RC:บทที่ 566 ท่าทางแปลก ๆ ของเสี่ยวไช่
ขณะที่หลินเฟิงกำลังพูด เขาก็นึกถึงช่วงเวลาสามเดือนที่ผ่านมา มนุษย์ปลาผู้งดงามอยู่กับเขามานานกว่าสามเดือนแล้ว เธอพาเขาไปดูโลกใต้ทะเลที่สวยงามและรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่เธอมีให้ตลอดมาในทุก ๆ วัน
ในขณะเดียวกัน หลินเฟิงก็รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวขององค์หญิงอี้เหริน เพราะเธอถือเป็นตำนานของชาวอี้เหรินและเธอต้องทนทุกข์ทรมานมากกว่าคนอื่นหลายเท่า
เธอไม่มีความสุขและอิสระ การมาของหลินเฟิงได้เปิดโลกใบใหม่และความหวังใหม่ให้กับเธอ
“ไม่ ข้าไม่ต้องการแยกจากเจ้า!” เสี่ยวไช่กล่าวอย่างดื้อรั้น น้ำตาร่วงหล่น
หลินเฟิงมองไปที่เสียงร้องขององค์หญิงน้อย หัวใจก็ทนไม่ได้เช่นกัน
พอได้พูดความจริงออกมา หลินเฟิงก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกของเสี่ยวไช่ที่มีต่อเขา แต่เขาไม่ได้คิดแบบนั้น สำหรับเธอมีเพียงความรู้สึกขอบคุณเท่านั้น
อีกอย่างคือเขารู้สึกเหมือนเธอเป็นน้องสาว
“องค์หญิง ชาวปลาทั้งหมดกำลังรวมตัวกันที่แท่นสืบทอดมรดก กำลังรอท่านอยู่นะ!” เสี่ยวหลันเอ่ยเร่ง
เสี่ยวไช่ส่ายหัวอย่างสิ้นหวังและกล่าวว่า “ข้าไม่ไป ข้าจะไม่ไป!”
“หลินเฟิง อย่าจากไป ได้ไหม?” เสี่ยวไช่กล่าวอีกครั้ง
หลินเฟิงส่ายหัวแล้วพูด “เสี่ยวไช่ เจ้าคือตำนานของชาวอี้เหริน เจ้ามีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ! และข้าก็มีสิ่งที่ข้าต้องทำเช่นกัน”
“ทุกคนรอเจ้านานแล้ว ไปเถอะ! ข้าจะมาพบเจ้าเมื่อข้ามีเวลา” หลินเฟิงกล่าว
“ไม่! ข้าไม่ยอมให้เจ้าไป” เสี่ยวไช่ดึงมือของหลินเฟิงไว้แน่นเพราะกลัวว่าเขาจะจากไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นที่ด้านนอกพระราชวัง
“พระราชาเสด็จ”
ทั้งสามคนที่ได้ยินเสียงนี้ก็สะดุ้งสุดตัวและมีสีหน้าตกใจมาก
เสี่ยวไช่และเสี่ยวหลันเห็นเป็นเช่นนี้ก็พูดขึ้นว่า “หลินเฟิง, ซ่อนตัวเร็วเข้า!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ร่างของหลินเฟิงก็หายแว่บไปซ่อนตัวอยู่หลังก้อนหินไหม้เกรียมก้อนหนึ่ง เกล็ดมังกรดำปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขาและมีชิประดับ SSS แผ่นหนึ่งอยู่ที่กึ่งกลางหว่างคิ้วของเขาเปล่งแสงสีทองออกมา
พลังของหลินเฟิงเพิ่มสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ระดับของหลินเฟิงได้รับการเลื่อนขั้นไปสู่ขั้นสูงสุดของระดับ SS และไปถึงขั้นปลายของระดับ SSS หลังจากที่รวมพลังกับมังกรดำ และด้วยพรจากชิปพรสวรรค์ระดับ SSS หลินเฟิงจึงข้ามผ่านไปถึงระดับ SSS ขั้นสูงสุด
ระดับของเขาเพิ่มไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจนเข้าใกล้ระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์
คราวนี้หลินเฟิงไม่ได้เข้าไปในพื้นที่ย่อยเนื่องจากค่าผ่านทางในการเข้าสู่พื้นที่ย่อยนั้นมากเกินไปและใช้เวลานานกว่าจะฟื้นตัว
ยิ่งไปกว่านั้นระดับของหลินเฟิงก็เกือบจะถึงระดับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ เขาคาดว่าเขาคงจะไม่ปล่อยลมปราณให้เล็ดลอดออกไปและอีกฝ่ายอาจจะหาเขาไม่พบ
ชายที่มีผมขาว คิ้วขาวและสวมมงกุฎลอยคนหนึ่งลอยเข้ามา เขาก็คือราชาแห่งปลา
“ไช่เอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงยังไม่มาสักที?” ราชาปลาเข้ามาแล้วเอ่ยถาม
“กำลังไปเจ้าค่ะ!” เสี่ยวไช่ซับน้ำตาที่หลั่งออกมา จากนั้นมองไปยังจุดที่หลินเฟิงซ่อนตัวอยู่อย่างรี ๆ รอ ๆ
เธอคนนั้นดูเหมือนอยากจะอ้อนวอนไม่ให้หลินเฟิงจากไป
“หืม?” ดวงตาของเสี่ยวไช่ทำให้ราชาแห่งปลารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง
ราชาแห่งปลาขมวดคิ้วและมองไปยังตำแหน่งที่หลินเฟิงซ่อนตัวอยู่ ในชั่วพริบตาหลินเฟิงก็พบว่าราชาแห่งปลาได้มองทะลุเข้ามาและมองเห็นตัวเขา
“ออกมาสิ! ข้าหาเจ้าเจอตั้งนานแล้ว” ราชามนุษย์ปลาพูด
“เอ่อ … ” หลินเฟิงตะลึงและตกใจในเวลาเดียวกัน เขาไม่คาดคิดว่าจะโดนอีกฝ่ายจะพบตัวแล้ว
หลินเฟิงไม่ได้ซ่อนตัวอีกต่อไป เขาสลายพลังในร่างกายของเขาแล้วปรากฏตัวขึ้น
“ระดับสูงสุดของ SS เพิ่มขึ้นเร็วมาก!” ราชามนุษย์ปลามองไปที่หลินเฟิงและเอ่ยขึ้น
“ขอบคุณสำหรับคำชม ขอบคุณที่ไม่ฆ่าข้ามาหลายวันแล้ว!” หลินเฟิงโค้งคำนับ
ในความเป็น จริงก่อนหน้านี้หลินเฟิงก็คิดสงสัยว่าอีกฝ่ายได้พบตัวเขาตั้งแต่ก่อนหน้านี้หรือไม่ แต่ไม่ได้กล่าวออกไป
ในความเป็นจริงก็คือ
ปรมาจารย์แห่งตระกูลมนุษย์ปลาทำตัวดั่งก้อนเมฆ ทั้งที่หลินเฟิงมาอยู่ที่นี่ได้สามเดือนแล้วแต่กลับหาเขาไม่พบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่องค์หญิงอี้เหรินพาเขาออกไปดูโลกอันสวยงามของมนุษย์ปลาที่สวยงาม ผู้แข็งแกร่งมากมายนั้นต่างก็สังเกตเห็น
แต่ในเวลานั้น ราชาแห่งปลาก็ได้มองเห็นองค์หญิงเสี่ยวไช่ด้วย เพราะเธอได้ออกมาพร้อมกับหลินเฟิงและเธอก็ดูมีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พอเห็นว่าหลินเฟิงไม่ได้มีจุดประสงค์อื่นใด ดังนั้นเขาจึงยอมอยู่แค่ในพระราชวังปลาเท่านั้น
ราชามนุษย์ปลามองไปที่หลินเฟิงอย่างอ่อนโยนและกล่าวว่า: “อาการบาดเจ็บดีขึ้น งั้นก็จากไปได้แล้วสินะ!”
“ขอบคุณ” หลินเฟิงประสานมือ โค้งคำนับและหันเดินออกไป
ทันใดนั้นเสี่ยวไช่ก็คว้าหลินเฟิงเอาไว้ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความดื้อรั้นและเอ่ยว่า “ไม่นะ อย่าไป!”
มันยากที่จะได้เจอกับหลินเฟิงอีก
“ท่านพ่อ ท่านออกไปก่อน! ข้ามีคำที่จะกล่าวกับหลินเฟิง ประเดี๋ยวข้าจะรีบตามไป! สุดท้ายแล้ว เสี่ยวไช่ก็ตัดสินใจแล้วเอ่ยออกไป
ราชามนุษย์ปลามองไปที่หลินเฟิงจากนั้นก็มองไปที่เสี่ยวไช่แล้วพูดว่า “ตกลง!”
หลังจากราชามนุษย์ปลาจากไป เสี่ยวไช่ก็มองไปที่หลินเฟิงและพูดว่า “เจ้าต้องการจะไปจริง ๆ หรือ?”
หลินเฟิงพยักหน้าและกล่าว “ข้าขอโทษ!”
เขาเห็นน้ำตาขององค์หญิงน้อยไหลออกมา: “เพราะเราต่างเผ่าพันธุ์?”
หลินเฟิงมีความรู้สึกต่อเสี่ยวไช่ราวกับเป็นน้องสาวของเขา เขาอยากจะอธิบายอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่ายิ่งเขาอธิบายเรื่องแบบนี้มากเท่าไหร่มันก็ยิ่งแย่ลงมากเท่านั้น
เขาจึงพูดออกมาตรง ๆ ว่า “ถูกต้อง”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เสียงร้องไห้ของเสี่ยวไช่ก็หยุดลงและดวงตาของเธอก็ดูแน่วแน่เป็นอย่างงมากจนเกือบจะบ้าบิ่นสักเล็กน้อย
“ได้! หากเป็นเช่นนั้น!”
ทันใดนั้นเธอก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากแขนของเธอซึ่งดูคล้ายเปลือกหอย
หลินเฟิงไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอเอาออกมามันคืออะไร เขาไม่รู้ถึงความตั้งใจของเสี่ยวไช่ว่าคืออะไร
ในช่วงเวลาต่อมา เสี่ยวไช่ก็เปิดเปลือกขนาดเล็กออก และทันใดนั้นก็เกิดแรงดูดที่ไม่อาจต้านทานได้ดูดร่างของหลินเฟิงเข้าไป
หลินเฟิงไม่ได้ต่อต้านและเข้าไปในนั้น
“องค์หญิง องค์หญิง! ท่านดูดเขาเข้าไปในเปลือยหอยเวทมนต์ทำไมหรือ?” เสี่นวหลันที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวด้วยความตกใจ
เธอเหลือบมองเขาและพูดว่า “ถ้าเจ้ากล้าพูดออกไป ข้าจะเอาเจ้าเข้าไปในนี้ด้วย!”
“ข้าไม่กล้า ข้าไม่กล้า” เสี่ยวหลันพูดอย่างเร่งรีบ
“ไปได้แล้ว”
จากนั้นเสี่ยวไช่ก็เดินออกไปอย่างใจเย็น
“ออกมาเร็วนัก?” ราชาประหลาดใจ
“อื้อ” เสี่ยวไช่พยักหน้าและเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่สนใจราชามนุษย์ปลา
ราชามนุษย์ปลาก็ไม่ได้คิดอะไร เพียงแค่คิดว่าพอหลินเฟิงไปแล้ว เธอคงจะเสียใจได้ไม่นานนัก
ในเวลานี้ หลินเฟิงกำลังอยู่ในพื้นที่อันมืดมิด พื้นที่นี้ใหญ่มากราวกับว่าไม่มีจุดสิ้นสุด
ในเวลานี้ หลินเฟิงอยากที่จะปลดปล่อยเสี่ยวเฮยและมังกรดำออกมา และให้พวกเขาช่วยคิดหาทาง
แต่หลังจากที่พยายามไปสองสามครั้ง เขากลับพบว่าเขาไม่สามารถเปิดพื้นที่ให้สัตว์เลี้ยงออกมา
ข้างนอกได้!
องค์หญิงน้อยตรงไปยังแท่นสืบทอด ในเวลานี้ที่ด้านนอกของแท่นสืบทอดได้มีชาวปลานับไม่ถ้วนลอยเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยด้วยรูปแบบที่ใหญ่โตตระการตามาก
คนเหล่านี้กำลังยืนรออยู่ที่นั่น รอคอยการมาถึงขององค์หญิงน้อย ราชินีแห่งอนาคตของชาวปลา
ตรงด้านหน้า มีแท่นบูชาขนาดใหญ่ที่มีม่านแสงกั้นอยู่ หลังม่านแสงคือสถานที่สืบทอดของชาวอี้เหริน
เมื่อเสี่ยวไช่มาถึงแท่นบูชา กษัตริย์อี้เหรินและเสี่ยวหลันก็หยุดลง
มีเพียงเสี่ยวไช่ที่ก้าวขึ้นไปบนแท่นบูชาทีละก้าว