมตี
ด้วยความคับขัน หลินเฟิงถูกกดดันให้ตัดสินใจเลือกทำสิ่งที่เขาลำบากใจยิ่งนัก
เขาคลายร่างสัตว์ออกพร้อมกัดฟัน ภายในเสี้ยววินาที ชิปดินแดนศักดิ์สิทธิ์ห้าอันก็แตกออก
พลังวิญญาณไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาจะยังอยู่ในระดับเดิม แต่มันก็ยังอยู่ในระดับสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสี่สวรรค์
ร่างของเสี่ยวเฮยและเสียงของลมแผ่ออกมาจากร่างของหลินเฟิง ทันใดนั้น เปลวไฟอันดำมืดและลมที่รุนแรงก็หมุนวนอยู่รอบตัวเขา
หลินเฟิงพยายามกลั้นความทุกข์และแสดงท่าทางดุร้ายออกมา
พายุระบำเพลิง นี่คือกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของเขาซึ่งอยู่ในระดับปรมาจารย์ในเวลานี้ ในด้านคุณภาพของเขาเหนือกว่าทักษะวิญญาณขั้นกลางธรรมดา
เมื่อมาเผชิญหน้ากับการจู่โจมของปรมาจารย์แห่งครึ่งก้าวขั้นหก เขาจึงจำเป็นต้องทำเช่นนี้
แต่หากต้องการประหยัดชิปเพื่อให้ทุกข์ใจน้อยลง เกรงว่าเมื่อเด็กสาวปล่อยพลังมา เจ้าของชิปคงจะตายซะก่อน
ถึงแม้จะทำเช่นนี้ เขาก็ไม่แน่ใจว่าจะกันพลังของเด็กสาวได้ไหม
หากเด็กสาวไม่ต้องการให้เขามีชีวิตอยู่จริง ๆ เขาคงต้องไปขอสวามิภักดิ์
แต่ในขณะที่เขากำลังไม่สบายใจ ลมปราณของเด็กสาวที่เดิมสงบนิ่งก็กลายมาเป็นปั่นป่วน
เขาเห็นแป้นดอกทานตะวันเริ่มปล่อยแสงอันแข็งแกร่ง จากนั้นแป้นดอกทานตะวันทั้งอันก็ระเบิดบีมที่มีพลังหนาแน่นตามมาทันที!
“พายุระบำเพลิง!” หลินเฟิงรีบปล่อยพายุเพลิงสีดำออกมาทันทีเช่นกัน
พลังลำแสงช่างแข็งแกร่งจนส่งผลให้พื้นผิวตลอดเส้นทางที่มันผ่านดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย
แม้พลังของพายุเพลิงจะอ่อนกว่าขั้นนึง แต่การโจมตีที่รุนแรงก็ดูค่อนข้างเหนือกว่า
ทั้งสองพลังชนกันภายในท้องฟ้าและพื้นโลกอย่างรุนแรง ทันใดนั้นแสงอันแข็งแกร่งก็พร่างพราวและเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงจนสามารถได้ยินเสียงดังกัมปนาทภายในรัศมีห้ากิโลเมตร
ในเวลาเดียวกัน สีหน้าของหลินเฟิงก็เปลี่ยนไปในทันที คลื่นแสงที่รุนแรงได้กลืนกินเขาและทำให้เขากระเด็นออกไป
“โอ้” หลินเฟิงร้องและกระเด็นออกไปไกลกว่า 30 เมตร จนทำให้ยอดหินสองยอดแตกหัก
ท้ายที่สุดเขาก็หล่นกระแทกพื้นอย่างแรง และหยุดลงหลังจากที่ไถลไปได้เจ็ดถึงแปดเมตร
ความคิดในหัวของหลินเฟิงว่างเปล่า เขารู้สึกแค่เพียงว่าทั่วทั้งร่างของเขาแยกออกจากกันและอวัยวะภายในปั่นป่วนไปหมด
เขารู้สึกหวานในคอทันที จากนั้นก็มีแรงกระตุ้นพุ่งออกมาจนอดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เขายังเก็บชีวิตตัวเองไว้ได้
ทั้งหมดนี้เกิดจากความแข็งแกร่งอันยอดเยี่ยมของเขาเอง หากปล่อยให้คนระดับขั้นสามมาโดนแบบนี้ เกรงว่าหากไม่ตายก็ต้องพิการ
หลินเฟิงไออย่างแรงออกมาสองครั้ง หน้าอกของเขาสั่นเร็วและรุนแรง ทุกครั้งที่หายใจจะรู้สึกปวดแปล่บ
แต่ก่อนที่เขาจะได้มีเวลาหายใจอีกสองสามเฮือก ประสาทการรับรู้ก็ทำให้ใจของเขาเต้นรัว
เขารีบเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง!
เพราะเด็กสาวกำลังจะสังหารเขาด้วยดาบ!
“เดี๋ยว เดี๋ยว!” หลินเฟิงไม่เคยบิดเสียงกรีดร้องอย่างนี้มาก่อนในชีวิต ยากนักที่จะได้ยิน ทั้งเสียงและเลือดออกมาจากปากพร้อม ๆ กัน
แต่ความจริงก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งนี้ได้ผลจริง เด็กสาวที่เดิมทีเผยจิตสังหารในตอนแรกได้หยุดมือลงอย่างกะทันหัน ปลายดาบอยู่ห่างจากหลินเฟิงแค่เพียงหนึ่งเซนติเมตร
แต่ก็ยังทำให้จิตวิญญาณของดาบหลุดออกไปเล็กน้อย กลางคิ้วของเขาจึงแหว่งออกเพียงตื้น ๆ
หลินเฟิงจ้องตากลม รู้สึกตื่นเต้นจนเกือบจะหลั่งน้ำตาแห่งความกลัวออกมา
เด็กสาวเห็นว่าเขาไม่ขยับ เธอจึงขยับข้อมือจนเกิดแสงสว่างว่าบผ่านที่ดวงตาของหลินเฟิง
หลินเฟิงตื่นจากภวังทันที เขารีบยกมือขึ้นและร้องออกไป: “รอเดี๋ยว! เจ้าจะให้ข้าพูดอีกสักกี่ครั้ง? ว่านี่เป็นการเข้าใจผิด”
“เจ้าไม่เห็นหรอกหรือว่าร่างกายของเจ้าดีขึ้น?”
“ให้ความช่วยเหลือ ตอนแทนเช่นนี้ นั่นคือสิ่งที่คนเราทำหรือ?”
หลินเฟิงกังวลมากจนคำพูดสลับมั่วไปหมด
ดาบสั่นเล็กน้อยแล้วก็แข็งค้างอีกครั้ง ในที่สุดเหตุผลบางอย่างก็ปรากฏขึ้นในดวงตาอันเย็นชาของเด็กสาว
เธอมองลงไปตลอดร่างและค้นพบสิ่งผิดปกติได้ในที่สุด
ใช่แล้ว เธอโดนหมอกพิษเล่นงานอยู่ แต่เหตุใดจึงฟื้นตัวได้รวดเร็วและตื่นขึ้นมาโดยเปี่ยมไปด้วยพลัง?
แต่เธอยังคงสงสัยในตัวหลินเฟิงเป็นอย่างมากจึงเอ่ยถามด้วยเสียงหวาน “เหตุใดเจ้าจึงถอดเสื้อผ้าของข้าด้วย?”
หลินเฟิงรู้ดีว่าเด็กสาวกำลังสั่นไหว จึงรีบเอ่ยออกไปอย่างรวดเร็ว “เจ้าไม่เข้าใจหรือ? หากสวมเสื้อผ้าแล้วข้าจะถ่ายทอดออร่าให้เจ้าได้อย่างไร?”
“ยาของคนพวกนี้ฤทธิ์แรงมาก หากเจ้าไม่ได้รับการรักษาภายในครึ่งชั่วโมง ทั่วทั้งร่างของเจ้าจะถูกเปลี่ยนแปลง หลังจากนั้น เจ้าจะกลายเป็นคนธรรมดา แม้จะอยากออกจากปราสาทก็ยังไม่สามารถทำได้!”
“หากไม่ใช่เพราะข้าก็ไม่รู้ว่ายามนี้เจ้าจะไปร้องไห้อยู่ที่แห่งใด”
สิ่งที่ตามมาก็จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเรื่อย ๆ ความสำคัญของการรักษาด้วยมือของเขาจึงยิ่งมากขึ้น
แน่นอนว่า สายตาของเด็กสาวอ่อนลง
เพียงลดลงจากก้อนน้ำแข็งเหลือเป็นน้ำเย็น มันยังคงเย็นชาให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้
เธอไม่พูดอะไร มีเพียงประกายแสงสีเงินที่ส่องออกมา แล้วเธอก็เก็บดาบกลับเข้าไปในแหวนวิญญาณของเธอ
นี่แสดงว่าเธอเชื่อคำพูดของหลินเฟิงและจะไม่โจมตีเขาอีกต่อไป
หลินเฟิงถอนหายใจออกมา ค่อย ๆ ยืนขึ้น กุมหน้าอกแล้วถาม: “นี่? ถึงจะไม่ขอบคุณ แต่ไม่ขอโทษหน่อยหรือ? “
เด็กสาวจ้องมองมาที่เขาด้วยสายตาอันเย็นชาและรู้สึกช็อกเมื่อได้เห็นหลินเฟิง
หลินเฟิงรีบพูดขึ้นพร้อมยิ้ม: “ข้าล้อเล่นน่า เป็นข้าเองที่อธิบายไม่ชัดเจน เป็นความผิดข้า ความผิดข้า”
เด็กสาวไม่ได้มองมาที่เขาอีก หลินเฟิงมองท่าทางที่สง่างามและหยาบคายของเธอแล้วอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจมาก
น่าเสียดายนัก เหตุใดเด็กสาวผู้งดงามจึงโหดร้ายเช่นนี้?
ทั้งสองไม่ได้พูดกันจนหลินเฟิงรู้สึกลำบากใจ
ทันใดนั้น เด็กสาวก็หันมาและโยนบางอย่างออกไปจากมือของเธอ จากนั้นเธอก็ลอยขึ้นและร่างสง่างามจึงบินขึ้นไปบนท้องฟ้า
หลินเฟิงมองดูยาที่อยู่ในมือของเขา ยิ้มออกมาอย่างงงงวย
“อย่างมากก็ตอบแทน ไม่ใช่ขอบคุณ…”