RC:บทที่ 565 สืบทอดจากปลาหมึก
หลังจากที่ราชาปลาจากไป เสี่ยวหลันก็รีบมายืนข้าง ๆ เสี่ยวไช่แล้วพูดว่า: “องค์หญิง เลิกแกล้งทำได้แล้ว องค์ราชาไปแล้วขอรับ!”
“ไปแล้วสินะ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เสี่ยวไช่ (ชื่อองค์หญิง)ก็หยุดร้องไห้ทันที น้ำตาที่หลั่งออกมาเล็กน้อยนั้นมาจากการเสแสร้งทั้งหมด
จากนั้นเธอก็ว่ายไปที่ประตูแล้วมองออกไป เมื่อเธอแน่ใจแล้วว่าราชาแห่งปลาจากไปแล้วก็พูดขึ้นว่า “ในที่สุด แล้วชายผู้นั้นเล่า?”
“ข้าซ่อนเขาไว้ในถ้ำมืด และราชาก็ขึ้นไปที่นั่นและมองหาเขาเมื่อครู่ แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงหาเขาไม่พบ!” พวกเขากล่าวพร้อมกับว่ายไปที่หลุมมืด
แต่ทั้งสองคนมองไปในนั้นอยู่นานก็ยังคงไม่พบร่างของหลินเฟิง
“อะไรน่ะ? เกิดอะไรขึ้น? คน ๆ นั้นอยู่ไหน?” เสี่ยวไช่ถาม
เสี่ยวหลันก็ดูงุนงงเช่นกันและเอ่ยว่า “ข้าก็ไม่รู้ แต่ข้าซ่อนเขาไว้ที่นี่!”
ขณะที่พวกเขามองหาหลินเฟิงไปทุกหนทุกแห่ง ทันใดนั้นพื้นที่ก็สั่นสะเทือนและมีร่าง ๆ หนึ่งปรากฏขึ้น นั่นก็คือหลินเฟิง
“แค่ก แค่ก แค่ก”
หลินเฟิงไอสองสามครั้งแล้วกระอักเลือดออกมา
ในเวลานี้ เสี่ยวไช่ที่ได้ยินเสียงของหลินเฟิงก็รีบว่ายไปหาในทันที แล้วกล่าวว่า ” ในที่สุดข้าก็พบเจ้าสักที แล้วเจ้ามาโผล่ที่นี่ได้อย่างไร? ทำไมไม่กี้เราถึงมองไม่เห็นเจ้าล่ะ?”
ตอนนี้ ตำแหน่งที่หลินเฟิงปรากฏก็คือหลุมดำที่เขาหายตัวไปก่อนหน้า แต่เมื่อครู่นี้พวกเขากลับหาไม่พบ
หลินเฟิงไม่ตอบเธอ ได้แต่อ้าปากหอบหายใจอย่างหนัก ใบหน้าของเขาซีดขาว
เมื่อครู่นี้ หลินเฟิงใช้หอกมังกรทองเพื่อพาเขาเข้าไปในพื้นที่ย่อยจึงทำให้รอดพ้นจากการค้นหาของราชาปลา แต่ก็ต้องใช้พลังวิญญาณมากและทำให้อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้น
“เจ้าไหวไหม?” เสี่ยวไช่เอ่ยถาม
“ขอน้ำให้ข้า!” หลินเฟิงอ้าปากหอบเสียงดัง
การเข้าสู่พื้นที่ย่อยจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณจำนวนมหาศาล ตัวหลินเฟิงเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ และเขาก็ยังต้องใช้พลังควบคุมหอกมังกรทองอีก เวลานี้เขากำลังจะตายลงจริง ๆ
“เฮ้อ…”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา หลินเฟิงจึงรู้สึกดีขึ้น
อย่างไรก็ตามอาการบาดเจ็บของเขาก็ยังคงร้ายแรงอยู่มาก โชคดีที่วังปลาแห่งนี้เต็มไปด้วยพลังวิญญาณเขาจึงฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้มีหมอที่เป็นชาวปลามารักษาอาการบาดเจ็บของหลินเฟิงก่อน เขาจึงสามารถรอดชีวิตมาได้
“จริงสิ เจ้าชื่ออะไรหรือ?” เสี่ยวไช่ถาม
“ข้าชื่อหลินเฟิง!” หลินเฟิงไม่ได้ปกปิดไว้ เขาตอบออกไปตรง ๆ
“ข้าชื่อเสี่ยวไช่ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?” เสี่ยวไช่กล่าวขณะมองไปยังหลินเฟิง
ในไม่ช้า คนทั้งสองคนก็ใช้เจ้ากับข้าเป็นคำพูดคุยกัน เสี่ยวหลันที่อยู่อีกด้านก็กำลังยุ่งอยู่กับการช่วยจัดการกับอาการบาดเจ็บของหลินเฟิง
ต่อมา ทั้งสองคนก็สนทนากันอย่างมีความสุขมากขึ้นเรื่อย ๆ ตรงที่นี้ เธอและหลินเฟิงได้พูดถึงสิ่งต่าง ๆ มากมาย
หลินเฟิงยังได้เล่าเรื่องราวของมนุษย์, โลกภายนอกอีกมากมาย ซึ่งทำให้เสี่ยวไช่อยากจะไปที่โลกมนุษย์และกล่าวว่าเธอคงจะต้องไปดูพวกเขาตามเวลาของมนุษย์
หลังจากนั้น หลินเฟิงก็พักรักษาตัวกับเสี่ยวไช่ เสี่ยวไช่และหลินเฟิงจึงสนิทกันมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลินเฟิงได้ถือว่าเจ้าหญิงอี้เหรินเป็นเหมือนกับน้องสาวของเขา เขาเล่าเรื่องราวมากมายให้เธอฟังทุกวัน ซึ่งทุกครั้งเธอจะรู้สึกอินกับมันมาก
สามเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากคบหากันมานาน หลินเฟิงก็พบว่าเสี่ยวไช่เป็นเด็กผู้หญิงที่เรียบง่ายมากจนแทบจะเป็นปลาที่ไม่เคยออกจากวังมาก่อนเลย
ในช่วงเวลาต่อมา หลินเฟิงจึงได้รู้เหตุผล
เพราะองค์หญิงน้อยนั้นถือปลาหลากสีที่อยู่ในตำนาน! ราชินีในตำนานแห่งอนาคตที่จะสามารถรวบรวมโลกใต้น้ำให้เป็นหนึ่งเดียวได้!
หลินเฟิงได้เรียนรู้จากปากของเธอว่าโลกใต้ทะเลแบ่งออกเป็น 4 กองกำลังหลัก ได้แก่ มนุษย์ปลา, มนุษย์งู, มนุษย์ฉลาม และมังกรทะเล
กองกำลังทั้งสี่นี้รวมกันเป็นโลกใต้ทะเลทั้งหมดที่ควบคุมกองกำลังใต้น้ำไว้ในสี่ทิศทางตามลำดับ
ในหมู่พวกเขา กองกำลังที่มีอำนาจมากที่สุดคือตระกูลไห่หลง หลินเฟิงเรียนรู้จากคำเล่าของมังกรดำว่านั่นคือเผ่ามังกรที่แท้จริง
คือสายเลือดของราชามังกรแห่งท้องทะเล
อย่างไรก็ตาม พวกเขาอาศัยอยู่ในทะเลและเลิกติดต่อกับเผ่ามังกรในแผ่นดินใหญ่มานานแล้ว หลังจากการพัฒนาไปเป็นเวลานาน พวกเขาก็เริ่มมีอิทธิพลในพื้นที่ทะเล
เนื่องจากเสี่ยวไช่เป็นคนในตำนานหลากสีที่อยู่ในโลกใต้ทะเล กองกำลังอีกสามจึงกำลังจับตามองดูเธออยู่ ดังนั้นการปกป้องและเทิดทูนเสี่ยวไช่ของชาวปลานั้นสามารถกล่าวได้ว่าเกือบจะบ้าคลั่งกันเลยทีเดียว
มันเป็นเวลาเกือบ 200 ปีแล้วที่เสี่ยวไช่ถือกำเนิดขึ้นมา เธอไม่เคยออกนอกอาณาเขตของอี้เหรินเลยสักครั้ง เวลาเกือบจะทั้งหมดของเธอคืออยู่ในวังอี้เหริน
เมื่อหลินเฟิงได้ยินว่าเธอมีอายุมากกว่า 200 ปีเขาก็ตกตะลึง
“ก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ หรือเจ้าคิดว่าข้าอายุเท่าไหร่กัน!” เสี่ยวไช่เอ่ยถาม
“ข้าคิดว่าเจ้าอายุแค่สิบเจ็ดหรือสิบแปด” หลินเฟิงกล่าวด้วยใบหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ
“อายุขัยของชาวปลาอย่างพวกเรานั้นมากกว่ามนุษย์อย่างเจ้าถึงสิบเท่า หากคิดตามอายุขัยของมนุษย์นั้นคงสักสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี!” เสี่ยวไช่ตอบ
“โอ้ โห คงงั้นมั้ง!” ได้ฟังเธอพูดเช่นนั้น หลินเฟิงก็เลยยอมรับอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
อีกอย่าง ลองคิดดูสิ หากเจ้าใช้ชีวิตอยู่กับคนที่มีอายุมากกว่า 200 ปีไปเรื่อย ๆ เจ้าก็คงจะต้องพ่นอาหารที่เจ้ากินก่อนหน้านี้ออกมาจนหมด
ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา หลินเฟิงฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บภายใต้การคุ้มครองจากองค์หญิงอี้เหรินเสี่ยวไช่
ในโลกมนุษย์ภาคพื้นทวีป ภัยพิบัติครั้งต่อมาก็ได้ปรากฏขึ้นและมีอีกหนึ่งอารยธรรมโบราณก็ได้รับการฟื้นฟูขึ้นมา!
ทั่วทุกมุมโลกปรากฏวัตถุลึกลับและกองกำลังที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ถือเกิดขึ้นมา ภัยพิบัติที่คาดการณ์ไว้ก็ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ในตอนนี้อาการบาดเจ็บของหลินเฟิงได้บรรเทาลงและระดับของเขาก็ทะลุมาถึงขั้นสุดท้ายของระดับ SS แล้ว
ต้องขอบคุณดีงูของมนุษย์งูน้ำเงินระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เสี่ยวหยางเอามาให้เขาในวันนั้น ระดับของเขาเลยก้าวหน้าขึ้นเป็นอย่างมาก
ด้วยเวลาเพียงสามเดือน หลินเฟิงสกัดดีงูได้อย่างหมดจด เขาเริ่มต้นจากขั้นกลางระดับ SS ไปถึงขั้นสูงสุดของระดับ SS ได้อย่างรวดเร็ว
แม้ว่าระดับของหลินเฟิงในเวลานี้จะอยู่เพียงระดับ SS แต่ความแข็งแกร่งทางกายภาพของเขาก็ได้มาถึงระดับ SSS แล้ว และเขายังสามารถใช้ชิปพรสวรรค์ระดับ SSS ได้ ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างแน่นอน
ในวันนี้ ขณะที่หลินเฟิงต้องการจะบอกลาเสี่ยวไช่ เสี่ยวหลันก็พุ่งเข้ามา
“องค์หญิง ทำไมท่านถึงยังอยู่ที่นี่! วันนี้เป็นวันที่ท่านจะต้องรับสืบทอดมรดกนะ!” เสี่ยวหลันกล่าวออกมาพร้อมสีหน้าที่กังวล
แต่เจ้าหญิงอี้เหรินเสี่ยวไช่ดูเหมือนจะไม่สนใจ เธอกล่าวว่า “ข้าไม่ต้องการรับมรดกนั้น ข้าแค่อยากได้ยินหลินเฟิงเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ข้าฟัง”
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเฟิงจึงรู้สึกกระอักกระอ่วนแล้วกล่าวว่า “เสี่ยวไช่ ไปเร็ว! ข้าจะบอกเจ้าว่าข้าดีขึ้นมากแล้วและข้าก็จะไปจากที่นี่เช่นกัน!”
“อะไรกัน? เจ้ากำลังจะจากไปหรือ?” เมื่อเสี่ยวไช่เห็นว่าหลินเฟิงกำลังจะจากไป ทันใดนั้นเธอก็ดูลุกลี้ลุกลน เธอรีบคว้ามือของหลินเฟิงมาจับไว้ราวกับว่าเธอกลัวการจากไปของหลินเฟิง
เสี่ยวไช่มองไปที่หลินเฟิงและพูดว่า “อย่าไปเลย ตกลงนะ! ข้าไม่อยากให้เจ้าไป!”
หลินเฟิงมองเห็นดวงตาที่ใสซื่อของเสี่ยวไช่ และเขาก็ลังเลที่จะยอมแพ้ เขากล่าวว่า “เสี่ยวไช่ พวกเราอยู่กันคนละโลก เจ้าเป็นปลาเป็นชาวทะเล! ส่วนข้าเป็นมนุษย์ ข้าเป็นมนุษย์นะ ข้าถูกลิขิตให้ต้องแยกจากกัน … “