บทที่ 101
มิตรสหายที่พบกันด้วยความริษยา
ที่หน้าประตูของหอราตรีนิรันดร์
มีผู้หญิงคนหนึ่งที่เหมือนจะเป็นนางโลมของที่นี่เงยหน้าขึ้นมองอย่างหยิ่งผยองพร้อมพูดออกมาว่า “ทั้งที่แต่งตัวดูดีมาแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับอยู่ในสภาพไม่ต่างจากหมาข้างถนน ใครจะไปคิดว่าเจ้าจะเป็นพวกหลอกลวง”
“ทำเป็นพูดว่า ‘ข้าไม่ได้บอกว่าข้าจะไม่ให้เงิน แต่กระเป๋าสตางค์ของข้าถูกปล้นข้าสัญญาว่าจะจ่ายเงินคืนในวันพรุ่งนี้’”
“แหวะ ข้ออ้างพวกนี้ ข้าได้ยินคนพูดแบบนี้โดยไม่ซ้ำหน้ากันมาประมาณ 50 คนต่อปีแล้ว” หญิงนางโลมคนนั้นเม้มริมฝีปาก
คนคุ้มกันสองสามคนที่อยู่ข้าง ๆ ก็ดูเหมือนจะทุบตีหนักขึ้น
นี่ยังไม่เพียงพอสำหรับพวกคนที่เบี้ยวเงิน เพื่อต้องการจะใช้บริการที่นี่ฟรี ๆ
แต่มันน่าแปลกเล็กน้อยที่ชายผู้น่าสงสารคนนี้ไม่ได้กระอักเลือดอะไรเลย ทั้ง ๆ ที่โดนทุบตีอย่างหนักหน่วง
ขณะเดียวกันมีหญิงสาวหลายคนก้าวลงบันไดมาจากชั้นบนรีบวิ่งลงมาข้างล่าง พวกนางแต่งตัวในรูปแบบที่แตกต่างกัน ต่างคนต่างสง่างามน่าหลงใหลพร้อมด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าพวกนางทั้งหมดมีเสน่ห์อันไม่มีที่สิ้นสุด
เสน่ห์ที่ทำให้ผู้ชายหลงใหล
“ หยุดทะเลาะกันเถอะนะ” ในหมู่พวกนาง มีหญิงสาวคนหนึ่งที่มีอารมณ์เย็นชา บ่นพึมพำขึ้นมา
หัวหน้านางโลมโกรธในทันทีที่ได้ยิน “ที่รักของข้า เจ้าหมอนี่มันมาเพื่อใช้บริการฟรี ๆ เจ้ายังจะแนะนำข้าใจเย็นอีกเหรอ เจ้าโดนน้ำมันเสน่ห์บังตามารึยังไง”
มีร่องรอยของความอับอายบนใบหน้าของหญิงสาวที่นางไม่ควรมี “วันนี้ท่านฉูอยู่กับพวกเรา พี่สาวน้องสาวนั่งดื่มนั่งเขียนบทกวีและเล่นพิณไปด้วยกัน ยิ่งไปกว่านั้นพี่สาวน้องสาวของเราก็เต็มใจที่จะใช้เวลาทั้งคืนไปกับท่านฉูพวกเราไม่เชื่อว่าเขาจะเป็นคนร้ายโกหกหลอกลวงผู้อื่น เราควรปล่อยให้เขาไปก่อนดีกว่าบางทีเขาคงจะส่งเงินให้พวกเราในวันพรุ่งนี้”
หญิงสาวคนอื่น ๆ อีกหลายคนเองก็พยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าเกลี้ยกล่อมให้ปล่อยฉูจงฉวนไป
“ใช่แล้ว” ฉูจงฉวน ยื่นศีรษะของเขาขึ้นมาแล้วพูดว่า “ข้ามีเพื่อนที่ดีคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเจ้าของร้านค้าในเมืองแห่งความพินาศ เขาชื่อว่าลั่วอู๋เขามีเงินให้ข้ายืมและข้าจะไปรับมันในวันพรุ่งนี้”
หัวหน้านางโลมได้ยินก็โกรธยิ่งขึ้น “ไอ้ลูกหมา ต่อให้พวกน้องสาวของข้าจะพูดปกป้องเจ้า ก็ไม่ได้หมายความว่าความโกรธของข้าจะบรรเทาหรอกนะ ข้าจะตีเจ้าแรง ๆ ให้พูดไม่ออกเลย “
“ ……” ฉูจงฉวนกอดศีรษะของเขาและยังคงถูกทุบตีต่อไป เขาได้แต่พูดในใจเรียกลั่วอู๋,
ลั่วอู๋ทั้งที่ข้าอ้างชื่อของเจ้าแล้วแท้ ๆ ทำไมกันข้าถึงยังโดนทุบตีต่อไปล่ะ ?
ช่างเป็นชีวิตอันยากลำบากเหลือเกิน ที่ท่านต้องมามีชีวิตอยู่ในเขตหวงชา
ไม่ว่าสาว ๆ จะขอร้องอย่างไรหญิงชราหัวหน้านางโลมก็ไม่ใจอ่อน นางหวังว่าฉูจงฉวนจะตายลง เพื่อที่นางจะได้สั่งสอนเหล่านักต้มตุ๋นให้เป็นตัวอย่างว่าพวกเขาไม่สามารถโกงหญิงนางโลมเหล่านี้ได้ด้วยการอ่านบทกวีสองสามบทและพูดคำโน้มน้าวที่ดี
“หยุดก่อน”
มีเสียงดังขึ้นมาจากทางประตู
ลั่วอู๋เดินเข้ามาและตรงไปที่ฉูจงฉวน
“เจ้าหนุ่ม เจ้าต้องการอะไร ?” คนคุ้มกันเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา
ลั่วอู๋อธิบาย “พอแล้วอย่าตีเขาต่อเลย “
“เจ้าหนุ่มอยากจะมาขวางงั้นสิ ? รู้รึเปล่าว่าที่นี่คือที่ไหน?” คนคุ้มกันเอื้อมมือไปที่ไหล่ของลั่วอู๋ราวกับจะจับตัวเขา
ลั่วอู๋เอื้อมมือขวาของเขาออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
พลังวิญญาณควบแน่นระหว่างนิ้วและพุ่งออกมา
ทันใดนั้นคนคุ้มกันก็ถูกพลังวิญญาณผลักออกไป แต่ลั่วอู๋ก็รีบช่วยฟื้นคืนความเสียหายให้และไม่ทำร้ายเขาต่อ ด้วยที่ว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของลั่วอู๋มีพลังวิญญาณมากพอที่จะสามารถบดขยี้คนธรรมดา ๆ ได้อย่างง่ายดาย
“นี่มันการปลดปล่อยพลังวิญญาณ!”
“ผู้ใช้พลังวิญญาณอย่างนั้นเรอะ!”
คนคุ้มกันทั้งหมดตอบสนองในทันที เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา แต่เป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน
“ลั่วอู๋!” ดวงตาของฉูจงฉวนยิ้มแย้มแจ่มใส เขาพูดด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่เจ้ามาเที่ยวเล่นที่นี่พอดิบพอดี โปรดให้ข้าได้ยืมเงินด้วยเร็ว ๆ เลย”
ลั่วอู๋ไม่ได้มีสีหน้าที่ดี “เที่ยวเล่นอะไรกันเล่า ข้ามาตามหาตัวเจ้า ข้าไม่มีเงินมาจ่ายค่าบริการและสุราให้เจ้าหรอกนะ แล้วทำไมเจ้าถึงตกอยู่ในสภาพนี้ได้กันเงินไปไหนหมด?”
“แค่ก” ฉูจงฉวนทำหน้าเขินอาย “เงินของข้าถูกปล้น แต่ข้าลืมไปแล้วว่าตอนไหน”
ลั่วอู๋เชื่อคำพูดของเขา
ให้ตายสิช่างเป็นคนที่คาดเดาอะไรไม่ได้จริงๆ
“ผู้ใช้พลังวิญญาณงั้นหรือ ? ผู้ใช้พลังวิญญาณแล้วมันยังไง ? กล้าดียังไงมาวางท่าในเขตของข้าตลอดทั้งคืน!” คนคุ้มกันตะโกนด้วยความโกรธ “ไปเรียกนายท่านหลินมา”
คนที่ถูกเรียกว่านายท่านหลินกำลังจะมาที่นี่
นางมีพลังวิญญาณมาก และอยู่ในระดับเงิน มิติ 8 ของผู้ใช้พลังวิญญาณ
เมื่อนางเห็นลั่วอู๋นางก็ตกตะลึงเล็กน้อยจากนั้นดวงตาของนางก็แสดงถึงความโกรธ
“เจ้านี่เอง” ลั่วอู๋รู้สึกประหลาดใจ
นางคือคนนี้คืออดีตที่ปรึกษาของหอคอยหวงชา
หลินตาผู้ซึ่งเคยข่มขู่ลั่วอู๋ให้ส่งมอบสูตรยารวบรวมพลังวิญญาณให้กับหอคอยหวงชาและมักจะมาที่ศาลาไป่หยู่เพื่อจับผิด ได้ยินว่านางถูกย้ายกลับไปที่สาขาหลักพรรคหวงชา เขาไม่คาดคิดว่านางจะมาอยู่ที่นี่
ช่างเป็นมิตรสหายที่พบกันด้วยความริษยาจริง ๆ
“ท่านหลิน เจ้าหนุ่มสองคนนี้ไม่ยอมจ่ายเงิน หลังจากใช้บริการผู้หญิงและพวกเขาก็ทำร้ายคนคุ้มกันของข้าด้วย” หัวหน้านางโลมกล่าวอย่างรีบร้อน
ลั่วอู๋ทำอะไรไม่ถูก
ข้าไม่ได้ใช้บริการผู้หญิงของพวกเจ้าซะหน่อย
ฉูจงฉวนโกรธ
“ข้าเป็นคนอ่อนโยน ไม่มีเงินก็หมายความว่าไม่มีเงินและข้าสมควรถูกทุบตี ข้าจะไปทำร้ายคนคุ้มกันของเจ้าได้อย่างไร”
หลินตาแสยะยิ้มอย่างน่ากลัว “ที่นี่เป็นซ่องแคบ ๆ ที่ไม่มีใคร ข้าอยากจะรู้นักว่าถ้าเจ้าถูกฆ่าตายในซ่อง เพราะเจ้าไม่มีเงินจ่ายค่านางโลม ตระกูลลั่วจะสนใจไหม”
หลังจากพูดจบ หลินตาก็ยิงพลังวิญญาณใส่ทันทีโดยไม่ได้ให้โอกาสลั่วอู๋พูด
หัวใจของลั่วอู๋เย็นลง
ถ้าพวกเขาถูกฆ่าด้วยเหตุผลนี้ตระกูลลั่วคงไม่มีทางสนใจอย่างแน่นอน
นี่เป็นความอัปยศของวงศ์ตระกูล บางทีพวกเขาอาจจะกำจัดลั่วอู๋เองด้วยซ้ำ
นั่นคือความคิดของหลินตา
ดังนั้นนางไม่สนใจว่ามันเป็นความเข้าใจผิดหรือไม่ แม้ว่าจะเป็นความเข้าใจผิด แต่นางก็ต้องฆ่าลั่วอู๋ก่อน เขาจะได้ไม่มีโอกาสอธิบายอะไร
หลินตาจึงใช้ฝ่ามือวิญญาณยิงฆ่าเขาทิ้งเสียตรงนี้
“อืม เจ้าคงคิดว่าข้าเป็นไอ้ไก่อ่อนคนเดิมที่ข้าเคยเป็นสินะ” ลั่วอู๋หันมือของเขาและมีโล่คริสทัลก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
ลั่วอู๋ถือโล่คริสทัลและส่งพลังวิญญาณ เข้าปกคลุมส่วนหน้าของโล่ในทันทีและพุ่งใส่หลินตา
โล่คริสทัลนั้นแข็งแกร่งมากเกินพอที่จะสกัดกั้นการโจมตีของอีกฝ่ายได้
แต่ลั่วอู๋ได้ใช้โล่ในการโจมตีด้วย ซึ่งโดยธรรมชาติจะได้เปรียบอย่างมากในการต่อสู้
“ตูมมมม”
ฝ่ามือวิญญาณของหลินตา กระทบเข้ากับด้านบนของโล่คริสทัล แต่นางยังคงตกตะลึง ในพลังอันทรงพลังของมัน นางต้องใช้ระยะเจ็ดหรือแปดก้าวเพื่อทำให้ร่างกายคงที่ ใบหน้าของนางแสดงถึงท่าทางตกใจ
เป็นไปได้อย่างไร?
เขาเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณที่แข็งแกร่งขนาดนี้เลยเหรอ?
มันเป็นไปไม่ได้ นี่เพิ่งผ่านมาเพียงครึ่งปี เขาก็สามารถได้รับการเลื่อนจากผู้ใช้พลังวิญญาณระดับทองแดงไปเป็นผู้ใช้พลังวิญญาณระดับเงิน นี่เป็นความเร็วในการฝึกฝนแบบไหนกัน
แม้ว่าลั่วอู๋จะมีโล่อยู่ในมือ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะถอยออกจากหอราตรีนิรันดร์ โดยไม่มีออร่าพลังวิญญาณระดับที่สูงกว่านี้
ในตอนแรกคู่ต่อสู้ของนางนั้นอ่อนแอ แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งจนสามารถทำให้นางสั่นคลอนได้ หลินตารู้สึกรับความจริงไม่ได้
“ ท่านหลิน!” หัวหน้านางโลมและคนคุ้มกันทั้งหมดต่างตกใจ
เหตุใดท่านหลินถึงถูกโต้กลับได้?
เด็กหนุ่มคนนี้แข็งแรงขนาดนี้เลยเหรอ?
ปากของลั่วอู๋ยกขึ้นเล็กน้อย พลังป้องกันของโล่คริสทัลยังน่าเชื่อถืออย่างที่คิดไว้
“นั่นคือโล่คริสทัลนี่นา ข้าเคยเห็นผู้ใช้พลังวิญญาณของเมืองแห่งความพินาศใช้มัน” แขกคนหนึ่งร้องอย่างตื่นเต้น “โล่คริสทัลของศาลาไป่หยู่ มันแข็งแกร่งมากและสามารถป้องกันการโจมตีของหมียักษ์ระดับเงินมิติ 8 ได้มากกว่า 10 ครั้ง ซึ่งขนาดนั้นแล้วก็ยังแทบไม่มีรอยแตกเลย”
โล่ส่วนใหญ่ถูกขายที่เมืองแห่งความพินาศ
จึงมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ไหลเข้าสู่เมืองอื่น ๆ หลายคนจึงไม่รู้จักโล่คริสทัล
หลังจากได้ยินสิ่งที่แขกพูด ทุกคนในอาคารต่างก็ประหลาดใจที่พวกเขามีโล่ป้องกันอันแข็งแกร่งเกินจริงเช่นนี้?
“ศาลาไป่หยู่ เมื่อเร็ว ๆ นี้เป็นคู่แข่งของหอคอยหวงชา ข้าได้ยินมาว่าเจ้าของร้านผู้อยู่เบื้องหลังคือชายหนุ่มชื่อว่าลั่วอู๋” บางคนพูดถึงเขา
หลายคนเริ่มจำได้
ว่าฉูจงฉวนเคยเรียกชื่อของลั่วอู๋
“เจ้าคือลั่วอู๋แห่งศาลาไป่หยู่งั้นหรือ” หัวหน้านางโลมรู้สึกประหลาดใจ
นางเองก็เคยได้ยินชื่อของลั่วอู๋ด้วย
ในการประลองเมื่อ 3 เดือนที่แล้วอาจารย์หงแห่งหอคอยหวงชาได้พ่ายแพ้ เขาจึงถูกเรียกว่าผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณอันดับ 1 ของพื้นที่เขตหวงชา
ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณ พวกเขาทุกคนล้วนเป็นคนรวย
จากนั้นเขาก็พูดว่า “หินวิญญาณที่ข้ามีติดตัว มันคงเพียงพอสำหรับจ่ายค่าใช้จ่ายเล็กน้อยพวกนี้ใช่ไหม”
ฝูงชนอุทาน
ในมือเขามีหินวิญญาณมูลค่า 1 หมื่น เขาช่างมีน้ำใจร่ำรวย
สมแล้วที่เป็นถึงเจ้าของร้านที่แท้จริงของศาลาไป่หยู่
เขารวยมาก