บทที่ 133 การกลับมา
ตอนนี้ในเมืองแห่งความพินาศความนิยมของศาลาไป่หยู่ได้แซงหอคอยหวงชาจนครอบคลุมไปหมดแล้ว
ผู้คนรู้จักแต่ศาลาไป่หยู่เท่านั้น ไม่ใช่หอคอยหวงชาอีกต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นสาขาหอคอยหวงชาในเมืองแห่งความพินาศก็กำลังยุ่งเหยิง เพราะเจ้าของร้านของพวกเขาหายตัวไปอย่างปริศนาจึงทำให้ธุรกิจในทุก ๆ ด้านวุ่นวายไปหมด ทีมหวงชาเองก็มีคนยื่นข้อเสนอให้ถอนสาขาหอคอยหวงชาในเมืองแห่งความพินาศออกไป
และเมื่อไม่มีการตรวจสอบหรือปรับเปลี่ยนใด ๆ ในหอคอยหวงชา การพัฒนาของศาลาไป่หยู่จึงเป็นที่ชื่นชอบมากขึ้น และในที่สุดก็เกือบจะแทนที่ตำแหน่งร้านที่ดีที่สุดในเมืองแทนหอคอยหวงชา
ก่อนหน้านี้มันเป็นเพราะความสามารถส่วนตัวของเจ้าของร้าน หรือก็คือการอาศัยสิ่งที่ลั่วอู๋ทิ้งไว้เบื้องหลังทำให้ศาลาไป่หยู่เจริญรุ่งเรือง
แต่ตอนนี้ศาลาไป่หยู่ พร้อมทำธุรกิจโดยสมบูรณ์แล้ว แม้ว่าลั่วอู๋จะไม่อยู่ที่นั่น ศาลาไป่หยู่ก็จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรมากนัก
ผู้คนต่างก็เข้ามาในศาลาไป่หยู่
วันนี้มีคนมาที่ศาลาไป่หยู่เยอะมาก
นางไม่ได้แต่งตัวเหมือนคนในเขตหวงชา นางสวมเสื้อใยไผ่สีขาวและปักปิ่นสีเงิน ผิวของนางบอบบางและขาว คิ้วดูละเอียดอ่อนและร่างกายของนางก็สง่างาม อย่างไรก็ตามบรรยากาศของนางเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว
หญิงสาวคนนี้นั้นสวยมากจนใคร ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่นาง
“ มีอะไรให้ช่วยไหมขอรับ ท่านหญิง” เมื่อเห็นว่านางคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่คนธรรมดา เสี่ยวชาซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการดูแลลูกค้าจึงได้เข้ามาสอบถามด้วยตนเอง
เฉินหมิงหยู่หันมามองแล้วพูดว่า “จงเรียกผู้ปรับแต่งที่ดีที่สุดในร้านของเจ้าออกมา ข้ามีสัตว์วิญญาณต้องการจะให้เขาช่วยปรับแต่ง”
“ปรับแต่ง? ขออภัยด้วย บริการการปรับแต่งสัตว์วิญญาณในร้านของเราจำเป็นต้องมีการนัดหมายก่อนและ … ”
เสี่ยวชากำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เฉินหมิงหยู่ก็หยิบถุงใส่หินวิญญาณออกมาและวางมันไว้บนโต๊ะ นางพูดเบา ๆ ว่า “นี่คือ 1 แสนหินวิญญาณ”
สิ่งนี้ได้ดึงดูดความสนใจของผู้คนในทันที
เกิดความโกลาหลขึ้นภายในร้าน
เสี่ยวชากลืนน้ำลาย ตรงหน้าเขาตอนนี้คือ 1 แสนหินวิญญาณ ซึ่งดูจะใจดีเกินไป
เจ้าของร้านคนเก่าเดินออกมารับหน้าแทน “เราไม่ต้องการหินวิญญาณมากขนาดนั้น ที่ศาลาไป่หยู่ บริการของเราจะต้องคุ้มค่าเสมอ ถ้าเป็นการนัดหมาย ท่านจ่ายเงินมัดจำ 100 หินวิญญาณก็เพียงพอแล้ว”
เสี่ยวชารีบถอยกลับไปอย่างเร่งรีบ
เขาไม่สามารถรับหน้าที่ทำธุรกิจใหญ่แบบนี้ได้
เฉินหมิงหยู่มองไปที่เจ้าของร้านคนเก่าและพูดอย่างใจเย็น “ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อนัดหมาย ข้ากำลังมองหาผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่ดีที่สุดของศาลาไป่หยู่ เพื่อปรับแต่งสัตว์วิญญาณให้กับข้า”
“ข้าขออภัยด้วย” เจ้าของร้านส่งกระเป๋าหินวิญญาณคืนไปให้นาง
เฉินหมิงหยู่ตกใจ “เจ้าหมายความว่ายังไง?”
“ผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่ดีที่สุดของศาลาไป่หยู่ คือนายน้อยของข้าและกฎของนายน้อยของข้า คือลูกค้าทุกคนต้องทำการนัดหมายล่วงหน้า” เจ้าของร้านคนเก่ากล่าวพร้อมขอโทษ
ลั่วอู๋ตั้งกฎนี้เอาไว้
เนื่องจากเขากลัวว่าจะมีปัญหาตามมา
นับตั้งแต่ที่เขาได้รับตำแหน่งผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณอันดับหนึ่งในพื้นที่หวงชา ผู้คนต่างก็มาติดต่อหาลั่วอู๋อย่างไม่ขาดสายจนมากเกินไป
มันขัดกับนิสัยของเขา โดยปกติแล้วลั่วอู๋จะทำธุรกิจเป็นครั้งคราว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วเขาก็แค่ทำตามอารมณ์ของตัวเอง
เฉินหมิงหยู่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไร สถานะของผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับอาวุโสนั้นค่อนข้างสูงส่ง ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่ควรจะมีการนัดหมาย
“ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยเรียกเขาออกมาหน่อย อย่างน้อยถ้าแค่เจอหน้าเขาก็คงจะได้ใช่ไหมล่ะ” เฉินหมิงหยู่ กล่าว
เจ้าของร้านคนเก่าทำอะไรไม่ถูก “ขออภัยด้วย แต่นั่นก็คงจะไม่ได้เช่นกัน”
“ทำไมล่ะ?”
“ นายน้อยได้ออกไปฝึกฝนแล้วและเขายังไม่กลับมา”
เฉินหมิงหยู่นั้นกำลังรีบนางมีเวลาไม่มากนัก
อะไรเนี่ย
“ถ้าอย่างนั้นข้าอยากเห็นสัตว์วิญญาณที่ศาลาไป่หยู่ของเจ้าขาย ที่นี่คือส่วนหลักใช่ไหมล่ะ” เฉินหมิงหยู่ กล่าว
“แน่นอน”
จากนั้นเฉินหมิงหยู่ก็สังเกตเห็นสัตว์วิญญาณของศาลาไป่หยู่ทั้งหมด
สุนัขชาชี, แร้งทราย, นกกางเขนทราย, กระต่ายแห่งแดนสาบสูญ
“ทั้งหมดมีเท่านี้งั้นหรือ ดูเหมือนว่าระดับการปรับแต่งของนายน้อยของเจ้าจะไม่ได้สูงเท่าไหร่นักนะ”
เฉินหมิงหยู่มองไม่เห็นว่าสัตว์วิญญาณเหล่านี้จะมีดีอะไร แม้ว่ามันจะได้รับการยกระดับแก่นวิญญาณแล้ว แต่มันก็เป็นอะไรที่นางสามารถทำได้อย่างง่ายดาย
สาเหตุที่สัตว์วิญญาณเหล่านี้เป็นที่นิยมได้ก็เพราะว่าพวกมันถูกเลือกสรรมาอย่างดี พวกมันทั้งหมดเป็นสัตว์วิญญาณที่มีข้อดีที่เปล่งประกาย
หลังจากการยกระดับแก่นวิญญาณจะทำให้ข้อบกพร่องหายไป ซึ่งทำให้พวกมันเป็นที่นิยมมากขึ้น
แต่แน่นอนว่ามันไม่คุ้มเท่าไหร่ที่จะยกระดับแก่นวิญญาณของสัตว์วิญญาณระดับทองแดงและค่าใช้จ่ายก็ไม่คุ้มค่า จึงมีไม่กี่คนที่เต็มใจที่จะทำเช่นนี้
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินหมิงหยู่ ใบหน้าของเจ้าของร้านคนเก่าก็ดูมืดมนเล็กน้อย “ท่านหญิง ได้โปรดอย่าพูดเช่นนี้ ”
แขกคนหนึ่งกล่าวเตือนอย่างกรุณาว่า “เจ้าอย่ามาดูถูกนายน้อยของศาลาไป่หยู่ เขาคนนี้ได้รับชัยชนะจากอาจารย์หงในการแข่งขัน อาจารย์หงคนนั้นเป็นหัวหน้าผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณของทีมหวงชาและอยู่ห่างจากการเป็นผู้ปรับแต่งวิญญาณระดับสูงเพียงก้าวเดียว ในความคิดของข้า นายน้อยลั่ว คงถือว่าเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูง”
นี่เป็นการคาดเดาของหลาย ๆ คน
มีหลายคนคิดว่าลั่วอู๋น่าจะเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูง
“เจ้าเข้าใจช่องว่างความแตกต่างระหว่างขั้นกลางกับขั้นสูงงั้นเหรอ” สีหน้าของเฉินหมิงหยู่ดูไม่มีความสุข
นางได้สัมผัสกับการปรับแต่งพลังวิญญาณตั้งแต่อายุ 13 ปีและกลายเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับกลางเมื่ออายุได้ 14 ปี อย่างไรก็ตามนางต้องใช้เวลากว่า 4 ปีในการเลื่อนขั้นเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูง เป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไปที่จะเข้าใจถึงความยากลำบากนี้ได้
ทุกคนในศาลาไป่หยู่โกรธ
ผู้หญิงคนนี้ดูถูกคนอื่นมากเกินไป หรือว่านางจะเป็นคนจากหอคอยหวงชาที่ถูกส่งมาให้ก่อความวุ่นวายอีก
จู่ๆ เฉินหมิงหยู่ก็ถามว่า “ข้าได้ยินมาว่านายน้อยของพวกเจ้ามีอายุเพียง 18 ปี?”
“แน่นอนนายน้อยของข้า มีความสามารถในการปรับแต่งอย่างหาที่เปรียบมิได้” เจ้าของร้านคนเก่ากล่าวอย่างหยิ่งผยอง
ลั่วอู๋ถูกขับออกจากตระกูลลั่วหลังจากตั้งแต่ยังหนุ่มและมีอายุเพียงแค่ 18 ปี
เฉินหมิงหยู่กล่าว “เจ้ารู้ไหมว่ามีเด็กผู้หญิงในตำนานอยู่ในเมืองหลวงของจักรวรรดิ นางกลายเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูงได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีและเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูงที่อายุน้อยที่สุดในรอบหลายพันปี”
ฝูงชนมองหน้ากัน
พวกเขาเหมือนว่าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องเล่านี้
เฉินหมิงหยู่ถามอีกครั้ง “นายน้อยของเจ้าสามารถเทียบเคียงได้กับเด็กผู้หญิงที่มีพรสวรรค์และอัจฉริยะที่หนึ่งในหลายพันปีคนนั้นหรือไม่”
เจ้าของร้านคนเก่านิ่งเงียบไป
เขาไม่ควรคุยเรื่องไร้สาระ มิฉะนั้นจะทำให้เดือดร้อนได้ง่าย
การพูดข้องเกี่ยวกับคนอื่นไม่เป็นประโยชน์แน่นอน
ในที่สุดเฉินหมิงหยู่ก็แสดงรอยยิ้มและทำหน้าอันซุกซน “ดูเหมือนว่านายน้อยของเจ้าจะอายุไม่ถึง 18 ปีเลยก็จริง แม้เขาจะเป็นชายหนุ่มที่อายุน้อยแต่ระดับของเขาก็ยังไม่ถึงผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณระดับสูง พวกเจ้านี่ช่างขี้โม้ ”
“นี่ … ” ใบหน้าของเจ้าของร้านคนเก่าแดงระเรื่อด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “ท่านหญิงต้องการอะไรกันแน่ ?”
เฉินหมิงหยู่หัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ดี “ไม่เป็นไรข้าแค่ต้องการพิสูจน์ว่า ลั่วอู๋คนนี้ไม่ได้มีเยี่ยมยอดอย่างที่พวกเจ้าโอ้อวด”
การจะช่วยสุนัขชาชีให้มีสติปัญญา มีแต่จะต้องปรับปรุงต้นกำเนิดเท่านั้น
ส่วนสำหรับแมงป่องทะเลทรายที่เรียนรู้ทักษะก้าวพริบตาอาจเป็น เพียงแค่บังเอิญหรือเพราะลั่วอู๋มีวิธีการลับที่สืบทอดกันมาเป็นพิเศษ ซึ่งก็ไม่สามารถแสดงได้ถึงระดับพลังวิญญาณของตัวเอง
ดูเหมือนว่านางจะยังคงเป็นผู้ปรับแต่งพลังวิญญาณที่เก่งกาจที่สุดในโลกอยู่
ขณะนั้นก็มีเสียงมาจากทางประตู
“ข้าไม่อยู่แค่สองเดือน ก็มีคนมาป้ายสีความสามารถในการปรับแต่งของข้าแล้วเหรอ มันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของพวกเจ้าเลย ว่าแต่เด็กสาวตัวน้อยที่อยากเจอข้าอยู่ที่ไหน”
เสียงที่ดังมาจากทางด้านหน้าประตูของศาลาไป่หยู่ สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน
มันเป็นเสียงของนายน้อย
นายน้อยกลับมาแล้ว